วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ซีพีเอ็นแตกไลน์ธุรกิจใหม่แบรนด์ ‘Common Ground’

On November 13, 2018

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)หรือซีพีเอ็นประกาศเดินหน้าขยายไลน์ธุรกิจใหม่แบรนด์‘คอมมอน กราวด์’ (Common Ground) โคเวิร์กกิ้งสเปซเต็มรูปแบบเพื่อสร้างคอมมูนิตี้ผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพรุ่นใหม่และต่อยอดวิสัยทัศน์การสร้างCenter of Lifeศูนย์กลางการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ด้วยการร่วมทุนกับ Common Ground Group แบรนด์โคเวิร์กกิ้งสเปซที่เติบโตรวดเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งเป้าทุ่มงบ 800 ล้านบาท เปิด20 สาขา ใน 5 ปี เปิดสาขาแรกต้นปีหน้า มุ่งเป็น ‘คอมมูนิตี้เชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการหัวคิดใหม่ที่ดีที่สุด’ แห่งแรกในไทย ชูจุดแข็งความเป็นศูนย์การค้าอันดับหนึ่งของประเทศที่สามารถต่อยอดธุรกิจด้วยเน็ตเวิร์กและมาร์เก็ตเพลสของซีพีเอ็น และกลุ่มเซ็นทรัล พร้อมตอบรับชีวิตทำงานยุคใหม่ด้วย Holistic Lifestyle Integration เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพฮับแห่งเซ้าท์อีสต์เอเชีย และผลักดันเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่งยั่งยืน

cpn2

ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนาผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า “จากวิสัยทัศน์การสร้างCenter of Life ของเราในการเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่เราจึงขยายไลน์ธุรกิจใหม่แบรนด์ ‘คอมมอน กราวด์’ (Common Ground) โคเวิร์กกิ้งสเปซเต็มรูปแบบ ซึ่งถือเป็น the New Generation of Innovative Coworking Communityเพื่อเป็น ‘คอมมูนิตี้เชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการหัวคิดใหม่ที่ดีที่สุด’ แห่งแรกในไทยด้วยการร่วมทุนกับคอมมอน กราวด์กรุ๊ป แบรนด์โคเวิร์กกิ้งสเปซที่เติบโตรวดเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยตั้งเป้าทุ่มงบ 800 ล้านบาท เปิด20 สาขา ใน 5 ปี เปิดสาขาแรกต้นปีหน้าเพื่อตอบรับเทรนด์ coworking space และ sharing economy กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลก และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใน 10 ปีข้างหน้า และผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของธุรกิจโคเวิร์กกิ้งแห่งใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

cpn3

นายอิศเรศ จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายขาย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)กล่าวถึงเทรนด์ของโคเวิร์คกิ้งสเปซในไทยว่า ในปัจจุบัน มีกลุ่มบริษัทโคเวิร์กกิ้งสเปซระดับนานาชาติจากต่างประเทศหันมาปักหมุดและลงทุนในประเทศไทย โดยปัจจัยหลัก 2ประการ คือหนึ่งเมกะเทรนด์ที่ไลฟ์สไตล์การทำงานของผู้คนรุ่นใหม่เปลี่ยนแปลงไปตาม Technology และ Flexibility โดยต้องการพื้นที่ทำงานที่มีความเป็น Collaborative Workspaceรวมถึงการลดต้นทุนทางธุรกิจทำให้รูปแบบการทำงานของผู้ประกอบการ และบริษัทใหญ่ๆ ทั่วโลกจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยคาดว่าตลาด coworking space ในเอเชีย จะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 30% ในปี 2030 จากปัจจุบันที่มีตลาดอยู่ที่ 2% สองอัตราการเติบโตของตัวเลขเอสเอ็มอีในประเทศไทย ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสูง8-10% ต่อปี มากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน โดยกว่า 1 ใน 6  มีธุรกิจอยู่ในกรุงเทพฯ หรือคิดเป็นกว่า 500,000 รายโดยเอสเอ็มอีเหล่านี้ ล้วนแต่มองหาสถานที่ทำงานในทำเลที่ดี หรือ prime location แต่การเข้าถึงออฟฟิศให้เช่าเกรด A ในกรุงเทพฯ เป็นไปได้ยากและมีราคาสูง เช่นเดียวกับบริษัทใหญ่ๆ ที่ต้องการลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ทำให้โคเวิร์กกิ้งในรูปแบบของ ‘คอมมอน กราวด์’ จึงเกิดขึ้นเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในเข้าถึงสถานที่ทำงานรูปแบบใหม่ หรือ โคเวิร์กกิ้งสเปซที่เต็มไปด้วยบริการมาตรฐานเกรด A แต่ยังตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพเปี่ยมไปด้วยเครือข่ายทางธุรกิจ

มร. เออร์แมน อะคินซี หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งคอมมอน กราวด์และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของคอมมอน กราวด์ เผยว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเข้าใจผู้ประกอบการอย่างลึกซึ้งในประเทศไทย เราเชื่อว่าการผนึกกำลังในครั้งนี้กับเซ็นทรัลพัฒนาที่เป็นผู้นำการพัฒนาศูนย์การค้าของประเทศและหนึ่งในบริษัทกลุ่มเซ็นทรัลจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจและสร้างนวัตกรรมทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการไทยให้สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ทำให้ผู้ประกอบการสามารถต่อยอดธุรกิจด้วยเน็ตเวิร์กและมาร์เก็ตเพลสพร้อมตอบรับชีวิตคนทำงานและไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ด้วย Holistic Lifestyle Integrationด้วยความแข็งแกร่งและกลุ่มธุรกิจที่หลากหลายของกลุ่มเซ็นทรัลทั้งห้างสรรพสินค้า โรงแรม แบรนด์แฟชั่น ไลฟ์สไตล์และร้านอาหาร จะเป็นจุดแข็งด้านไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่น ครบครันและครอบคลุมที่สุดในประเทศไทย”

cpn4

“การเปิดตัวคอมมอน กราวด์ในประเทศไทยนี้ถือเป็นการเปิดตัวในต่างประเทศเป็นประเทศที่ 3 ในภูมิภาคนี้ โดยจะเป็นรีจินัลแฟลกชิพแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยขนาดพื้นที่ถึง 4,500 ตร.ม. ซึ่งจะตั้งอยู่ในBangkok CBD ซึ่งโคเวิร์กกิ้งสเปซรูปแบบใหม่นี้จะทำให้ผู้ประกอบการหรือบริษัทใหญ่ต่างๆ สามารถลดต้นทุน เนื่องจากไม่จำเป็นต้องลงทุนสร้างออฟฟิศแบบถาวร ตั้งอยู่ใน Prime location ทำให้ติดต่องานและหมุนเวียนเปลี่ยนโลเคชั่นได้สะดวก อีกทั้ง มีความแตกต่างจากโคเวิร์กกิ้งสเปซอื่นๆ ด้วยจุดเด่นในการมอบไลฟ์สไตล์ที่ครบครันและสมบูรณ์แบบ (Enrich Lifestyle) ด้วยโลเคชั่นที่ใกล้กับศูนย์การค้าพร้อมสิทธิประโยชน์มากมายจากพันธมิตรทางธุรกิจและแบรนด์ต่างๆ ทั้งแฟชั่นไลฟ์สไตล์ ร้านอาหาร ธนาคาร ฟิตเนส ที่จอดรถ ร่วมด้วยกิจกรรมอีเว้นต์และไลฟ์สไตล์เวิร์กช็อปมากมาย พร้อมต่อยอดการเติบโตทางธุรกิจ (Expand Business through our deep partnerships) ด้วยการได้ทดลองทำตลาด ทำจริง ขายจริง ในศูนย์การค้าของซีพีเอ็น และธุรกิจอื่นๆของกลุ่มเซ็นทรัล นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังสามารถใช้บริการได้ในทุกสาขาทั่วโลกและเพิ่มคอนเนคชั่นทางธุรกิจที่เปิดกว้างและหลากหลายกว่า” มร. เออร์แมน อะคินซีกล่าว

มร. จุน เตียวประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทคอมมอนกราวด์และอีกหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งกล่าวถึงแผนการลงทุนของคอมมอน กราวด์กรุ๊ปในระดับภูมิภาคว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าเราตั้งเป้าจะเติบโตกว่า 3 เท่าทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสำหรับประเทศไทย จะมีจำนวนสาขาทั่วประเทศ กว่า 20 สาขา โดยกว่า 10 สาขาจะตั้งอยู่บน Prime Location ในกรุงเทพฯ ที่อยู่ในอาคารสำนักงานที่เชื่อมต่อกับศูนย์การค้าของซีพีเอ็นหรืออาคารสำนักงานให้เช่าอื่นๆ รวมถึงสาขาในหัวเมืองสำคัญ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต และ พัทยา เป็นต้น ทำให้ผู้ประกอบการสามารถใช้บริการในโลเคชั่นของเราได้ทั้งในและต่างประเทศ”

cpn5

มร. เตียว กล่าวเพิ่มเติมว่า  “คอมมอน กราวด์เป็นรูปแบบใหม่ของโคเวิร์คกิ้งสเปซในประเทศไทย โดยจับกลุ่มเป้าหมายคนทำงานรุ่นใหม่ ได้แก่ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี กลุ่มสตาร์ทอัพและฟรีแลนซ์ 80% และกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความต้องการทำงานในโคเวิร์กกิ้งสเปซ 20% การขยายธุรกิจเข้ามาในประเทศไทยในครั้งนี้ จึงมุ่งเข้ามาเพื่อสร้างสรรค์ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ให้กับคนไทย เพื่อตอบรับ6เทรนด์โคเวิร์กกิ้งสเปซที่จะเกิดขึ้นในปี 2019ทั่วโลกอีกด้วย ทำให้คอมมอนกราวด์เป็นโคเวิร์กกิ้งสเปซเต็มรูปแบบที่ตอบโจทย์เทรนด์ระดับโลกทั้ง 6 ประการ เพื่อสร้างคอมมูนิตี้ผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ครั้งแรกในประเทศไทย”

โดย มร. เตียว กล่าวเพิ่มเติมถึง 6 เทรนด์โคเวิร์กกิ้งสเปซที่จะเกิดขึ้นในปี 2019 ทั่วโลก ได้แก่

ในระดับนักลงทุนธุรกิจโคเวิร์กกิ้ง คือ

เทรนด์การเข้ามาลงทุนทำ Coworking space จะเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความครบครันให้กับโครงการในรูปแบบมิกซ์ยูสของกลุ่มบริษัทอสังหาริมทัพย์

เทรนด์โลคัลแอคโกลบอล หรือ การผสมผสานอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของผู้ประกอบการในท้องถิ่นเข้ากับความเชี่ยวชาญการจัดการในระดับนานาชาติจากโกลบอลแบรนด์

ในระดับผู้ประกอบการยุคใหม่

กระแส Work-Life Balance ในคนยุคใหม่

เทรนด์การชอบใช้พื้นที่การทำงานที่สามารถปรับเปลี่ยนได้และช่วยจุดประกายต่อยอดโอกาสธุรกิจ (Flexible & Hyper Competitive Space)

เทรนด์ความต้องการเชื่อมต่อเน็ตเวิร์กด้วยเทคโนโลยีและระบบบล็อคเชนในพื้นที่การทำงานและ

เทรนด์ที่กลุ่มบริษัทใหญ่ๆ (Corporate) เริ่มมองหาพื้นที่การทำงานในรูปแบบใหม่เพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ให้กับองค์กร รวมถึงเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ


You must be logged in to post a comment Login