- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 3 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ชนะใจจึงชนะศึก
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 3 ธ.ค. 61)
เสียงวิจารณ์การแบ่งเขตเลือกตั้งเป็นอีกครั้งที่ทำให้ “ทั่นผู้นำ” อารมณ์เสียหลุดคำสบถออกมา สภาวะทางอารมณ์ของ “ทั่นผู้นำ” น่าสนใจว่าถ้ายอมเอาชื่อไปใส่ในบัญชีชิงเก้าอี้นายกฯของพรรคการเมืองจะปรับจูนท่าทีของตัวเองได้หรือไม่ เพราะแน่นอนว่าหากโดดลงสนามเต็มตัวจะตกเป็นเป้าโจมตีหนักหน่วงกว่าที่เป็นอยู่อีกหลายเท่า ความชอบไม่ชอบอาจสวิงคะแนนไปให้ฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะคะแนนจากกลุ่มพลังเงียบ ต่อให้ไพร่พลพร้อม เสบียงพร้อม ศาสตราวุธพร้อม อยู่ในชัยภูมิที่ได้เปรียบ แต่ถ้าชนะใจประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของคะแนนเสียงไม่ได้ก็อาจกำชัยได้ยาก
“สื่อข้างนอกก็ถามกันอย่างเดียวเรื่องการแบ่งเขต แม่ง! จะตายห่ากันให้หมดหรืออย่างไรก็ไม่รู้กับไอ้เรื่องซังกะบ๊วยพวกนี้ ก็ว่ากันไปตามกติกา จะผิดหรือถูกผมไม่รู้ กติกาว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น ผมจะไปรู้อะไร นายกฯจะรู้เรื่องการแบ่งเขตหรือ ไม่เกี่ยวหรอก ใครได้ใครเสียก็ว่าไป วันนี้เขาแบ่งด้วยอะไร เขาแบ่งด้วยประชากรที่เพิ่มขึ้นกับเรื่องของพื้นที่ วันนี้เปลี่ยนไปเท่าไรแล้ว 4-5 ปีกูจะเอาแบบเดิมตลอด ติดพื้นที่แบบเดิมตลอด ไม่ว่าจะปรับอย่างไร ตั้งอย่างไร แก้อย่างไร ถ้าคนไม่เลือกเลยพรรคไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น ก็แล้วแต่โชคชะตาก็แล้วกัน ประเทศไทยไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว”
คำกล่าวบางช่วงบางตอนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 5/2561 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นอารมณ์เบื่อสุดๆกับความเคลื่อนไหวและความเห็นของฝ่ายการเมือง
นี่ยังเป็นแค่น้ำจิ้ม
ของจริงรอหลังปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้เต็มที่ในช่วงปลายสัปดาห์หน้า ขนาดยังมีโซ่ตรวนล่ามอยู่ยังดุขนาดนี้ เมื่อปลดโซ่ตรวนออกแล้วจะขนาดไหนนึกภาพดู
โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องชิงคะแนนเสียงเลือกตั้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอำนาจใกล้หลุดมือ แม้จะมีดาบกายสิทธิ์มาตรา 44 อยู่ในมือ แต่ความน่ากลัวจะลดน้อยลง
ไม่เพียงแต่นักการเมืองฝ่ายตรงข้าม แม้แต่ข้าราชการก็จะเข้าเกียร์ว่างมากขึ้นเพื่อรอดูทิศทางลมอำนาจว่าจะพัดไปข้างใดหลังการเลือกตั้ง
ถ้า “ลุงตู่” ยังหงุดหงิดกับเรื่องแบบนี้ น่าเป็นห่วงว่าหากจะโดดมาเล่นการเมืองเต็มตัวจะคุมอารมณ์ได้แค่ไหน อย่างไร
สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอนหากชื่อ “ลุงตู่” ไปปรากฏอยู่ในบัญชีชื่อที่พรรคการเมืองเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใดจะถูกฝ่ายการเมืองตรงข้ามกล่าวหาโจมตีในระหว่างหาเสียงเลือกตั้งแน่นอน
จะอยู่เฉยได้ไหม จะไม่ตอบโต้ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวได้หรือไม่…น่าสนใจ
เรื่องนี้สำคัญเพราะจะมีผลต่อคะแนนความนิยม ไม่เพียงเฉพาะคะแนนนิยมส่วนตัว แต่หมายรวมถึงคะแนนของพรรคการเมือง คะแนนของผู้สมัคร ส.ส. ในพรรคการเมืองที่เอาชื่อ “ลุงตู่” ไปใส่ไว้ในบัญชีชื่อผู้ท้าชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีด้วย
แม้ผู้สมัคร ส.ส. ส่วนใหญ่จะมีคะแนนฐานของตัวเอง
แม้การแบ่งเขตเลือกตั้งจะเอื้ออำนวยให้อย่างที่มีการกล่าวหา
แต่ต้องไม่ลืมว่าในทุกพื้นที่ ทุกเขตเลือกตั้ง มีคะแนนที่เรียกว่าเป็นพลังเงียบแอบแฝงอยู่ นอกจากนี้ยังมีตัวแปรสำคัญอย่างคะแนนหมั่นไส้ที่พร้อมจะเทให้ฝ่ายตรงข้ามหากสถานการณ์พัฒนาไปถึงจุดที่ประชาชนรู้สึกว่ารับไม่ไหว
ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองรู้ถึงจุดอ่อนเรื่องนี้เป็นอย่างดี
เหลือแค่ว่าจะสร้างกระแสรับไม่ได้ ทนไม่ไหวขึ้นมาได้หรือไม่ ซึ่งส่วนหนึ่งที่จะทำให้กระแสนี้จุดติดหรือไม่ในความคิดของประชาชนที่เป็นพลังเงียบคือตัว “ลุงตู่” เองที่ต้องอดทนอดกลั้นต่อความยั่วยุต่างๆ ต้องควบคุมตัวเองให้ได้
ถ้าหลุดตอบโต้ด้วยถ้อยคำไม่เหมาะสม กิริยาไม่เหมาะสม ก็เข้าทางฝ่ายตรงข้าม
จึงน่าสนใจว่าถ้า “ลุงตู่” ยอมให้พรรคการเมืองเอาชื่อไปใส่ในบัญชีชื่อท้าชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีจะร่วมเดินสายหาเสียงด้วยหรือไม่ ถ้าไปจะไปด้วยท่าทีแบบใด
นี่อาจเป็นเพียงประเด็นเล็กๆ แต่เป็นประเด็นเล็กที่ใหญ่เพราะเล่นกับความรู้สึกประชาชน ความรักไม่รัก ความชอบไม่ชอบ สามารถผลักดันให้ประชาชนตัดสินใจกาบัตรได้มากกว่าผลงาน นโยบาย หรือผลประโยชน์อื่นใดที่ได้รับ
ต่อให้ไพร่พลพร้อม เสบียงพร้อม ศาสตราวุธพร้อม อยู่ในชัยภูมิที่ได้เปรียบ แต่ถ้าชนะใจประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของคะแนนเสียงไม่ได้ก็กำชัยได้ยาก
You must be logged in to post a comment Login