- ปีดับคนดังPosted 16 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 7 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
รักษาศาสนาเพื่อรักษาตัวเอง
คอลัมน์ สันติธรรม
รักษาศาสนาเพื่อรักษาตัวเอง
โดย บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้วันสุข วันที่ 7-14 ธันวาคม 2561)
จักรวาลมิได้เกิดขึ้นมาเอง แต่เกิดขึ้นมาโดยมีผู้สร้างที่เป็นผู้วางกฎกำหนดความเป็นไปของทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น คำสอนทางศาสนาเก่าแก่บอกเรื่องนี้ไว้ในรูปของคำว่า “พรหมลิขิต”
พรหม แปลว่าผู้สร้าง ลิขิต หมายถึงการเขียนหรือการกำหนด ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจ เพราะใครจะสร้างอะไร คนผู้นั้นก็ต้องเป็นผู้ออกแบบและผู้กำหนดสิ่งที่ตนเองจะสร้างขึ้น
ถ้าดาวนับแสนล้านดวงในระบบสุริยจักรวาลและกาแล็กซีถูกสร้างขึ้นมาเหมือนการโยนลูกเต๋า ดวงดาวทั้งหมดก็คงไม่ถูกจัดวางระเบียบและโคจรไปตามวิถีที่ถูกกำหนดไว้จนมนุษย์สามารถคำนวณได้อย่างแน่นอน
ในบรรดาดวงดาวนับแสนล้านดวง โลกเป็นดาวเล็กๆดวงหนึ่งที่แตกต่างไปจากดาวดวงอื่นๆตรงที่โลกมีสิ่งมีชีวิตที่ประกอบด้วยมนุษย์ สัตว์ และพืช
ในสิ่งมีชีวิต อวัยวะทั้งภายในและภายนอกของมนุษย์และสัตว์ถูกสร้างขึ้นมาโดยผู้สร้างที่มีความปรีชาสามารถ อวัยวะภายในของมนุษย์และสัตว์แต่ละชนิดถูกวางไว้ในตำแหน่งเดียวกันจนเราไม่อาจบอกว่ามันเกิดขึ้นมาเอง และอวัยวะเหล่านั้นถูกควบคุมโดยกฎทางชีววิทยาที่มนุษย์ไม่อาจล่วงเกินได้ แม้มันจะอยู่ในตัวของมนุษย์เอง
ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถสั่งหัวใจของตนเองให้เต้นตามจังหวะดนตรี หรือสั่งกระเพาะอาหารให้ย่อยในสัปดาห์หน้าเพราะเสียดายอาหารที่กินเข้าไปได้ อวัยวะทุกชิ้นในร่างกายของมนุษย์ไม่เชื่อฟังคำสั่งของมนุษย์ แต่มันจะเชื่อฟังคำสั่งของผู้สร้างมันขึ้นมาเพื่อให้มนุษย์มีชีวิตที่เป็นปรกติสุข
ด้วยเหตุนี้มนุษย์จึงมิใช่เจ้าของตัวเอง พระเจ้าผู้ทรงสร้างต่างหากที่เป็นเจ้าของชีวิตมนุษย์ทั้งทางด้านร่างกายและวิญญาณ ความเจ็บไข้ได้ป่วย ความตาย และเคราะห์กรรมต่างๆเกิดขึ้นเพื่อบอกมนุษย์ให้รู้ว่ามนุษย์มิได้เป็นเจ้าของชีวิตของตัวเอง
แม้มนุษย์และสัตว์มีอวัยวะภายนอกและภายในเหมือนกัน แต่สิ่งที่ทำให้มนุษย์และสัตว์แตกต่างกันก็คือสติปัญญาและเสรีภาพในการเลือกปฏิบัติ
และสิ่งที่ทำให้มนุษย์ไม่เพียงแตกต่างจากสัตว์ แต่ยังสูงส่งกว่าสัตว์ก็คือศาสนาซึ่งสัตว์ไม่มี สัตว์มีแต่สิ่งที่เรียกว่าสัญชาตญาณเป็นตัวควบคุมพฤติกรรมของมัน
ดังนั้น ศาสนาจึงเป็นกฎควบคุมการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เป็นกฎที่มีปฏิสัมพันธ์กับกฎทางชีวภาพ กฎทางกายภาพ และกฎของจักรวาล การละเมิดกฎของศาสนาจะส่งผลกระทบในทางที่เสียหายต่อกฎทางชีวภาพและกายภาพ
แต่เนื่องจากมนุษย์มีสติปัญญาและเจตนารมณ์เสรี พระเจ้าผู้สร้างมนุษย์จึงไม่กำหนดให้มนุษย์ต้องใช้ชีวิตเยี่ยงปศุสัตว์ที่ต้องกินใบไม้ใบหญ้าตั้งแต่เกิดจนตาย แต่พระเจ้าได้ประทานอาหารมากมายหลายชนิด และสั่งห้ามมนุษย์กินบางอย่างที่ไม่จำเป็นเพื่อทดสอบว่ามนุษย์จะถือว่าพระเจ้าเป็นใหญ่และเชื่อฟังพระองค์ หรือมนุษย์จะเชื่อว่าตัวเองเป็นใหญ่และทำตามอารมณ์ของตัวเอง
ด้วยเหตุที่มนุษย์ได้รับสติปัญญา มีเสรีภาพในการเลือก มีศาสนาบอกว่าอะไรเป็นที่อนุมัติและอะไรเป็นที่ต้องห้าม ดังนั้น มนุษย์จึงต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจทำอะไรลงไป
ทุกศาสนามีวัตถุประสงค์ที่เหมือนกันประการหนึ่ง นั่นคือ เพื่อรักษาชีวิต สติปัญญา และทรัพย์สิน อันเป็นสิ่งมีค่า ดังนั้น ในทุกศาสนาจึงมีคำสั่งที่เป็นข้อใช้และข้อห้ามที่เหมือนกัน เช่น ห้ามเสพสิ่งมึนเมา การละเมิดข้อห้ามทางศาสนาจึงเป็นสาเหตุแห่งการทำลายสิ่งมีค่าที่กล่าวมา
แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ศาสนาต้องการให้มนุษย์รักษาศาสนาด้วยการปฏิบัติศาสนา เพื่อให้ศาสนาคอยควบคุมและรักษาชีวิตของมนุษย์ไว้มิให้ได้รับความวิบัติทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
You must be logged in to post a comment Login