วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

นบีมุฮัมมัดกับพหุสังคม

On December 12, 2018

คอลัมน์ สันติธรรม

นบีมุฮัมมัดกับพหุสังคม

โดย บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้วันสุข วันที่ 14-21 ธันวาคม 2561 )

คาบสมุทรอาหรับก่อนหน้าสมัยอิสลามเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม ชาวอาหรับส่วนใหญ่กราบไหว้บูชารูปเคารพหลายร้อยองค์ที่ตั้งเรียงรายอยู่รอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺในเมืองมักก๊ะฮฺ  

ในเมืองยัษริบทางตอนเหนือของเมืองมักก๊ะฮฺมีชุมชนลูกหลานอิสราเอล 3 เผ่าที่หนีการถูกเข่นฆ่าสังหารจากกองทัพโรมันใน ค.ศ. 70 มาตั้งรกรากถิ่นฐานอยู่ คนกลุ่มนี้คัมภีร์กุรอานเรียกว่า “ชาวคัมภีร์” เพราะเป็นกลุ่มชนที่บรรพบุรุษได้รับคัมภีร์จากพระเจ้า เช่น โมเสส เดวิด เยซัส เป็นต้น

เมื่อคัมภีร์ของพระเจ้าถูกทำลายจากการถูกรุกรานครั้งแล้วครั้งเล่า ศาสนาจารย์ของลูกหลานอิสราเอลได้เขียนคัมภีร์ขึ้นมาใหม่ ซึ่งทำให้คนที่เชื่อในคัมภีร์เหล่านี้กลายเป็นกลุ่มชนที่ถูกเรียกว่า “ยิว”

Hijrah King-Negus

ในแคว้นนัจญ์รอนทางตอนใต้ของคาบสมุทรอาหรับใกล้ประเทศเยเมนปัจจุบันมีชุมชนชาวคริสเตียนอาศัยอยู่ ชาวคริสเตียนในแคว้นนี้มีความสัมพันธ์กับอาณาจักรอักซุม ซึ่งเป็นอาณาจักรคริสเตียนอีกฝั่งหนึ่งของทะเลแดงในทวีปแอฟริกา อาณาจักรนี้กินดินแดนของประเทศเอธิโอเปียและเอริเทรียในปัจจุบัน

ในเวลานั้นชาวยิวสมรู้ร่วมคิดกับอาณาจักรเปอร์เซียที่ต้องการขยายอิทธิพลทางด้านตะวันออกของคาบสมุทรอาหรับ และชาวยิวมักจะกดขี่ข่มเหงชาวคริสเตียนเสมอเมื่อสบโอกาส

ก่อนสมัยนบีมุฮัมมัดประมาณ 500 ปี ชุมชนชาวยิวและชาวคริสเตียนต่างพยายามที่จะชักชวนผู้คนในแผ่นดินอาหรับให้เลิกเคารพกราบไหว้รูปปั้นเจว็ดและหันมารับนับถือศาสนาของตน แต่แม้จะใช้ทรัพยากร ความพยายาม และเวลามากมาย แต่ทั้ง 2 กลุ่มชนนี้ประสบความสำเร็จน้อยมาก

จนเมื่อมุฮัมมัดถือกำเนิดขึ้นมาและได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสนทูตของพระเจ้าใน ค.ศ. 610 เมื่ออายุ 40 ปี เขาใช้เวลาเพียง 23 ปีในการทำสิ่งที่ชุมชนชาวยิวและชาวคริสเตียนใช้ความพยายามหลายร้อยปีแต่ไม่ประสบความสำเร็จ นั่นคือการทำให้ชาวอาหรับเลิกเคารพกราบไหว้รูปปั้นและหันมาศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว

เมื่อหัวหน้าชาวเมืองมักก๊ะฮฺต่อต้านคำสอนที่ได้รับจากพระเจ้า นบีมุฮัมมัดได้บอกชาวอาหรับเหล่านั้นว่าคำสอนของเขาไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ แต่เป็นคำสอนดั้งเดิมของอิบรอฮีมบรรพบุรุษของพวกเขาเอง ถึงกระนั้นชาวอาหรับก็ยังไม่ยอมรับและหาทางกำจัดท่าน

เมื่อชุมชนชาวยิวต่อต้านท่าน ท่านได้บอกว่าคำสอนของท่านก็เหมือนกับคำสอนของอับราฮัมและโมเสส และแม้ศาสนาจารย์ชาวยิวรู้ว่าคัมภีร์ก่อนหน้านี้ได้พูดถึงการมาของนบีมุฮัมมัด แต่ด้วยความทระนงในความเป็นลูกหลานอิสราเอลและความอคติต่อชาวอาหรับ ชาวยิวจึงไม่ยอมรับท่าน มิหนำซ้ำยังหาทางกำจัดท่านด้วย

ชุมชนชาวคริสเตียนในแคว้นนัจญ์รอนได้ส่งคณะตัวแทนมาหานบีมุฮัมมัดที่เมืองยัษริบเมื่อรู้ข่าวการประกาศตัวเป็นนบีเพื่อสอบถามเรื่องความศรัทธาของท่าน ท่านได้ยืนยันว่าหลักศรัทธาที่ท่านนำมาสั่งสอนมิได้แตกต่างไปจากความศรัทธาของอับราฮัม โมเสส และเยซัส ไม่เพียงเท่านั้นคัมภีร์ของทั้งชาวยิวและชาวคริสเตียนก่อนหน้านี้ยังเอ่ยถึงการปรากฏตัวของท่านด้วย

เมื่อนบีมุฮัมมัดอพยพไปยังเมืองยัษริบและชาวเมืองได้แต่งตั้งให้ท่านเป็นผู้นำ ท่านได้เรียกชาวเมืองทุกกลุ่มมาร่วมทำสัญญาการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและป้องกันเมืองร่วมกัน หนึ่งในเงื่อนไขของสัญญานี้ระบุด้วยว่าถ้าชาวยิวเกิดกรณีพิพาท ท่านจะตัดสินตามกฎหมายของชาวยิว

แต่เมื่อชาวยิวเผ่าหนึ่งสมรู้ร่วมคิดกับชาวมักก๊ะฮฺในการเป็นศัตรูต่อท่าน ท่านจึงเนรเทศชาวยิวเผ่านี้ออกไปจากเมืองยัษริบ

เมื่อนบีมุฮัมมัดพิชิตเมืองมักก๊ะฮฺได้ ท่านได้ให้อภัยชาวมักก๊ะฮฺที่เคยขับไล่และพยายามเข่นฆ่าสังหารท่าน สำหรับกลุ่มชนชาวคริสเตียนนั้น ท่านให้เสรีภาพในการนับถือศาสนา เพราะท่านสำนึกว่าครั้งหนึ่งเมื่อสาวกของท่านได้รับความเดือดร้อนจากการถูกกดขี่ ท่านได้ให้สาวกกลุ่มหนึ่งของท่านอพยพไปหลบภัยอยู่ในอาณาจักรอักซุมและได้รับความคุ้มครองจากกษัตริย์คริสเตียน ท่านจึงไม่ลืมความดีที่กษัตริย์คริสเตียนปฏิบัติต่อมุสลิม    

 

 


You must be logged in to post a comment Login