วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

หน้าฉาก-หลังฉาก

On December 13, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 13 ธ.ค. 61)

การเมืองที่แม้ยังไม่รู้ว่าจะมีการเลือกตั้งวันไหน แต่ละพรรคจะได้ ส.ส. จำนวนเท่าไร แต่เชื่อหรือไม่ว่าวันนี้ฝ่ายการเมืองจับขั้วกันเรียบร้อยแล้วว่าพรรคไหนจะเป็นรัฐบาล พรรคไหนจะถูกเขี่ยให้เป็นฝ่ายค้าน แม้จำนวน ส.ส. ที่จะได้จากการเลือกตั้งยังเป็นตัวแปรอยู่บ้าง แต่หากไม่มีสถานการณ์แบบที่เรียกว่าแลนด์สไลด์ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่ตอนนี้ ส่วนคนพรรคไหนจะเป็นนายกฯ พรรคไหนจะได้โควตารัฐมนตรีกี่คน ได้กระทรวงเกรดเอบริหารกี่กระทรวง ไว้รอคุยรายละเอียดหลังรู้จำนวน ส.ส. ที่แต่ละพรรคได้มา…นี่คือความจริงทางการเมือง ส่วนที่แสดงกันอยู่ในตอนนี้ก็แค่เล่นไปตามบทบาทของแต่ละฝ่ายเท่านั้น

“ในความเป็นจริงการเมืองมันไปลึกกว่านั้นแล้ว เขาคุยกันลึกขนาดเที่ยวนี้จะเอาพรรคไหนเป็นฝ่ายค้านแล้วครับ ผมเป็นรัฐบาลครับ ผมรู้อยู่แล้ว…อันนี้เป็นความจริงทางการเมืองครับ ถ้าไม่มีพรรคประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาลไม่ได้เลย”

นี่คือบางช่วงบางตอนในการให้สัมภาษณ์ของนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ที่มีนายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ กับ น.ส.อมรรัตน์ มหิทธิรุกข์ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งออกอากาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

ใครอยากได้ยินได้ฟังเองกับหูคลิกเข้าไปดูคลิปและฟังเสียงได้ที่ https://www.facebook.com/insidethailand/videos/1919427404844848/?t=4236

จากคำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวจับใจความได้ว่า แม้ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งออกมา ยังไม่รู้ว่าจะมีเลือกตั้งเมื่อไร พรรคไหนจะได้ ส.ส. กี่คน

แต่การเมืองมีการต่อรองจับขั้วกันเรียบร้อยแล้วว่าใครจะร่วมกับใครเป็นรัฐบาล และพรรคการเมืองไหนจะเป็นฝ่ายค้าน

ที่แน่ๆคือด้วยขนาดของพรรคประชาธิปัตย์การันตีว่าได้เป็นรัฐบาลแน่นอน

นี่คือความเป็นจริงทางการเมืองอย่างที่นายนิพิฏฐ์ว่าไว้ ส่วนหน้าฉากที่เห็นเป็นเพียงแค่การแสดงไปตามบทบาทของแต่ละฝ่าย

อย่างไรก็ตาม หลังการเลือกตั้งรายละเอียดของข้อตกลงที่ทำกันไว้ตอนนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในเวลานั้น โดยมีจำนวน ส.ส. ที่แต่ละพรรคได้มาเป็นตัวแปรสำคัญ

อย่างที่เคยเขียนไว้หลายครั้งว่า การแบ่งขั้วทางการเมืองที่ชัดเจนทำให้พรรคประชาธิปัตย์มีแต้มต่อในมือมากที่สุด เพราะด้วยขนาดของพรรคจับมือกับขั้วไหนขั้วนั้นก็จัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน

สถานะของพรรคประชาธิปัตย์ตอนนี้จัดอยู่ในประเภทสวยเลือกได้

หลังเลือกตั้งจะอยู่กับข้างไหนก็อยู่ที่ว่าใครให้ข้อเสนอที่ดีกว่ากัน

ที่สำคัญความที่อยู่ในสถานะสวยเลือกได้ยังทำให้คิดการใหญ่ ประกาศตัวเป็นทางเลือกที่สาม พร้อมที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเองแม้จะไม่ได้เป็นพรรคที่มีเสียง ส.ส. มากที่สุดในสภาก็ตาม

สุดท้ายแล้วเรื่องจะจบอย่างไรขึ้นอยู่กับจำนวน ส.ส. ในมือของพรรคประชาธิปัตย์เป็นสำคัญ

หากมี ส.ส. มากพอก็สามารถพลิกสถานการณ์จากการเป็นแค่พรรคร่วมรัฐบาลมาเป็นแกนนำรัฐบาลโดยมีหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีได้

ถึงเสียงไม่มากพอก็ยังมีอำนาจต่อรองขอโควตารัฐมนตรี โควตากระทรวงเกรดเอได้ โดยเฉพาะกรณีพรรคพลังประชารัฐได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะต้องอาศัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นเสาค้ำยันความมั่นคงในสภา

หากมองการเมืองอย่างที่มันเป็น ไม่ได้มองอย่างที่เราอยากให้เป็น เชื่อว่าทุกคนก็พอมองออกว่าโอกาสที่พรรคประชาธิปัตย์จะร่วมมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐมีความเป็นไปได้มากกว่าการร่วมมือจัดตั้งรัฐบาลกับขั้วพรรคเพื่อไทย

ที่ประกาศว่าจะไม่ร่วมงานก็เป็นแค่การเล่นละครตามบทที่ต้องการชิงเสียงช่วงการเลือกตั้ง เพราะทุกครั้งที่พูดว่าจะไม่ร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐมักจะมีข้อแม้ตามมาเสมอ

ถึงข้อแม้ที่ตั้งขึ้นจะทำให้การเจรจาร่วมกันตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งไม่ราบรื่นอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าที่สุดแล้วจะหาทางออกร่วมกันได้ โดยมีเหตุผลข้ออ้างที่เป็นคำสวยๆเก๋ๆออกมาอธิบายกับสังคม

ประชาชนคิดและตื่นเต้นไปเองกับการเลือกตั้ง เขาดีลกันจบตั้งแต่ยังไม่รู้กำหนดวันเลือกตั้งด้วยซ้ำ


You must be logged in to post a comment Login