- อย่าไปอินPosted 4 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 23 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
หลายคนผัวเมีย
คอลัมน์ : ร้ายสาระ
ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ
(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 14-21 ธันวาคม 2561)
ความไม่ซื่อสัตย์ของหนุ่มไฮโซทำให้ชีวิตของภรรยาวัยละอ่อนต้องสับสนวุ่นวาย แม้เธอจะถูกจัดการให้แต่งงานกับชายคนใหม่ แต่เขาก็ไม่ใช่หนุ่มโสด ขณะที่ภรรยาใหม่ของสามีตัวดีก็ไม่ใช่สาวโสด ชีวิตหลายครอบครัวสับสนวุ่นวายสลับคู่กันมั่วไป
ปี 1850 ขณะที่จอห์น แบลร์ วิลส์ แพทย์หนุ่มวัย 19 ปี โดยสารรถประจำทางสาธารณะในกรุงลอนดอน สายตาเขาถูกตรึงอยู่กับใบหน้าของสาวน้อยคนหนึ่งจนหักห้ามใจไม่ไหว จอห์นสะกดรอยตามเธอไปจนถึงบ้าน เอ่ยปากสู่ขอกับแม่ของเธอโดยทันที
จอห์นมั่นใจว่าจะได้สาวน้อยมาครอบครอง เพราะเขามีอาชีพการงานมั่นคงและมาจากตระกูลสูงศักดิ์ พ่อของเขาเป็นนักบวช ส่วนแม่เป็นเจ้าแม่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตัวเขาอาศัยอยู่กับพ่อแม่พี่น้องในย่านเขตแคลบแฮม
แคทเธอริน ซาร่าห์ แมกซ์เวล หรือชื่อเล่นที่เพื่อนๆเรียกสั้นๆว่า “เคท” อึ้งกับความกล้าหาญของหนุ่มน้อยที่เข้ามาสู่ขอลูกสาวทั้งๆที่เพิ่งพบหน้ากันเพียงครั้งเดียว แมรี่ แอน แมกซ์เวล เป็นลูกสาวคนโต มีน้องชาย 2 คนคือ วิลเลี่ยมและชาร์ล
สามีของเคทเป็นชาวไร่ เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน ทิ้งให้เธอดูแลลูกๆ 3 คนตามลำพัง เคททำงานเป็นแม่บ้านให้กับครอบครัวผู้มีอันจะกิน แม้ว่าจอห์นจะมาจากตระกูลที่ร่ำรวย สามารถดูแลแมรี่ แอน ให้มีความสุขได้ แต่เคทปฏิเสธไปอย่างสุภาพด้วยเหตุผลว่าลูกสาวเธอเพิ่งจะอายุแค่ 12 ปีเท่านั้น
คู่แล้วไม่แคล้วกัน
จอห์นกลับบ้านด้วยความผิดหวัง เวลาผ่านไปหลายปี จอห์นเปลี่ยนอาชีพจากหมอไปเป็นสถาปนิก ซึ่งเป็นอาชีพเดียวกันกับที่เจมส์ พี่ชายของเขาทำมาหาเลี้ยงชีพ ต่อมาในปี 1855 ขณะที่จอห์นพักผ่อนอยู่ในสวนสาธารณะเซอร์เรย์ เขาก็บังเอิญพบกับสาวน้อย แมรี่ แอน อีกครั้ง
แมรี่ แอน ไม่เพียงแค่สวยยิ่งกว่าเดิม แต่คราวนี้เธออายุมากพอจะเข้าพิธีวิวาห์ จอห์นไม่รอช้าเสนอตัวขอปกป้องดูแลไปตลอดชีวิต คราวนี้เคทเต็มใจประเคนลูกสาวคนเดียวให้กับจอห์น ในที่สุดทั้งคู่ก็ทำพิธีวิวาห์ที่โบสถ์เซนต์มาร์กในเขตเคนนิงตันเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 1855
ปีถัดมาแมรี่ แอน ให้กำเนิดลูกสาว แต่โชคร้ายที่เธอป่วยเป็นไข้น้ำนม ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน ตามปรกติจะมีอาการคัดตึงเต้านม มีไข้หนาวสั่น ปวดช่องคลอด ปวดเต้านม ปวดกระเพาะปัสสาวะ หากมีการระบายน้ำนมด้วยดีอาการเหล่านี้ก็มักจะหายไปเอง
แต่กรณีของแมรี่ แอน ดูเหมือนจะไม่ใช่ไข้น้ำนมปรกติ เธอมีอาการทรุดหนักจนถึงกับต้องส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลเบธเลเฮม ขณะที่แพทย์รู้สึกแปลกใจที่จอห์นนำภรรยามาฝากไว้ที่โรงพยาบาล เพราะไข้น้ำนมไม่ใช่โรคร้ายแรง ตามปรกติแล้วแพทย์จะไปรักษาคนป่วยที่บ้านด้วยการให้ยาระบาย ยาสกัดจากฝิ่น และให้คนป่วยอาบน้ำอุ่น
สมรสซ้อน
นายแพทย์อเล็กซานเดอร์ มอริสัน เตือนว่าการแยกผู้ป่วยจากบ้านหลังคลอดใหม่ๆเขาไม่ทำกัน โดยเฉพาะเป็นแค่ไข้น้ำนม ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตจนถึงกับต้องเอาตัวผู้ป่วยมานอนโรงพยาบาล แต่จอห์นยืนยันให้โรงพยาบาลรับตัวภรรยาเอาไว้
แมรี่ แอน ไม่ได้นอนโรงพยาบาลแค่ 1-2 วัน แต่นอนอยู่เป็นปี เพราะจอห์นอ้างว่าภรรยาเขาป่วยทางจิต จนกระทั่งวันที่ 3 สิงหาคม 1857 เจมส์พี่ชายของจอห์นก็มารับตัวเธอกลับ เมื่อถึงบ้านเธอไม่พบทั้งจอห์นและลูกสาว ถามใครก็ไม่ได้คำตอบ พยายามคาดคั้นอยู่หลายวัน ในที่สุดแมรี่ แอน ก็ได้ที่อยู่ใหม่ของสามี
แมรี่ แอน ตามไปจนพบสามี แต่จอห์นกลับบอกเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่าจริงๆแล้วเขามีภรรยามาก่อนชื่อ แอน กู๊ด แต่งงานกันตั้งแต่ปี 1851 ในยุคสมัยนั้นการมีลูกกับชายที่แต่งงานแล้วเป็นเรื่องน่าอับอาย ถูกสังคมประณามจนแทบไม่มีที่จะยืน ซ้ำร้ายกว่านั้นลูกนอกสมรสจะไม่ได้รับสิทธิใดๆทั้งสิ้น
จอห์นแนะนำให้แมรี่ แอน แต่งงานกับเจมส์เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องน่าละอายนี้ เพราะดูเหมือนเจมส์จะพึงพอใจในตัวแมรี่ แอน อยู่ไม่น้อย แต่เจมส์เหมือนเป็นคนแปลกหน้าสำหรับแมรี่ แอน เพราะเห็นกันเพียงไม่กี่ครั้งก่อนที่เขาจะเดินทางไปออสเตรเลีย
เจมส์แต่งงานกับแคโรไลน์ กรินเยอร์ ในปี 1856 ก่อนที่จะหย่าร้างกันในปีถัดมาและเจมส์เดินทางกลับอังกฤษ แมรี่ แอน ไม่มีทางเลือก เธอจดทะเบียนสมรสกับเจมส์ในวันที่ 21 สิงหาคม 1857 ไม่ถึง 3 สัปดาห์หลังจากออกจากโรงพยาบาล
ซับซ้อนกว่าที่คิด
เคทคัดค้านการแต่งงานใหม่ เธอบอกให้จอห์นนำหลักฐานมาพิสูจน์ว่าแต่งงานกับแอนก่อนหน้าจะแต่งกับแมรี่ แอน และถึงแม้เขาจะพิสูจน์ได้ แต่การให้ลูกสาวเธอแต่งงานใหม่กับพี่ชายตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องถูกต้อง โดยเฉพาะกฎหมายในสมัยนั้นห้ามการแต่งงานใหม่กับพี่น้องของอดีตคู่สมรส
เรื่องวุ่นวายนี้ทำให้แมรี่ แอน ล้มป่วย เธอถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลแลมเบธ เจมส์ปฏิเสธที่จะจ่ายเงินค่ารักษาโดยอ้างว่าเขาไม่ใช่สามีของแมรี่ แอน ขณะที่เคทพยายามเรียกร้องความยุติธรรมให้กับลูกสาวโดยนำเรื่องไปฟ้องศาล
ความจริงปรากฏว่าจอห์นเพิ่งแต่งงานกับแอนเมื่อเดือนเมษายน 1857 นั่นหมายความว่าแอนเป็นคนจดทะเบียนสมรสซ้อน ส่วนแมรี่ แอน เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เท่านั้นยังไม่พอ ปรากฏอีกว่าแอนมีสามีอยู่แล้วเป็นตำรวจชื่อเอ็ดการ์
เพื่อให้เรื่องราววุ่นวายยิ่งไปอีก เอ็ดการ์ไปแต่งงานใหม่กับสาวคนหนึ่งในปี 1858 โดยที่ยังไม่ได้หย่าร้างกับแอน ศาลออกหมายเรียกตัวจอห์นและเจมส์ แต่จอห์นไม่ไปตามคำสั่งศาล ส่วนเจมส์ได้รับการประกันตัวด้วยวงเงิน 160 ปอนด์
หนีสุดขอบฟ้า
จอห์นพ่อตัวดีคนก่อเรื่องทั้งหมดหลบหนีไปเมืองฟิลาเดลเฟีย ประเทศอเมริกา ก่อนจะเดินทางต่อไปที่นิวยอร์ก เปลี่ยนนามสกุลเป็นก็อดดาร์ด กลับมายึดอาชีพแพทย์รักษาโรค มีคนพบเห็นเขาอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นแอนกับเด็กหญิงวัย 3 ขวบ
เจมส์หนีกลับไปออสเตรเลียและแต่งงานอีกครั้งกับมาเรียในปี 1862 ส่วนเจเน็ท แม่ของจอห์นและเจมส์ ทนอับอายขายหน้าไม่ไหว พาลูกสาวที่เหลือหนีไปกบดานที่เขตอัพเปอร์โฮโลเวย์ก่อนจะสิ้นลมในปี 1875 เหลือเงินติดตัวไม่ถึง 450 ปอนด์
ลอร์ดเรนแฮมได้ยินเรื่องน่าเศร้าของแมรี่ แอน จึงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ให้เงินใช้สัปดาห์ละ 10 ชิลลิง ตลอดระยะเวลาที่รักษาตัวในโรงพยาบาล จนกระทั่งจิตใจของเธอเข้ารูปเข้ารอย กลับมาอยู่กับเคทผู้เป็นแม่ในปี 1861
ปี 1865 แมรี่ แอน พบรักกับโทมัส ฮิล พ่อม่ายลูกติด 5 คน ทั้งคู่แต่งงานกันโดยที่แมรี่ แอน ยังไม่ได้หย่าร้างอย่างเป็นทางการกับจอห์น เพราะเขาหนีไปอเมริกาเสียก่อน 3 ปีต่อมาเธอให้กำเนิดบุตรชายชื่อเฮอร์เบิร์ต กลับมามีชีวิตเป็นปรกติเหมือนคนอื่น แต่ก็มีความสุขอยู่ได้เพียงไม่นาน เธอเสียชีวิตในปี 1881 ขณะที่เฮอร์เบิร์ตมีอายุเพียงแค่ 12 ปี
1.รถโดยสารสาธารณะในกรุงลอนดอน ปี 1824
2.สวนสาธารณะเซอร์เรย์ ปี 1850
3.โบสถ์เซนต์มาร์ก ปี 1824
4.โรงพยาบาลเบธเลเฮม ปี 1860
5.ผู้ป่วยโรคไข้น้ำนม ปี 1838
6.นายแพทย์อเล็กซานเดอร์ มอริสัน
7.คู่รักในกรุงลอนดอน ปี 1864
8.โรงพยาบาลแลมเบธ ปี 1874
You must be logged in to post a comment Login