วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ฟังหูไว้หู

On December 19, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 19 ธ.ค. 61)

ในขณะที่การเตรียมการเข้าสู่การเลือกตั้งมีความคืบหน้าตามลำดับ กลับมีข่าวออกมาว่าเดือนกุมภาพันธ์อาจไม่มีการเลือกตั้ง และถึงขั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงคนคุมอำนาจ เพราะเกรงว่าหากปล่อยให้การเลือกตั้งเดินไปอย่างนี้จะเกิดความวุ่นวายทั้งก่อน ระหว่าง และหลังเลือกตั้ง เนื่องจากผลที่ออกมาจะไม่เป็นที่ยอมรับ แม้เรื่องนี้เหมือนฝันกลางแดดที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก แต่การเมืองแบบ “ไทยแลนด์โอนลี่” เรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้ก็อาจเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องฟังหูไว้หู ถ้าไม่มีอะไรทุกอย่างก็จะเดินหน้าสู่การเลือกตั้งต่อไปตามปรกติ แต่ถ้ามีอะไรขึ้นก็คงได้รู้พร้อมกัน

หลังหัวโนเพราะก้อนหินที่โยนออกมาถามทางถูกโยนกลับใส่กบาล ในที่สุดคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ยอมถอยเรื่องบัตรเลือกตั้ง

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. แถลงผลการประชุม กกต. อย่างเป็นทางการว่า ที่ประชุมมีมติเลือกใช้บัตรเลือกตั้งที่มีครบทั้งหมายเลขผู้สมัคร ชื่อ และโลโก้พรรค เพราะต้องการอำนวยความสะดวกให้ประชาชน และไม่มีปัญหาเรื่องการจัดพิมพ์ การขนส่งทั้งในและต่างประเทศ

“ขนาดบัตรจะเท่ากันทุกเขต คือขนาด A4 คาดว่าเขตที่จะมีผู้สมัครมากที่สุดน่าจะไม่เกิน 30 พรรคการเมือง หรือหากเกินกว่านั้นขนาดของช่องและตัวอักษรก็อาจจะเล็กกว่ากัน”

สรุป กกต. ทานเสียงต้านไม่ไหวต้องกลับไปใช้รูปแบบเดิม ส่วนข้ออ้างที่ยกขึ้นมาก่อนหน้านี้ว่าจะทำให้บัตรยาวไป ใหญ่ไป หรือขนส่งลำบาก เอาเข้าจริงเรื่องพวกนี้กลับไม่เป็นอุปสรรคอย่างที่ยกมากล่าวอ้างเลย

เป็นอันว่าการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งตามโรดแม็พคืบหน้าไปอีกขั้น

ขั้นต่อไปที่จะมีความคืบหน้าคือ เรื่องการกำหนดตัวเลขค่าใช้จ่ายในการหาเสียงทั้งในส่วนของตัวบุคคลและพรรคการเมือง และเรื่องขนาด จำนวน ตลอดจนรูปบุคคลที่จะปรากฏในป้ายหาเสียงว่าขึ้นรูปใครได้ ขึ้นรูปใครไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ขณะที่การเตรียมการเพื่อการเลือกตั้งมีความคืบหน้าขึ้นเป็นลำดับ กลับมีกระแสข่าวเล็ดลอดออกมาว่าเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าอาจไม่มีเลือกตั้ง

กระแสข่าวเลื่อนเลือกตั้งนี้มีปัจจัยที่เปลี่ยนไปจากเดิม จากที่ก่อนหน้านี้ให้น้ำหนักไปที่การถ่วงหรือยื้อเวลาเลือกตั้งเพื่อทอดเวลาอยู่ในอำนาจ

แต่ครั้งนี้ไม่ใช่

กระแสข่าวที่ออกมาให้น้ำหนักไปในทิศทางที่ว่าหากปล่อยให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นตามกำหนดเดิมอาจมีความวุ่นวายเกิดขึ้นตามมา ทั้งช่วงก่อนการเลือกตั้ง ระหว่างการเลือกตั้ง และหลังการเลือกตั้ง

ว่ากันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่เป็นที่ยอมรับทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ จึงมีข่าวออกมาทำนองว่าการเลือกตั้งอาจถูกเลื่อนไปอีก 1 ปี โดยจะมีรัฐบาลเฉพาะกาลเตรียมจัดการเลือกตั้งที่ทำให้ทุกฝ่ายเกิดความเชื่อมั่นว่าจะเป็นกลางและเป็นธรรม

พลันที่ข่าวนี้ลอยมาเข้าหูก็ไปสอดคล้องกับคำพูดของนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แกนนำพรรคเพื่อชาติ ที่โพล่งออกมาว่า

“วันนี้คนไทยต้องการหาทางออกให้กับชาติบ้านเมือง ผมมีอยู่ 2 ประเด็นที่อยากจะพูดคือ ผมเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ต้องการจะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ และผมเชื่อว่าอีกไม่กี่วัน พล.อ.ประยุทธ์จะตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.

วันนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า มีเส้นบางๆระหว่างคำว่าได้เปรียบกับเอาเปรียบในการเลือกตั้ง ผมเชื่อว่า คสช. รู้ว่าคนไม่พอใจ ท้ายที่สุดจำปากผมเอาไว้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. อย่างแน่นอนอีกไม่กี่วันถัดจากนี้ไปถ้ามีการเลือกตั้ง และ พล.อ.ประยุทธ์มีความประสงค์จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

อะไรทำให้นายจตุพรพูดออกมาแบบนั้น

แม้บางคนมองว่าเป็นเรื่องที่นายจตุพรคิดเพ้อเจ้อไปเอง

แม้นายจตุพรบอกว่าเป็นการวิเคราะห์จากแนวทางการทำงานในช่วงที่ผ่านมาของ คสช. แต่ก็บังเอิญสอดคล้องกับที่ได้ยินมาจากแหล่งอื่น

ที่สำคัญคนอย่างนายจตุพรที่แม้จะอยู่คนละขั้วกับฝ่ายคุมอำนาจปัจจุบัน แต่ไม่ได้อยู่ห่างจากผู้มีอำนาจในประเทศ จึงอาจได้ยินได้ฟังอะไรมาบ้าง

แม้น้ำหนักความน่าจะเป็นจะมีน้อยมากเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ต่างๆในปัจจุบัน แต่ “ไทยแลนด์โอนลี่” ก็อาจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เพราะระบบโครงสร้างเมืองไทยมีอำนาจซ้อนอำนาจหลายชั้น

เรื่องนี้จะจริงเท็จอย่างไรยังไม่อาจยืนยันได้ เป็นเรื่องที่ต้องฟังหูไว้หู ถ้าไม่มีอะไรทุกอย่างก็จะเดินหน้าสู่การเลือกตั้งต่อไปตามปรกติ แต่ถ้ามีอะไรขึ้นมาก็คงได้รู้พร้อมๆกันในวันนั้น


You must be logged in to post a comment Login