วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

โจรวรรณกรรม

On December 21, 2018

คอลัมน์ : ร้ายสาระ

ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 21-28 ธันวาคม 2561)

สองหนุ่มลักลอบโจรกรรมหนังสือหายากออกจากห้องสมุดสาธารณะ หลังจากนั้นไม่กี่วันพวกเขาก็ลักลอบนำหนังสือเหล่านั้นกลับมาคืนไว้ที่เดิมแต่ไม่ได้อยู่ในสภาพเดิม ผู้ใช้บริการห้องสมุดสังเกตเห็นสิ่งผิดปรกติจึงแจ้งให้บรรณารักษ์ทราบ นำไปสู่การสืบสวนหาตัวคนร้าย

เวลาเช้า 09.00 น. ของวันที่ 28 เมษายน 1962 เจ้าหน้าที่ตำรวจเคาะประตูห้องพักเคนเนธ ฮาลลิเวลล์ และจอห์น ออร์ตัน หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า โจ ออร์ตัน นักเขียนบทละครชื่อดังของอังกฤษ (ในเวลาต่อมา) ทันทีที่โจเปิดประตูห้อง ตำรวจก็แสดงหมายค้นพร้อมกับบอกว่า “ผมมีหลักฐานทำให้เชื่อว่าคุณขโมยหนังสือมาจากห้องสมุดสาธารณะ”

ดูเหมือนตำรวจจะทำเกินเลยไปหน่อยกับการใช้หมายค้นบ้านในคดีลักขโมยหนังสือ แต่ไม่ใช่สำหรับกรณีของเคนเนธและโจ เพราะระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา พวกเขาลักลอบขโมยหนังสือหายากหลายเล่มจากห้องสมุดสาธารณะหลายแห่งในกรุงลอนดอน โดยแอบนำใส่กระเป๋าสะพายและกล่องใส่หน้ากากกันแก๊สพิษ

พวกเขานำหนังสือเหล่านั้นกลับมาที่ห้องพัก ทำการตกแต่งหน้าปกเสียใหม่ก่อนจะลักลอบนำหนังสือกลับไปวางคืนบนชั้นในห้องสมุด เช่น ภาพหน้าปกหนังสือ Whodunit ของโดโรธี เซเยอร์ กลายเป็นภาพอนาจารรูปอวัยวะเพศชายยาว 7 นิ้ว และข้อความ “อ่านเรื่องนี้ในที่ลับและสนุกกับการออรัลเซ็กซ์”

ปกหนังสือกวีนิพนธ์โรแมนติกของจอห์น เบตเจแมน กลายเป็นภาพชายวัยกลางคนสวมกางเกงในตัวเดียวยืนโชว์รอยสักทั่วเรือนร่าง ที่หนักสุดเห็นจะได้แก่หนังสือ The Great Tudors ที่เดิมปกหนังสือเป็นภาพเชื้อพระวงศ์ทิวดอร์ โจและเคนเนธเปลี่ยนเป็นภาพลิง โครงกระดูก คนอาหรับ ฯลฯ

เกรียนห้องสมุด

ปี 1951 โจและเคนเนธพบกันในราชสถานศิลปะการละคร ขณะนั้นโจเป็นเพียงนักศึกษาจนๆคนหนึ่ง หลังจากคบกันได้เพียง 3 สัปดาห์ โจย้ายมาอยู่ห้องพักเดียวกันกับเคนเนธ ซึ่งมาจากครอบครัวชนชั้นกลางที่มีฐานะดีกว่า ขณะที่โจอ่อนวัยกว่าและมีรูปร่างหน้าตาดี

พวกเขามีความชอบเล่นแผลงๆเหมือนกัน จึงรวมหัวกันตกแต่งหน้าปกหนังสือและเขียนข้อความอนาจารลงบนหนังสือ หลังจากนั้นก็แอบนำกลับไปวางไว้ที่เดิม รอดูสีหน้าของคนที่มาพบและแอบขบขันอย่างสะใจ

ผู้ใช้บริการห้องสมุดแจ้งให้บรรณารักษ์ทราบเรื่อง Library Association Record เป็นห้องสมุดขนาดเล็ก ทำให้ง่ายต่อการเฝ้าระวัง จนกระทั่งสังเกตเห็นพฤติกรรมน่าสงสัยของโจและเคนเนธ และนำความไปแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ตำรวจแนะนำให้บรรณารักษ์ห้องสมุดต่างๆทั่วกรุงลอนดอนจัดเตรียมพนักงานแฝงตัวเป็นผู้ใช้บริการเข้าประจำตามห้องสมุด โดยหวังว่าจะจับตัวโจและเคนเนธได้แบบคาหนังคาเขา เวลาผ่านไปหลายสัปดาห์โจและเคนเนธยังไม่ปรากฏตัว

เป็นมากกว่าเพื่อน

ซิดนีย์ พอร์เร็ตต์ อัยการเขตอิสลิงตัน ได้ความคิดใหม่ เขาวางแผนจะให้โจและเคนเนธเป็นคนนำหลักฐานมาให้เอง จากการพินิจพิเคราะห์ภาพและข้อความที่โจและเคนเนธใช้ตกแต่งหนังสือ ซิดนีย์สรุปว่า 2 คนเป็นมากกว่าเพื่อน แต่เป็นคู่รักร่วมเพศ

ซิดนีย์ส่งจดหมายไปหาเคนเนธ โดยใช้กระดาษหัวจดหมายราชการมีใจความว่า มีผู้มอบรถยนต์ให้กับเคนเนธ ขอให้เขามารับรถยนต์ได้ที่สำนักงานอัยการ แต่เคนเนธรู้ทันจึงพิมพ์จดหมายตอบกลับไปว่า “ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนให้ข้อมูลกับคุณ แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เขาต้องเป็นคนหลอกลวงหรือไม่ก็ปัญญาอ่อน หรืออาจจะเป็นทั้ง 2 อย่าง” ลงชื่อตัวใหญ่เท่าหม้อแกง “ด้วยความเหยียดหยัน”

ด้วยจดหมายตอบของเคนเนธนี่เองทำให้ตำรวจสามารถหาหลักฐานเชื่อมโยงได้สำเร็จ เนื่องจากตัวอักษรของเครื่องพิมพ์ดีดแต่ละเครื่องจะมีรอยแตกตัวอักษรแตกต่างกัน และรอยแตกตัวอักษรข้อความในจดหมายของเคนเนธตรงกับรอยแตกตัวอักษรของข้อความบนหนังสือที่ถูกตกแต่งหน้าปก

โจและเคนเนธถูกตั้งข้อหาทำความเสียหายให้กับหนังสืออย่างน้อย 72 เล่ม ประเมินค่าเสียหายประมาณ 450 ปอนด์ หากเทียบกับค่าเงินปัจจุบันประมาณ 12,000 ปอนด์ ทั้งคู่ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน

นิยายน้ำเน่า

โจบอกกับผู้สื่อข่าวภายหลังว่า แรงจูงใจที่ทำให้เขาทำเรื่องนี้ก็เพราะหนังสือในห้องสมุดมีแต่นิยายน้ำเน่า ไม่ควรค่าต่อการเสียเวลาอ่าน เขาเคยแอบขโมยหนังสือจากห้องสมุดไปเฉยๆ แต่บรรณารักษ์ก็ซื้อเล่มใหม่มาวางแทน เขาจึงเปลี่ยนแผนมาใช้วิธีตกแต่งหน้าปกหนังสือและเขียนข้อความอนาจารแทน

หลังจากโจและเคนเนธพ้นโทษแล้ว ซิดนีย์คิดว่าโทษจำคุก 6 เดือนยังน้อยไป เขาตามไล่บี้อีกครั้ง โจและเคนเนธยังค้างค่าเสียหายอีก 62 ปอนด์ หากยังไม่มาชำระซิดนีย์จะขออำนาจศาลขายทอดตลาดทรัพย์สินของเคนเนธเพื่อนำเงินมาชดใช้ค่าเสียหาย

โจและเคนเนธเจรจาต่อรองขอผ่อนชำระเดือนละ 6 ปอนด์ แต่นั่นคือรายได้ 1 ใน 4 จากที่พวกเขาหาได้ในเวลานั้น พวกเขาใช้จ่ายอย่างขัดสน มีชีวิตที่ยากลำบาก จนกระทั่งในปี 1963 สถานีวิทยุบีบีซีว่าจ้างให้โจเขียนบทละครในราคา 65 ปอนด์ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ทำให้โจกลายเป็นนักเขียนบทละครที่มีชื่อเสียง พลิกชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือ มีคนเข้าคิวว่าจ้างให้เขียนบทละครและภาพยนตร์หลายเรื่อง

แต่ชีวิตเคนเนธกลับเป็นตรงกันข้าม เขากลายเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว วันๆเอาแต่ยืนเหม่อลอยหน้ากระจก เป็นโรคซึมเศร้ากลายเป็นคนจิตตกต้องพึ่งยาระงับประสาท โจบอกกับเพื่อนๆว่าอยากแยกทางกับเคนเนธ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง

รักต้องฆ่า

เช้าวันที่ 9 สิงหาคม 1967 ริชาร์ด เลสเตอร์ ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง Up Against It ซึ่งจะถูกแสดงโดยกลุ่มนักร้องวง The Beatles ส่งคนขับรถมารับโจเพื่อไปคุยเรื่องงาน เขาพบร่างโจสวมเสื้อนอนเพียงตัวเดียวนอนจมกองเลือดในห้องพัก ที่ศีรษะมีบาดแผลถูกทุบกระหน่ำด้วยค้อนหลายครั้ง ใกล้ๆกันพบร่างเปลือยของเคนเนธนอนเสียชีวิตจากการกินยาระงับประสาท 22 เม็ด

ภายในห้องพบจดหมายลาตายของเคนเนธมีข้อความว่า “ทั้งหมดอยู่ในไดอารี คุณจะพบคำตอบทุกอย่างในนั้น โดยเฉพาะในช่วงท้ายๆ” เคนเนธจับได้ว่าโจแอบไปมีเพศสัมพันธ์กับชายแปลกหน้าในห้องน้ำสาธารณะ อีกทั้งยังบินไปเมืองแทนเจียร์ ประเทศโมร็อกโก เพื่อซื้อบริการเด็กผู้ชาย

โจเคยบอกกับเพื่อนว่าเขาชอบกินตับเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งนั่นอาจเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้โจต้องการแยกทางกับเคนเนธ ซึ่งในเวลานั้นอายุมากถึง 41 ปี แก่กว่าเขา 7 ปี และตอนนี้โจมีชื่อเสียงเงินทอง สามารถหาเด็กผู้ชายมาสนองความต้องการได้ไม่ยาก แต่สุดท้ายแล้วเคนเนธก็ไม่ยอมให้โจแยกจากไปเพียงคนเดียว

1

1.โจ ออร์ตัน

2

2.เคนเนธ ฮาลลิเวลล์

3

3.โจ ออร์ตัน และเคนเนธ ฮาลลิเวลล์

4

4. Islington Central Library หนึ่งในเหยื่อโจรกรรม

5-1

5.ส่วนหนึ่งในจำนวน 1,600 ภาพในห้องพักโจและเคนเนธ

6

6.กวีนิพนธ์โดยจอห์น เบตเจแมน

7

7.ใบแทรกโดยโจและเคนเนธสอดใส่ในหนังสือนิยาย Clouds of Witness

8

8.โจ ออร์ตัน กับโปสเตอร์ละครเรื่อง Loot

9

9.Entertaining Mr.Sloane โดยโจ ออร์ตัน

10

10.โจ (กลางภาพ) และกลุ่มนักแสดง


You must be logged in to post a comment Login