- อย่าไปอินPosted 4 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 23 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
โจรวรรณกรรม
คอลัมน์ : ร้ายสาระ
ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ
(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 21-28 ธันวาคม 2561)
สองหนุ่มลักลอบโจรกรรมหนังสือหายากออกจากห้องสมุดสาธารณะ หลังจากนั้นไม่กี่วันพวกเขาก็ลักลอบนำหนังสือเหล่านั้นกลับมาคืนไว้ที่เดิมแต่ไม่ได้อยู่ในสภาพเดิม ผู้ใช้บริการห้องสมุดสังเกตเห็นสิ่งผิดปรกติจึงแจ้งให้บรรณารักษ์ทราบ นำไปสู่การสืบสวนหาตัวคนร้าย
เวลาเช้า 09.00 น. ของวันที่ 28 เมษายน 1962 เจ้าหน้าที่ตำรวจเคาะประตูห้องพักเคนเนธ ฮาลลิเวลล์ และจอห์น ออร์ตัน หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า โจ ออร์ตัน นักเขียนบทละครชื่อดังของอังกฤษ (ในเวลาต่อมา) ทันทีที่โจเปิดประตูห้อง ตำรวจก็แสดงหมายค้นพร้อมกับบอกว่า “ผมมีหลักฐานทำให้เชื่อว่าคุณขโมยหนังสือมาจากห้องสมุดสาธารณะ”
ดูเหมือนตำรวจจะทำเกินเลยไปหน่อยกับการใช้หมายค้นบ้านในคดีลักขโมยหนังสือ แต่ไม่ใช่สำหรับกรณีของเคนเนธและโจ เพราะระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา พวกเขาลักลอบขโมยหนังสือหายากหลายเล่มจากห้องสมุดสาธารณะหลายแห่งในกรุงลอนดอน โดยแอบนำใส่กระเป๋าสะพายและกล่องใส่หน้ากากกันแก๊สพิษ
พวกเขานำหนังสือเหล่านั้นกลับมาที่ห้องพัก ทำการตกแต่งหน้าปกเสียใหม่ก่อนจะลักลอบนำหนังสือกลับไปวางคืนบนชั้นในห้องสมุด เช่น ภาพหน้าปกหนังสือ Whodunit ของโดโรธี เซเยอร์ กลายเป็นภาพอนาจารรูปอวัยวะเพศชายยาว 7 นิ้ว และข้อความ “อ่านเรื่องนี้ในที่ลับและสนุกกับการออรัลเซ็กซ์”
ปกหนังสือกวีนิพนธ์โรแมนติกของจอห์น เบตเจแมน กลายเป็นภาพชายวัยกลางคนสวมกางเกงในตัวเดียวยืนโชว์รอยสักทั่วเรือนร่าง ที่หนักสุดเห็นจะได้แก่หนังสือ The Great Tudors ที่เดิมปกหนังสือเป็นภาพเชื้อพระวงศ์ทิวดอร์ โจและเคนเนธเปลี่ยนเป็นภาพลิง โครงกระดูก คนอาหรับ ฯลฯ
เกรียนห้องสมุด
ปี 1951 โจและเคนเนธพบกันในราชสถานศิลปะการละคร ขณะนั้นโจเป็นเพียงนักศึกษาจนๆคนหนึ่ง หลังจากคบกันได้เพียง 3 สัปดาห์ โจย้ายมาอยู่ห้องพักเดียวกันกับเคนเนธ ซึ่งมาจากครอบครัวชนชั้นกลางที่มีฐานะดีกว่า ขณะที่โจอ่อนวัยกว่าและมีรูปร่างหน้าตาดี
พวกเขามีความชอบเล่นแผลงๆเหมือนกัน จึงรวมหัวกันตกแต่งหน้าปกหนังสือและเขียนข้อความอนาจารลงบนหนังสือ หลังจากนั้นก็แอบนำกลับไปวางไว้ที่เดิม รอดูสีหน้าของคนที่มาพบและแอบขบขันอย่างสะใจ
ผู้ใช้บริการห้องสมุดแจ้งให้บรรณารักษ์ทราบเรื่อง Library Association Record เป็นห้องสมุดขนาดเล็ก ทำให้ง่ายต่อการเฝ้าระวัง จนกระทั่งสังเกตเห็นพฤติกรรมน่าสงสัยของโจและเคนเนธ และนำความไปแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ตำรวจแนะนำให้บรรณารักษ์ห้องสมุดต่างๆทั่วกรุงลอนดอนจัดเตรียมพนักงานแฝงตัวเป็นผู้ใช้บริการเข้าประจำตามห้องสมุด โดยหวังว่าจะจับตัวโจและเคนเนธได้แบบคาหนังคาเขา เวลาผ่านไปหลายสัปดาห์โจและเคนเนธยังไม่ปรากฏตัว
เป็นมากกว่าเพื่อน
ซิดนีย์ พอร์เร็ตต์ อัยการเขตอิสลิงตัน ได้ความคิดใหม่ เขาวางแผนจะให้โจและเคนเนธเป็นคนนำหลักฐานมาให้เอง จากการพินิจพิเคราะห์ภาพและข้อความที่โจและเคนเนธใช้ตกแต่งหนังสือ ซิดนีย์สรุปว่า 2 คนเป็นมากกว่าเพื่อน แต่เป็นคู่รักร่วมเพศ
ซิดนีย์ส่งจดหมายไปหาเคนเนธ โดยใช้กระดาษหัวจดหมายราชการมีใจความว่า มีผู้มอบรถยนต์ให้กับเคนเนธ ขอให้เขามารับรถยนต์ได้ที่สำนักงานอัยการ แต่เคนเนธรู้ทันจึงพิมพ์จดหมายตอบกลับไปว่า “ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนให้ข้อมูลกับคุณ แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เขาต้องเป็นคนหลอกลวงหรือไม่ก็ปัญญาอ่อน หรืออาจจะเป็นทั้ง 2 อย่าง” ลงชื่อตัวใหญ่เท่าหม้อแกง “ด้วยความเหยียดหยัน”
ด้วยจดหมายตอบของเคนเนธนี่เองทำให้ตำรวจสามารถหาหลักฐานเชื่อมโยงได้สำเร็จ เนื่องจากตัวอักษรของเครื่องพิมพ์ดีดแต่ละเครื่องจะมีรอยแตกตัวอักษรแตกต่างกัน และรอยแตกตัวอักษรข้อความในจดหมายของเคนเนธตรงกับรอยแตกตัวอักษรของข้อความบนหนังสือที่ถูกตกแต่งหน้าปก
โจและเคนเนธถูกตั้งข้อหาทำความเสียหายให้กับหนังสืออย่างน้อย 72 เล่ม ประเมินค่าเสียหายประมาณ 450 ปอนด์ หากเทียบกับค่าเงินปัจจุบันประมาณ 12,000 ปอนด์ ทั้งคู่ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน
นิยายน้ำเน่า
โจบอกกับผู้สื่อข่าวภายหลังว่า แรงจูงใจที่ทำให้เขาทำเรื่องนี้ก็เพราะหนังสือในห้องสมุดมีแต่นิยายน้ำเน่า ไม่ควรค่าต่อการเสียเวลาอ่าน เขาเคยแอบขโมยหนังสือจากห้องสมุดไปเฉยๆ แต่บรรณารักษ์ก็ซื้อเล่มใหม่มาวางแทน เขาจึงเปลี่ยนแผนมาใช้วิธีตกแต่งหน้าปกหนังสือและเขียนข้อความอนาจารแทน
หลังจากโจและเคนเนธพ้นโทษแล้ว ซิดนีย์คิดว่าโทษจำคุก 6 เดือนยังน้อยไป เขาตามไล่บี้อีกครั้ง โจและเคนเนธยังค้างค่าเสียหายอีก 62 ปอนด์ หากยังไม่มาชำระซิดนีย์จะขออำนาจศาลขายทอดตลาดทรัพย์สินของเคนเนธเพื่อนำเงินมาชดใช้ค่าเสียหาย
โจและเคนเนธเจรจาต่อรองขอผ่อนชำระเดือนละ 6 ปอนด์ แต่นั่นคือรายได้ 1 ใน 4 จากที่พวกเขาหาได้ในเวลานั้น พวกเขาใช้จ่ายอย่างขัดสน มีชีวิตที่ยากลำบาก จนกระทั่งในปี 1963 สถานีวิทยุบีบีซีว่าจ้างให้โจเขียนบทละครในราคา 65 ปอนด์ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ทำให้โจกลายเป็นนักเขียนบทละครที่มีชื่อเสียง พลิกชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือ มีคนเข้าคิวว่าจ้างให้เขียนบทละครและภาพยนตร์หลายเรื่อง
แต่ชีวิตเคนเนธกลับเป็นตรงกันข้าม เขากลายเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว วันๆเอาแต่ยืนเหม่อลอยหน้ากระจก เป็นโรคซึมเศร้ากลายเป็นคนจิตตกต้องพึ่งยาระงับประสาท โจบอกกับเพื่อนๆว่าอยากแยกทางกับเคนเนธ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง
รักต้องฆ่า
เช้าวันที่ 9 สิงหาคม 1967 ริชาร์ด เลสเตอร์ ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง Up Against It ซึ่งจะถูกแสดงโดยกลุ่มนักร้องวง The Beatles ส่งคนขับรถมารับโจเพื่อไปคุยเรื่องงาน เขาพบร่างโจสวมเสื้อนอนเพียงตัวเดียวนอนจมกองเลือดในห้องพัก ที่ศีรษะมีบาดแผลถูกทุบกระหน่ำด้วยค้อนหลายครั้ง ใกล้ๆกันพบร่างเปลือยของเคนเนธนอนเสียชีวิตจากการกินยาระงับประสาท 22 เม็ด
ภายในห้องพบจดหมายลาตายของเคนเนธมีข้อความว่า “ทั้งหมดอยู่ในไดอารี คุณจะพบคำตอบทุกอย่างในนั้น โดยเฉพาะในช่วงท้ายๆ” เคนเนธจับได้ว่าโจแอบไปมีเพศสัมพันธ์กับชายแปลกหน้าในห้องน้ำสาธารณะ อีกทั้งยังบินไปเมืองแทนเจียร์ ประเทศโมร็อกโก เพื่อซื้อบริการเด็กผู้ชาย
โจเคยบอกกับเพื่อนว่าเขาชอบกินตับเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งนั่นอาจเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้โจต้องการแยกทางกับเคนเนธ ซึ่งในเวลานั้นอายุมากถึง 41 ปี แก่กว่าเขา 7 ปี และตอนนี้โจมีชื่อเสียงเงินทอง สามารถหาเด็กผู้ชายมาสนองความต้องการได้ไม่ยาก แต่สุดท้ายแล้วเคนเนธก็ไม่ยอมให้โจแยกจากไปเพียงคนเดียว
1.โจ ออร์ตัน
2.เคนเนธ ฮาลลิเวลล์
3.โจ ออร์ตัน และเคนเนธ ฮาลลิเวลล์
4. Islington Central Library หนึ่งในเหยื่อโจรกรรม
5.ส่วนหนึ่งในจำนวน 1,600 ภาพในห้องพักโจและเคนเนธ
6.กวีนิพนธ์โดยจอห์น เบตเจแมน
7.ใบแทรกโดยโจและเคนเนธสอดใส่ในหนังสือนิยาย Clouds of Witness
8.โจ ออร์ตัน กับโปสเตอร์ละครเรื่อง Loot
9.Entertaining Mr.Sloane โดยโจ ออร์ตัน
10.โจ (กลางภาพ) และกลุ่มนักแสดง
You must be logged in to post a comment Login