- อย่าไปอินPosted 1 day ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
10 วลีทองของหัวหน้าคณะรัฐประหารในปีจอ
คำให้สัมภาษณ์และคำปราศรัยของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในรอบปี 2561 เรียกเสียงฮือฮาและเสียงวิจารณ์นับครั้งไม่ถ้วน บีบีซีไทยรวบรวม 10 วาทะเด็ดในรอบปีจอ ของหัวหน้าคณะรัฐประหารมาเตือนความจำกันอีกครั้ง
1. ไม่ยืนยันภารกิจ คสช. จบใน ก.พ. 62 หรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กล่าวช่วงหนึ่งในระหว่างมอบโอวาทวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนเตรียมทหารครบรอบ 60 ปี เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ซึ่งระบุว่าภารกิจยังไม่เสร็จสิ้นนั้น ตนไม่ได้พูดถึง คสช. แต่หมายถึงคนไทยทุกคน เพราะทุกคนคือประชารัฐและมีภารกิจเพื่อประเทศที่ไม่มีวันจบสิ้น ส่วนภารกิจ คสช. จะจบตามโรดแมปที่กำหนดระยะเวลาไว้
เมื่อถามต่อว่าโรดแมปจะจบช่วงเดือน ก.พ. 2562 หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่รู้ เพราะเป็นเรื่องกฎหมาย เขาว่ากัน”
“เรื่องกฎหมายผมบังคับได้ไหมเล่า เขายังไม่จบขั้นตอนไม่ใช่หรอ เพราะต้องประชุมร่วมกันสามฝ่าย และยังมีข่าวว่าจะมีคนไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ ก็ต้องไปว่ากันตอนนั้น เพราะผมไม่รู้ ผมไม่ได้เป็นคนยื่น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมถึงไม่สามารถยืนยันเวลาที่ชัดเจนได้
2. สองคนขยับ ป่วนทั้งประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานงานวันสิทธิมนุษยชนสากล ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ทั้งนี้ในระหว่างเยี่ยมชมนิทรรศการ พล.อ.ประยุทธ์ปรารภขึ้นมาว่า ขณะนี้ยังขาดความเข้าใจในเรื่องของสิทธิมนุษยชน ซึ่งความจริงแล้วสิทธิมนุษยชนต้องไม่ละเมิดกฎหมายและต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่สังคมที่ปรองดอง
“ขณะนี้ประเทศไทยมี 2 คนขยับอยู่ต่างประเทศ แต่กลับทำให้คนป่วนไปหมดในประเทศ ส่วนตัวจึงไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” นายกรัฐมนตรีกล่าว และยังย้ำอีกรอบว่า “ขยับทีเป็นข่าวไปหมด เดือดร้อนคนทั้งประเทศ”
สุดสัปดาห์ก่อนหน้านี้ มีการเผยแพร่ภาพนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทางสื่อสังคมออนไลน์ ระหว่างเดินทางไปฉลองเทศการตรุษจีน ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน และยังมีรายงานข่าวว่าอดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทยบางส่วนเตรียมเดินทางไปพบอดีตนายกฯ ด้วย
3. พายเรือชมนาบัวขายตรง “ประชาธิปไตยไทยนิยม” ผ่านกลอนบทใหม่
“ผมเป็นทหารไม่ใช่นักการเมือง เป็นทหารที่เข้าใจปัญหาของประชาชน”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับประชาชน ที่ศูนย์การเรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรแหลมบัว ระหว่างเดินทางตรวจราชการใน จ.นครปฐม และลงพื้นที่ทำกิจกรรมโครงการ “ไทยนิยม ยั่งยืน” เมื่อวันที่ 21 ก.พ.
วาทะของนายกฯ ถูกรายงานผ่านเพจ “ไทยคู่ฟ้า” โดยสำนักโฆษกฯ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ เพิ่งประกาศตัวว่า “เป็นนักการเมืองที่เคยเป็นทหาร”
4. ลั่นรัฐบาลไม่ได้มีหน้าที่จัดเลือกตั้งอย่างเดียว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับสื่อมวลชนวันที่ 2 เม.ย. ว่ารัฐบาลกำลังพิจารณาแก้ไขคำสั่ง คสช. ที่ 53/2560 ให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมได้ตามที่นักการเมืองออกมาเรียกร้อง
นอกจากนี้เขายังฝากข้อความถึงฝ่ายการเมืองว่าอย่าพูดอะไรที่ก่อความวุ่นวายเสียหาย เพราะรัฐบาลไม่ได้มีหน้าที่เฉพาะการเลือกตั้งอย่างเดียว แต่มีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยด้วยเช่นกัน และหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ปัญหาอะไรที่เกิดขึ้นจะต้องได้รับการแก้ไข
“หากบอกว่ารัฐบาลนี้ทำไม่ดี คนที่เข้ามาจะต้องทำให้ดีกว่านี้ ไม่ใช่ว่าไม่ทำอะไรเลย และกลับไปสู่ปัญหาเดิม ๆ และประชาชนก็เข้าใจแบบเดิม ๆ ดังนั้นจะต้องสร้างการรับรู้กับประชาชนให้มากยิ่งขึ้นว่าเราควรแก้ไขปัญหาประเทศอย่างไร” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
5. “ตั้งความหวังเป็นทหาร ไม่ได้ตั้งใจมาเป็นนายกฯ”
เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ที่หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับการขับเคลื่อนประเทศในระยะเปลี่ยนผ่าน” มีใจความตอนหนึ่งว่า เคยมาที่จุฬาฯ หลายครั้ง เนื่องจากลูกสาวเรียนจบที่นี่ และภรรยาก็เคยสอนที่นี่ จึงรู้สึกใกล้ชิดเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกับนิสิตนักศึกษาเพราะเราคือคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น จึงรู้สึกยินดีที่ได้มาสร้างความเข้าใจที่ดีต่อกัน
นายกรัฐมนตรีระบุว่า วันนี้เราอยู่ในระยะเปลี่ยนผ่าน เป็นระยะสำคัญว่าจะดีขึ้นหรือเลวลง ไม่มีใครรู้ แต่ต้องทำให้ดีที่สุด อะไรที่เป็นปัญหาความขัดแย้งต้องคลี่คลายไปในทางที่ดี จุฬาฯ เป็นสถาบันที่ทรงเกียรติ ปีนี้จะครบรอบ 100 ปี สิ่งสำคัญคือการมีวิสัยทัศน์มองไปข้างหน้า อย่ามองอดีตอย่างเดียว อดีตมีไว้ให้เรียนรู้สิ่งไม่ดีอย่าทำอีก ต้องทำปัจจุบันและอนาคต เพราะใครทำอะไรวันนี้จะเป็นประวัติศาสตร์ในวันข้างหน้า นำพาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ไม่เกิดเหตุการณ์ไม่สงบและวุ่นวายเหมือนที่ผ่านมาอีก เราเป็นเสรีนิยมประชาธิปไตย แต่ต้องคิดถึงความเป็นมาเป็นไปด้วย
6. ขอบคุณประชาชนเชื่อมั่นให้อยู่มาเกือบ 4 ปี-มอบเพลงใหม่ให้ ครม.
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงเพลง “สู้เพื่อแผ่นดิน” ที่เปิดตัวเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ซึ่งมีทำนองเดียวกับเพลงประกอบละครเรื่องบุพเพสันนิวาส ว่าต้องการสื่อสารให้เข้าใจว่าวันนี้รัฐบาลทำงานเพื่อแผ่นดิน และขอให้ทุกคนช่วยกันแบบประชารัฐแล้วทุกอย่างจะเกิดผล
หัวหน้า คสช. กล่าวหลังการประชุม ครม. ว่าได้มอบเพลงนี้ให้รัฐมนตรีทุกคนผู้มีจิตใจทำเพื่อแผ่นดินเช่นเดียวกัน และถึงแม้จะมีคำติฉินนินทาบ้าง แต่ในฐานะนายกฯ ก็อดทน
7. ยืนยัน 4 ปีที่ผ่านมา มีผลงานปรากฏเป็นร้อยเป็นพัน
เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ ตอบคำถามของสื่อมวลชนอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก หลังถูกสอบถามความคืบหน้าในประเด็นต่าง ๆ อาทิ การนำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ขึ้นทูลเกล้าฯ และการปลดล็อคให้พรรคการเมืองประชุมได้ หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 53/2560 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ
ในช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า 4 ปีที่ผ่านมา พยายามทำหน้าที่การเป็นนายกฯ ให้ดีที่สุด เพราะเป็นตำแหน่งสำคัญ มีเกียรติ และทรงคุณค่า ถึงบอกว่าตนเองก็มีความเป็นมนุษย์ ซึ่งความผิดอย่างเดียวที่รู้คือมีความเป็นมนุษย์ที่มีผิดพลาด มีโมโห มีโกรธ เพราะเป็นมนุษย์ เป็นคน และทำงานเพื่อประเทศไทยและคนไทย ตนก็ต้องเป็นของตนแบบนี้ แต่จะทำให้หน้าที่ตรงนี้มีเกียรติยศศักดิ์ศรีทั้งในประเทศและต่างประเทศ
8. เปรียบตัวเองเป็น “พ่อปู”
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 21 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางไปตรวจเยี่ยมธนาคารปูชายหาดพระจอมเกล้า (สจล.) วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ต.ชุมโค อ.ปะทิว พร้อมร่วมกิจกรรมปล่อยลูกปูม้าจำนวน 10 ล้านตัวคืนสู่ทะเล เพื่อประกาศความอุดมสมบูรณ์ของทะเลและชายฝั่งภาคใต้ตอนบน
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแนะนำชาวประมงที่มาร่วมกิจกรรมว่าในการปล่อยลูกปูลงสู่ทะเลต้องสร้างความคุ้นเคยให้กับลูกปูก่อน ไม่ใช่ปล่อยลงไปแล้วก็งง เพราะไม่รู้จักหิน ไม่รู้จักปะการังมาก่อน เป็นแบบนี้ก็จะไม่รอด อีกทั้งยังได้พูดคุยหยอกล้อกับเด็ก ๆ ในชุมชน พร้อมถามว่า “กินปูกันหรือไม่ เบื่อปูกันหรือยัง กินกันบ่อยแล้วสิ แสดงว่าเบื่อปูกันแล้วใช่ไหม”
ภายหลังการปล่อยปู พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมก็เปรียบเหมือนพ่อปู ขอให้เดินตามพ่อปูต่อไป เพราะการเดินตามแม่ปู มันจะเลี้ยวไปเลี้ยวมานะ”
9. ประยุทธ์ สงสาร เฌอปราง
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เฌอปราง อารีย์กุล นักร้องวง BNK48 ว่าเป็นเครื่องมือรับใช้รัฐบาลหลังมาร่วมเป็นพิธีกรพิเศษจัดรายการเดินหน้าประเทศไทย
นายกฯ ระบุว่า หากการโจมตีเกิดจากกลุ่มต่อต้านรัฐบาล ก็จำเป็นต้องพิจารณาถึงข้อกฎหมาย และส่วนตัวรู้สึกสงสารกลุ่มดาราที่เข้ามาทำงานให้กับประเทศ ซึ่งไม่เห็นว่าเป็นการเอื้อประโยชน์หรือโหนกระแสแต่อย่างใด
“ผมก็สงสารเด็กเขานะ การที่ทุกคนมาช่วยกันทำความดีให้กับประเทศเนี่ย มันเสียหายตรงไหน แล้วผมก็ไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรจากดาราพวกนี้ เขาจะเอาเงินทองมาให้ผมหรือ ก็ไม่ใช่ หรือผมจะไปทำให้เขามีรายได้ดีขึ้นหรือ ก็ไม่ใช่”
10. เปรียบเปรยกำลังสร้างปราสาทประชาธิปไตย
ช่วงเช้าวันที่ 17 ก.ย. พล.อ. ประยุทธ์ เป็นประธานในพิธีเปิดถนน 4 เลน หมายเลข 201 เส้นทางเลย-เชียงคาน ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย พร้อมกล่าวกับประชาชนถึงบทบาทของรัฐบาลปัจจุบันและอนาคต
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐบาลพยายามทำเต็มที่เพื่อขับเคลื่อนกลุ่มจังหวัดในภูมิภาคไปข้างหน้า จึงขอให้ทุกคนเรียนรู้และฟังในสิ่งที่รัฐบาลพูด ซึ่งในอดีตมีความเหลื่อมล้ำมาก เช่น ถนนหนทางต่าง ๆ หรือสนามบินที่ต้องปรับปรุง โดยโครงการไทยนิยมจะให้การสนับสนุนทุกหมู่บ้าน เพราะหากสนับสนุนเป็นบางคน บางกลุ่ม หรือบางพวก ก็จะเกิดความขัดแย้งแบบเดิม
“ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นการเขียนแผนวางอนาคตเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องไม่ใช่รัฐบาลจะรักษาอำนาจไว้ 20 ปี ใครจะอยู่ยังไม่รู้ หมดหน้าที่ก็คือหมด วันหน้าใครจะเป็นรัฐบาล ไม่ว่าลุงตู่ ลุงเต่อ หรือใครก็แล้วแต่” พล.อ. ประยุทธ์กล่าว ก่อนระบุว่าเขาไม่ใช่นักการเมือง แต่กำลังทำงานการเมืองให้ประชาชนทั้งประเทศ
“ผมพูดในฐานะเป็นรัฐบาลในวันนี้ที่ต้องการสร้างความปรองดอง ความสงบ และสันติในชาติในช่วงการเลือกตั้ง ดังนั้นไม่ว่าก่อนหรือหลังการเลือกตั้ง ต้องสงบแบบนี้”
You must be logged in to post a comment Login