วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2568

8 เหตุผล’หม่อมอุ๋ย’ไม่ต้องการให้ ‘ประยุทธ์’ เป็นนายกฯ อีก

On December 24, 2018
ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล เขียนบทความเผยเหตุผล 8 ข้อที่ไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีก

เว็บไซต์ไทยพับลิก้า เผยแพร่บทความของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ให้เหตุผล 8 ข้อที่ไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ อีกดังนี้

เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นนายกรัฐมนตรีอีกต่อไปในการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ มีการตั้งพรรคพลังประชารัฐขึ้นมาเพื่อปูทางให้พลเอก ประยุทธ์ ได้สืบทอดอำนาจต่อไป ซึ่งเป็นไปตามหลักประชาธิปไตย แต่พลเอก ประยุทธ์ ก็กระทำการที่ไม่สง่างามเท่าใดนัก กล่าวคือ ในระยะแรก ใช้อำนาจทางกฎหมายที่มีอยู่ห้ามพรรคการเมืองอื่นหาเสียงกับประชาชน แต่ใช้การประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นที่แฝงตัวในการหาเสียงทั่วประเทศ และอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมให้เพื่อเป็นเครื่องมือในการสร้างคะแนนนิยมทุกท้องถิ่นที่คณะรัฐมนตรีออกไปประชุมในจังหวัดต่างๆ เป็นการหาเสียงก่อนพรรคการเมืองอื่นเป็นเวลาหลายเดือน

นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้รัฐมนตรีในสังกัดที่เป็นผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการหาเสียงก่อนพรรคการเมืองอีกด้วย เป็นการสร้างสภาวการณ์ที่ได้เปรียบคู่ต่อสู้อยู่ตลอดเวลา และการใช้งบประมาณแผ่นดินในการสร้างคะแนนนิยมให้แก่ตนเองและพรรคการเมืองฝ่ายตน ดังที่ประกาศเป็นโครงการแจกเงินหลายประเภทในช่วงเดือนธันวาคม 2561 ก่อนเริ่มหาเสียงเพียง 1 สัปดาห์ และในช่วงเดือนธันวาคม 2561 ถึงกันยายน 2562 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกับการหาเสียง การลงคะแนนเสียง และการตั้งรัฐบาล โดยไม่รู้สึกว่านำเงินของประชาชนไปใช้หาเสียง อีกทั้งยังปฏิเสธว่าโครงการนั้นไม่ใช่โครงการประชานิยม เป็นลักษณะของการใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่าได้เปรียบคู่ต่อสู้มากแล้ว จึงจะกล้าลงไปต่อสู้กับคู่ต่อสู้

ผมเห็นการกระทำที่เอาเปรียบคู่ต่อสู้เช่นนี้แล้ว ก็ต้องการที่จะลดความได้เปรียบของฝ่ายพลเอก ประยุทธ์ ลงเพื่อให้มีการแข่งขันในการหาเสียงที่เป็นธรรมขึ้น จึงตัดสินใจเขียนบทความนี้ เพื่อให้เห็นถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นต่อประเทศชาติหากพลเอก ประยุทธ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป ผมมี 8 เหตุผลที่ผมไม่ต้องการให้พลเอก ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีอีก

1. ในระยะเวลา 3 ปีหลังของรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ รัฐบาลกระทำการที่ขาดวินัยทางการคลังอยู่ตลอดเวลา งบประมาณรายจ่ายเพิ่มขึ้นเร็วกว่ารายได้ ขาดดุลเพิ่มสูงขึ้น และเมื่อขาดดุลประจำปีเพิ่มอีกไม่ได้แล้ว ก็ใช้วิธีอนุมัติงบประมาณที่มีผลผูกพันไปในอนาคต เท่ากับนำเงินรายได้ในอนาคตมารองรับโครงการจ่ายเงินที่อนุมัติในวันนี้ จนถึงปีงบประมาณปัจจุบันมีการผูกพันงบประมาณไปในระยะ 5 ปีข้างหน้าถึง 1,178,275 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ งบผูกพันที่สูงที่สุดเป็นของกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานในการคมนาคมของประเทศที่ต้องใช้เวลาในการก่อสร้างหลายปี จึงต้องตั้งเป็นงบผูกพันไว้ ก็เป็นที่ยอมรับได้

แต่งบผูกพันที่สูงเป็นอันดับสองเป็นของกระทรวงกลาโหม จำนวนสูงถึง 177,294 ล้านบาท (ในขณะที่งบประจำปีเป็นเพียง 227,000 ล้านบาท) เป็นเรื่องที่ดูแล้วขาดวินัยการคลัง นอกจากการสร้างเรือดำน้ำซึ่งต้องใช้เวลาหลายปี (ประมาณ 30,000 ล้านบาทเศษ) และยานยนต์บางประเภทแล้ว อาวุธต่างๆ ไม่ได้ใช้เวลานานในการสร้าง ไม่จำเป็นต้องตั้งเป็นงบผูกพันแต่อย่างใด สามารถรอตั้งเป็นงบประจำปีได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสภาวะที่การคลังขาดดุลต่อเนื่องมานับสิบปีแล้ว จำเป็นที่เราต้องประหยัดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และทยอยจัดซื้อเมื่อมีรายได้เพิ่มขึ้น ถ้าไม่ได้ประโยชน์คุ้มค่าก็ไม่น่าจะซื้อ เช่น กรณีเรือดำน้ำ เป็นต้น

ท่านผู้อ่านอาจจะแย้งว่า การจะมีวินัยการคลังหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผมมีประสบการณ์จริงมาแล้ว ตัวอย่างของกรณีเรือดำน้ำเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัด รัฐมนตรีคลังคนแรกของรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ คัดค้านเป็นลายลักษณ์อักษร จนฝ่ายทหารต้องดึงเรื่องที่เสนอออกจาก ครม. แต่รัฐมนตรีคลังคนต่อมาซึ่งพลเอก ประยุทธ์ เลือกเอง ไม่ได้แสดงความเห็นคัดค้านเรื่องนี้แต่ประการใด ทั้งๆ ที่เจ้าหน้าที่ของกระทรวงการคลังและของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไม่เห็นด้วย

หากพลเอก ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง งบประมาณก็คงจะขาดดุลเพิ่มขึ้นและผูกพันมากขึ้น หนี้สินก็จะพอกพูนขึ้นจนทำให้ฐานะการคลังของประเทศอ่อนแอลง

2. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และเพื่อนร่วมรุ่น 6-7 คน ได้ร่วมกันตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติขึ้นมา ด้วยวิธีการเพิ่มบทบัญญัติจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติในการพิจารณาพระราชบัญญัติปิโตรเลียม วาระที่ 2 ของกรรมาธิการวิสามัญของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทั้งๆ ที่ในการพิจารณาอนุมัติ พ.ร.บ. นี้ในขั้นหลักการในวาระที่ 1 ไม่มีหลักการในเรื่องการตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติไว้เลย แต่ได้ใช้กลเม็ดทางกฎหมายเพิ่มเรื่องใหม่เพิ่มเติมขึ้นในวาระที่ 2 จนสำเร็จ มีมติลับให้เพิ่มบทบัญญัติที่เป็นหลักการใหม่นี้ เป็นวิธีการกระทำโดยไม่เคยมีใครเคยทำมาก่อน โดยมีความตั้งใจที่จะให้บรรษัทน้ำมันแห่งชาติเป็นผู้ถือสิทธิ์ในทรัพยากรปิโตรเลียมทุกชนิดของประเทศ และในระยะเริ่มต้นของการดำเนินงาน จะให้กรมพลังงานทหารเป็นผู้บริหารบรรษัทน้ำมันแห่งชาติไปก่อน

หากเป็นไปตามร่างดังกล่าว กิจการน้ำมันของประเทศก็จะถอยหลังไป ผมจำได้ว่าเมื่อ 50 ปีก่อน ขณะที่กรมพลังงานดูแลกิจการน้ำมัน เรามีน้ำมัน “สามทหาร” ของไทยที่มีส่วนการตลาดน้อยมากและถูกครอบงำโดยบริษัทน้ำมันต่างชาติเป็นสำคัญ ต่อมาเราก่อตั้งการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) เป็นรัฐวิสาหกิจที่ทำหน้าที่เสมือนบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ ซึ่งปรากฏว่าพัฒนามาได้ดีอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 เหนือกว่าบริษัทน้ำมันต่างชาติทั้งหมด ปตท. ได้พัฒนาแหล่งพลังงานใหม่คือก๊าซธรรมชาติรองรับความต้องการพลังงานที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ได้ขยายตัวไปสำรวจและผลิตในต่างแดนนำพลังงานกลับมารองรับความเจริญของประเทศได้อย่างทันเหตุการณ์ ได้ขยายเครือข่ายการขายออกไปคุมตลาดในประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ และได้ตั้งบริษัทในเครือเพื่อดำเนินกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานอีกหลายบริษัท เรามีรัฐวิสาหกิจที่ทำหน้าที่บรรษัทน้ำมันแห่งชาติได้ดีอยู่แล้ว

ถ้ามีบรรษัทน้ำมันแห่งชาติใหม่เกิดขึ้นมา และใช้อำนาจที่มีกฎหมายรองรับดึงกรรมสิทธิ์ของพลังงานทุกชนิดมาอยู่ที่บรรษัทแห่งใหม่นี้ วิสาหกิจและกิจการของบริษัทพลังงานต่างๆ หลายแห่งจะดำเนินอยู่ต่อไปได้อย่างไร กิจการเหล่านี้เป็นกิจการขนาดใหญ่ หากต้องหยุดลง ปัญหาอาจลุกลามจนเป็นวิกฤติทางเศรษฐกิจได้ และบรรษัทใหม่ซึ่งยังไม่มีประสบการณ์จะพัฒนาตนเองให้สามารถรองรับความเจริญทางเศรษฐกิจได้เพียงพอหรือ? จะสามารถรับมือกับปัญหาและพัฒนาการใหม่ๆ ของกิจการพลังงานได้หรือ? กิจการพลังงานของเราซึ่งรุดหน้ามาด้วยดี คงจะสะดุดจนเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศได้

ก่อนที่จะถึงการพิจารณาวาระที่ 3 ของ สนช. เพื่อรับรองร่าง พ.ร.บ.ฯ ที่ผ่านการพิจารณาวาระที่ 2 มาแล้ว ผมได้ใช้โอกาสในช่วงเวลาที่เหลือไม่กี่วันทำหนังสือเปิดผนึกถึงสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ชี้ให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลในเรื่องนี้ ตลอดถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นแก่ประเทศชาติ หากอนุมัติให้จัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติได้ ปรากฏว่าสมาชิก สนช. ส่วนใหญ่เข้าใจและเห็นถึงผลเสียที่จะตามมา จึงมีมติให้ตัดบทบัญญัติส่วนที่เพิ่มใน พ.ร.บ.ฯ ที่เกี่ยวกับบรรษัทน้ำมันแห่งชาติออกไปทั้งหมด นับว่าเป็นบุญของประเทศชาติ

แม้ว่า สนช. จะหยุดยั้งเรื่องนี้ไว้ได้แล้ว แต่กลุ่มบุคคลที่เป็นต้นคิดในเรื่องนี้ก็ยังไม่หยุดยั้ง และยังหาจังหวะทางการเมืองที่จะผลักดันเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง หากพลเอก ประยุทธ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัยหนึ่ง เมื่อมีพลังทางการเมืองเพิ่มขึ้นแล้ว ก็อาจจะผลักดันเรื่องนี้จนเป็นผลสำเร็จได้ ซึ่งจะมีผลเสียอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจของประเทศชาติ ด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่อยากให้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีก

3. ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีนโยบายต่างประเทศที่ถ่วงดุลอำนาจระหว่างประเทศมหามิตรหลายฝ่ายที่มีอำนาจในโลกมาได้เป็นอย่างดีเสมอมา แต่รัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ ดำเนินนโยบายผูกมิตรกับประเทศมหามิตรฝ่ายหนึ่งมากเกินไป ไม่มีการถ่วงดุลที่เหมาะสม อาจเป็นปัญหาสำหรับประเทศเล็กๆ อย่างประเทศไทยได้ในอนาคต

รัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ ดำเนินนโยบายที่เอาใจประเทศจีนมากกว่าประเทศมหามิตรอื่น เช่น สหรัฐอเมริกา, EU และญี่ปุ่น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือโครงการรถไฟความเร็วสูงระหว่างกรุงเทพฯ-หนองคาย ซึ่งรัฐบาลกำหนดเป็นนโยบายให้ใช้รถไฟความเร็วสูงของจีนเพื่อวิ่งบนเส้นทางดังกล่าว และให้บริษัทจีนเป็นผู้ออกแบบและคุมงาน โดยไม่เปิดโอกาสให้ประเทศอื่นที่มีความสามารถเท่ากันหรือดีกว่าจีนเข้าเสนอโครงการเพื่อเปรียบเทียบแต่ประการใดเลย และเงื่อนไขของจีนก็มิได้มีเงื่อนไขใดที่ให้ประโยชน์แก่ประเทศไทยเป็นพิเศษแต่อย่างใด ประเทศไทยก็ยังต้องเป็นผู้รับภาระลงทุนก่อสร้างราง ลงทุนในระบบสัญญาณ สร้างขยายสถานี และลงทุนซื้อรถไฟความเร็วสูงจากจีนทั้งหมด ประเทศจีนไม่ต้องแบกภาระลงทุนในเรื่องใดเลย เราไม่มีโอกาสได้เปรียบเทียบประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับข้อเสนอของประเทศอื่น และปิดโอกาสที่จะได้ใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าที่จีนมี เช่น เทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงของญี่ปุ่น

มีบางคนพูดว่าจีนเสนอให้เงินกู้แก่การรถไฟเพื่อใช้ในการว่าจ้างบริษัทจีนออกแบบและคุมงาน และอาจรวมถึงการให้เงินกู้เพื่อใช้ในการซื้อรถไฟจากจีนด้วย เงื่อนไขการให้เงินกู้นี้อาจนับว่าเป็นเงื่อนไขพิเศษได้สำหรับประเทศไทยเมื่อ 60 ปีก่อน ซึ่งขณะนั้นต้องอาศัยเงินกู้จากต่างชาติสำหรับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ แต่ประเทศไทยในปัจจุบันซึ่งมีตลาดเงินในประเทศขนาดใหญ่ และมีฐานะการเงินเป็นที่ยอมรับของตลาดเงินในต่างประเทศ การหาเงินกู้สำหรับโครงการขนาดนี้ไม่ใช่เงื่อนไขพิเศษแต่ประการใด และประเทศคู่แข่งรายอื่นก็สามารถเสนอเงื่อนไขเงินกู้ระยะยาวควบคู่ไปด้วยได้เหมือนกันอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลใดที่จะสนับสนุนการเลือกให้จีนเป็นผู้ออกแบบ คุมงานก่อสร้าง และเลือกซื้อรถไฟความเร็วสูงจากจีนโดยไม่เปิดโอกาสให้ประเทศอื่นได้เสนอเพื่อพิจารณาเทียบเคียงเลย นอกเสียจากเหตุผลที่จะเอาใจประเทศจีนเท่านั้น

อีกเรื่องหนึ่งซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ ต้องการเอาใจประเทศจีน เป็นพิเศษก็คือ พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ด้วยการบรรจุข้อความที่เปิดโอกาสอย่างเต็มที่ให้คนต่างชาติเข้ามาเป็นผู้อยู่อาศัยและถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินในประเทศไทยได้โดยง่าย กล่าวคือในร่าง พ.ร.บ. EEC ซึ่งรัฐบาลเสนอผ่านการรับหลักการในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วาระที่ 1 ไปแล้ว มีข้อความที่ไม่มีใครเคยเขียนมาก่อนระบุไว้ในมาตรา 48 และมาตรา 49 กล่าวคือ ในมาตรา 48 ซึ่งให้สิทธิแก่ผู้ประกอบกิจการในหลายๆ เรื่องนั้น มาตรา 48 (2) ระบุให้ “สิทธิในการนำคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่อาศัยในราชอาณาจักร” ได้โดยไม่ได้กำหนดจำนวนสูงสุดไว้ และในมาตรา 49 ระบุ “ให้ผู้ประกอบกิจการหรืออยู่อาศัยในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษซึ่งเป็นคนต่างด้าว…ให้มีสิทธิถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อื่นภายในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษได้ โดยไม่ต้องรับอนุญาตตามประมวลกฎหมายที่ดิน หรือภายใต้การจำกัดสิทธิของคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด”

ข้อความในสองมาตราดังกล่าวนี้ ถ้าผ่านสภาฯ ออกเป็นกฎหมายก็จะเปิดโอกาสให้นายทุน ต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในเขต EEC สามารถนำคนงานต่างด้าวเข้ามาพร้อมทั้งครอบครัวที่เป็นผู้อยู่ อาศัยได้ด้วย โดยคนงานและผู้อยู่อาศัยทุกคนมีสิทธิจะเป็นเจ้าของที่ดินในประเทศไทยได้เช่นกัน เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีรัฐบาลใดเปิดโอกาสเช่นนี้ให้แก่คนต่างด้าวมาก่อนเลย

ผมเจาะข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้รับทราบมาว่าผู้ที่ให้บรรจุข้อความในสองมาตราดังกล่าวนั้นคือรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจที่มีความใกล้ชิดกับจีนเป็นพิเศษ และผมก็ได้สอบถามความเห็นของวงการนักลงทุนชาติอื่น เช่น ญี่ปุ่นและยุโรปแล้ว ก็ไม่ปรากฏว่านักลงทุนชาติเหล่านั้นมีความต้องการเอาผู้อยู่อาศัยเข้ามาถือครองที่ดินแต่ประการใด คงมีความต้องการเฉพาะให้ผู้ประกอบการมีสิทธิครอบครองที่ดินบ้างเท่านั้น ผมได้หาข้อมูลเพิ่มเติม ก็ปรากฏว่าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านของเรามาแล้ว ผลก็คือขณะนี้ในประเทศเพื่อนบ้านของเรามีคนจีนเข้าไปครอบครองที่ดินและอยู่อาศัยถึงแสนครอบครัว ไม่ใช่นักลงทุนหรือผู้อยู่อาศัยจากชาติอื่นเลย

เดชะบุญที่สมาชิก สนช. ที่เป็นกรรมาธิการในวาระที่ 2 มองเห็นประเด็นนี้และยกขึ้นพิจารณาร่วมกัน ด้วยความรักแผ่นดินและต้องการรักษาแผ่นดินไว้ให้ลูกหลานไทย กรรมาธิการวาระ 2 จึงได้มีมติเอกฉันท์ให้ตัดคำว่าผู้อยู่อาศัยออกทุกแห่งที่ปรากฏในร่าง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว จึงทำให้รอดพ้นจากภัยคุกคามเรื่องนี้ไปได้ จริงอยู่ต้นคิดเรื่องนี้ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี แต่นายกรัฐมนตรีก็รับรู้และอนุมัติให้ส่งเข้าสภาฯ จนผ่านการพิจารณาในวาระที่ 1 ไปได้ ด้วยเหตุผลใดผมไม่อาจทราบได้

ผมกลัวว่าหากพลเอก ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้ง เมื่อมีอำนาจทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยมากขึ้น ก็อาจยินยอมให้แก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.EEC ให้เพิ่มเรื่องอนุญาตให้นำผู้อยู่อาศัยเข้ามาถือครองที่ดินได้อีก พลเอก ประยุทธ์ คงไม่ได้รับรู้ว่า ในประเทศเพื่อนบ้านที่คนจีนเพิ่งเข้าไปถือครองที่ดินและอยู่อาศัยถึงแสนครอบครัวนั้น เขาได้แทรกแซงทำการค้าในเมืองต่างๆ ของประเทศนั้นในวงกว้างทีเดียว แล้วด้วยเงินทุนที่มีมากกว่า ทำให้พ่อค้าชาวจีนครอบงำการค้าของประเทศนั้นมากแล้วทีเดียว

คนจีนที่อพยพเข้ามาอยู่เมืองไทยในสมัยต้นและสมัยกลางของยุครัตนโกสินทร์นั้น เป็นคนจีนที่หนีร้อนมาพึ่งเย็น จากฐานะที่ลำบากยากจนไม่มีช่องทางทำมาหากิน ได้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารเพื่อสร้างชีวิตใหม่ ทำให้คนจีนเหล่านี้สำนึกในบุญคุณของประเทศไทย ได้ตัดสินใจตั้งรกรากทำมาหากินและเป็นกำลังสำคัญในการทำธุรกิจช่วยให้เศรษฐกิจของไทยขยายตัวรุ่งเรืองจนถึงทุกวันนี้ แต่คนจีนสมัยนี้ที่เตรียมการจะเข้ามาถือครองที่ดินและอยู่อาศัยในประเทศไทยนั้น เป็นคนจีนที่ทำธุรกิจการค้าอยู่แล้ว ไม่ใช่คนที่จะหนีร้อนมาพึ่งเย็น แต่เป็นคนที่จะเข้ามาขยายโอกาสกอบโกยจากธุรกิจการค้า ไม่ใช่คนที่เมื่อเข้ามาแล้วจะสำนึกบุญคุณประเทศไทยและจะทำเพื่อประเทศไทยแต่อย่างใดหรอก

ดร.มหาธีร์ มูฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของมาเลเซีย ได้ประกาศยกเลิกโครงการรถไฟความเร็วสูงที่จีนสนับสนุนเพื่อใช้เป็นเส้นทางสำหรับนักเดินทางจากจีนตอนใต้ผ่านลาว ไทย มาเลเซีย ไปสิงคโปร์ ก็ด้วยเหตุผลที่ว่า นโยบายสร้างเส้นทางรถไฟสายดังกล่าวของจีนนี้เป็นนโยบายล่าอาณานิคมมิติใหม่ (New Colonialism) ใช่ครับ เป็นนโยบายที่อำนวยความสะดวกให้พ่อค้านักธุรกิจจีนได้ใช้รถไฟความเร็วสูงเข้ามาขยายธุรกิจการค้าในประเทศเหล่านี้ได้โดยสะดวก เป็นการขยายเครือข่ายการค้าที่ครอบงำโดยพ่อค้าชาวจีนเป็นสำคัญ เป็นการสร้างอาณานิคมในมิติของเครือข่ายทางการค้า

การพัฒนาการค้าให้ขยายและคล่องตัวมากขึ้นเป็นของดี แต่จำเป็นด้วยหรือที่ต้องเปิดโอกาสให้เครือข่ายการค้าของชาติใดชาติหนึ่งโดยเฉพาะเข้ามาครอบงำการค้าของไทย การครอบงำการค้าในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะพ่อค้าในประเทศที่มีอยู่แข็งแรงพอที่จะต้านแรงครอบงำจากต่างชาติได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือการค้าในต่างจังหวัดตามเส้นทางที่รถไฟความเร็วสูงวิ่งผ่าน เพราะพลังของพ่อค้าในเมืองเหล่านั้นไม่มากพอที่จะต่อสู้กับพลังนายทุนของพ่อค้าจากประเทศจีนสมัยนี้ที่มีแผนจะเข้ามาขยายเครือข่ายการค้าในเมืองเหล่านั้น ดังที่เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้วว่าพ่อค้าจีนเหล่านี้ได้เริ่มจัดหาที่ดินเพื่อเป็นฐานค้าขายใกล้เส้นทางรถไฟแล้ว โดยใช้คนไทยที่ฐานะอ่อนด้อยเป็นตัวแทน (nominee) ในการถือครองที่ดิน คนในท้องถิ่นรู้กันหมด แต่รัฐบาลก็ยังเพิกเฉยอยู่

ผมเชื่อว่าถ้าพลเอก ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก ก็คงจะไม่มีนโยบายที่จะดูแลแก้ปัญหาในเรื่องนี้ ด้วยความที่ไม่อยากขัดใจจีน หรือไม่ก็คงจะเป็นเพราะความไม่รู้และไม่เข้าใจถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการสร้างอาณานิคมในมิติของเครือข่ายทางการค้า

โครงการพัฒนา EEC ช่วง 5 ปีแรก ที่มาภาพ: https://www.eeco.or.th/sites/default/files/EEC%20Information%20Board_0.pdf

4. ในระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา พลเอก ประยุทธ์ และ คสช. ได้กระทำการหลายอย่างเป็นประจำที่ทำให้คนไทยโดยทั่วไปเห็นว่าทหารมีอภิสิทธิ์เหนือพลเรือน เช่น กรณีโครงการราชภักดิ์ที่หัวหินของมูลนิธิราชภักดิ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบพบว่ามีความไม่ถูกต้องหลายประการ ก็ถูกแรงกดดันจากรัฐบาลให้หัวหน้าสำนักตรวจเงินแผ่นดินชี้แจงเสมือนเป็นเรื่องปกติได้ ประชาชนเชื่อว่าหากเป็นหน่วยราชการอื่นที่ไม่ใช่หน่วยทหารเป็นผู้จัดทำ ก็คงจะถูกเปิดโปงและมีการลงโทษกัน หรือกรณีรายงานทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ครบถ้วน ซึ่งยัง ไม่แน่ว่าจะผิดหรือไม่ผิด แต่การที่ ป.ป.ช. ยืดเวลาในการตัดสินและชี้แจงต่อประชาชนออกมานานกว่าที่ควรจะเป็นมาก ก็ทำให้ประชาชนเห็นว่าเพราะบุคคลผู้นั้นเป็นทหาร จึงมีผลให้ ป.ป.ช. ยืดเวลาให้ หากบุคคลนั้นเป็นพลเรือน ป.ป.ช. ก็คงตัดสินไปนานแล้ว

นอกจากนี้ พลเอก ประยุทธ์ และ คสช. ยังพยายามให้เห็นว่าทหารคือฝ่ายปกครองในขณะที่พลเรือนคือผู้ถูกปกครอง การเรียกตัวเอกชนไปให้ทหารเป็นผู้ปรับทัศนคติในกรมทหารก็ดี การใช้ทหารกำกับการทำงานของข้าราชการกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรในท้องถิ่นก็ดี ทำให้เกิดความรู้สึกว่าทหารคือผู้ปกครองและพลเรือนอยู่ใต้การปกครองของทหาร

ความรู้สึกที่ว่าทหารมีอภิสิทธิ์เหนือพลเรือน และความรู้สึกที่ว่าทหารทำตัวเป็นผู้ปกครอง เมื่อนานไปก็มีผลให้ประชาชนทั่วไปไม่ชอบทหารมากขึ้นทุกที ความรู้สึกไม่พอใจทหารในขณะนี้ ไม่ต่างจากช่วงเวลา พ.ศ. 2510 ถึง พ.ศ. 2516 หากปล่อยให้สะสมมากขึ้นต่อไปอาจจะเป็นอันตรายต่อบ้านเมืองได้ ในสมัยที่พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ท่านไม่เคยทำให้ประชาชนไม่พอใจทหารเลย ในทางตรงข้าม ท่านทำให้ประชาชนเห็นว่าทหารเป็นที่พึ่งของประชาชนที่สามารถพึ่งได้ในยามคับขัน และความรู้สึกที่ดีนี้ก็มีตลอดมาจนถึงปี 2557

แต่ในวันนี้ ความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อทหารได้เปลี่ยนไปแล้ว ยังไม่สายเกินไปที่จะแก้ เพราะเกิดจากการกระทำของทหารเพียงกลุ่มเดียวที่มีอำนาจอยู่ในปัจจุบัน ไม่ใช่ความคิดของทหารส่วนใหญ่ หากพลเอก ประยุทธ์ ลงจากตำแหน่งไม่กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก และหาก คสช. ยุติบทบาท ปล่อยให้เป็นเรื่องของระบอบประชาธิปไตย และไม่พยายามแฝงตัวเพื่อมีอำนาจในการบริหาร ประเทศนอกระบอบประชาธิปไตย ทำหน้าที่ดูแลประเทศชาติอย่างที่เคยทำมาในช่วงก่อน พฤษภาคม 2557 ความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อทหารก็จะค่อยๆ ดีขึ้น และเปลี่ยนจากความไม่พอใจความมีอภิสิทธิ์ของทหารมาเป็นความสบายใจที่มีทหารเป็นที่พึ่งในยามคับขันต่อไป แต่ถ้าพลเอก ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ความกลัวที่ไม่กล้ายืนคนเดียวแต่จะต้องมีกองทัพมาหนุนหลังและรายล้อมปกป้อง จะทำให้ความรู้สึกไม่พอใจทหารจะคงอยู่ต่อไปหรือมากขึ้นไปอีก

5. ในระหว่างหนึ่งปีที่ผมทำงานกับพลเอก ประยุทธ์ ได้เห็นว่าพลเอก ประยุทธ์ สนิทสนมและใกล้ชิดกับนายทุนที่เป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่บางราย เริ่มตั้งแต่การแต่งตั้งบุคคลที่สนิทสนมกับกลุ่มธุรกิจปลอดภาษีเป็นประธานของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ตามมาด้วยการแต่งตั้งให้บุคคลที่เป็นตัวแทนของกลุ่มธุรกิจใหญ่กลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ เข้าไปนั่งเป็นกรรมการในคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งช่วยให้สามารถได้รู้ข้อมูลด้านการลงทุนที่ยังไม่เปิดเผยก่อนผู้อื่น และรู้แง่มุมของการวางนโยบายที่เป็นเรื่องไม่พึงเปิดเผยด้วย และยังเคยเชิญนักธุรกิจคนหนึ่งให้เข้าไปร่วมแสดงความเห็นในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีด้วย ซึ่งก็เป็นความเห็นที่เป็นประโยชน์แก่นักธุรกิจผู้นั้นโดยเฉพาะ และยังมีตัวอย่างอื่นอีกหลายเรื่องที่แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนักธุรกิจรายใหญ่บางคนโดยเฉพาะ นอกจากนี้ ยังเคยเอ่ยปากให้ผมจัดให้กลุ่มธุรกิจกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งเป็นผู้ลงทุนและดำเนินการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หัวหิน โดยไม่ต้องมีการประมูล เคยเอ่ยปากให้ผมจัดให้กรมธนารักษ์ให้เช่าที่ดินในเขตทหารบริเวณกาญจนบุรีให้เอกชนรายหนึ่งเช่าโดยให้คิดค่าเช่าในราคาถูก

ความสัมพันธ์เช่นนี้ไม่เหมาะสมสำหรับผู้ที่เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศ ซึ่งพลเอก ประยุทธ์ ไม่เคยเข้าใจนัยสำคัญของเรื่องนี้

6. พลเอก ประยุทธ์ เป็นคนที่ไม่กล้าตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้องเพราะกลัวเสียคะแนนนิยม รัฐมนตรีที่เคยร่วมงานในรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ สามารถเป็นพยานได้ว่า เมื่อมีเรื่องใดที่รัฐบาลต้องอนุมัติเพื่อแก้ปัญหาหรือเพื่อปฏิรูป หากมีผู้ออกความเห็นคัดค้านในโซเชียลมีเดียบ่อยๆ พลเอก ประยุทธ์ ก็สั่งให้ถอยเสมอ ด้วยความกลัวว่าตนเองจะเสียคะแนนนิยม

แม้ว่าความเห็นในโซเชียลมีเดียจะไม่มีเหตุผลเพียงพอ หรือตรงข้ามกับข้อเท็จจริง แต่ถ้านำลงในโซเชียลมีเดียให้มากรายและหลายๆ ครั้ง ก็จะทำให้พลเอก ประยุทธ์ สั่งถอนเรื่องเสมอ เช่น โครงการสร้างโรงไฟฟ้าผลิตจากถ่านหิน (แทนถ่านลิกไนต์ที่เคยทำอยู่เดิมและตัวถ่านหมดลง) เพื่อผลิตไฟฟ้าป้อนภาคใต้ ซึ่งมีความต้องการเพิ่มขึ้นจนถึงจุดที่กำลังผลิตของโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ทั้งหมดในภาคใต้เกือบจะผลิตได้ไม่พอความต้องการอยู่แล้ว แม้ว่าจะได้ทำการประชาพิจารณ์ถึง 6 ครั้ง และปรับปรุงแก้ไขส่วนต่างๆ ของโครงการให้เป็นไปตามความต้องการด้านความสะอาดและสิ่งแวดล้อมของผู้คนในท้องถิ่นครบถ้วนตามที่เขาต้องการ จนประชาชนในท้องถิ่นออกเสียงให้ ดำเนินการได้ในการทำประชาพิจารณ์ครั้งสุดท้ายแล้วก็ตาม เมื่อวันที่นำเสนอที่ประชุม ครม. มีเพียง NGO สองคนมาถือป้ายและตะโกนคัดค้าน นายกรัฐมนตรีก็ยังสั่งให้ถอนเรื่องจากที่ประชุม ครม.

ถึงวันนี้ 3 ปีหลังจากถอนเรื่องจากที่ประชุม ครม. ครั้งนั้น การสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเพื่อป้อนภาคใต้ก็ยังไม่ได้เริ่มทำ หรือเช่น การประมูลสัมปทานสำรวจและขุดเจาะก๊าซธรรมชาติรอบที่ 21 ซึ่งมีคนกลุ่มหนึ่งคัดค้าน แม้ว่าคณะที่ปรึกษาที่มีพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน ได้ให้ความเห็นว่าควรสนับสนุนการประมูลให้เสร็จเพื่อให้สามารถสำรวจและขุดเจาะก๊าซธรรมชาติได้ทันใช้ (เนื่องจากก๊าซในบ่อเดิมที่ใช้อยู่เหลือน้อยลง) และแม้จะจัดให้มีการโต้วาทีระหว่างฝ่ายที่สนับสนุนกับกลุ่มที่คัดค้านตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีแล้ว พอถึงวันประชุม ครม. นายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่าฝ่ายสนับสนุนชี้แจงได้ดี และไม่มีการพิจารณาเรื่องนี้ในที่ประชุม ครม. แต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องที่กระทรวงพลังงานสามารถดำเนินการต่อไปได้เลยถ้านายกรัฐมนตรีไม่ขัดข้อง ซึ่งทุกคนเข้าใจว่าเป็นเช่นนั้นหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวชมในที่ประชุมแล้ว

แต่ปรากฏว่า หลังจากประชุม ครม. พลเอก ประยุทธ์ ออกไปชี้แจงกับนักข่าวว่าที่ประชุม ครม. ได้พิจารณาเรื่องนี้แล้วเห็นควรให้ยกเลิกการประมูล สร้างความประหลาดใจให้กับผมและรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานเป็นอย่างมากที่นายกรัฐมนตรียกเลิกการประมูลโดยไม่มีการพิจารณาในที่ประชุม ครม. เลย และไม่ได้บอกกล่าวให้คนที่เกี่ยวข้องรู้ก่อนแถลงข่าวเลย ทั้งนี้ ก็เพราะกลัวจะเสียคะแนนนิยม จนต้องรีบยกเลิกโดยไม่กล้าเผชิญหน้ากับผู้ที่เกี่ยวข้องเลย

อีกเรื่องหนึ่งคือ เรื่องภาษีทรัพย์สิน ซึ่งรัฐมนตรีคลังได้ตั้งเรื่องเข้าที่ประชุม ครม. ก่อนที่จะเสนอสภาฯ เป็นธรรมดาที่การจะเก็บภาษีเพิ่มเติมย่อมมีคนค้าน ผู้ที่คัดค้านทำการค้านผ่านทั้งสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดีย ดังนั้น เมื่อเรื่องมาถึงที่ประชุมเตรียมการก่อนเสนอที่ประชุม ครม. ปรากฏว่าพลเอก ประยุทธ์ สั่งให้รอเรื่องไว้ก่อนด้วยเหตุผลเดียวคือ มีคนโจมตี ซึ่งพลเอก ประยุทธ์ อ่านข้อความที่มีผู้คัดค้านให้ฟังในที่ประชุมด้วย ผมฟังแล้วเห็นว่าเป็นความเห็นคัดค้านของกลุ่มเจ้าของที่ดินที่มีที่ดินมากๆ ไม่ใช่เหตุผลที่ดีพอที่จะหยุดกฎหมายนี้ แต่ในที่สุดกระทรวงการคลังก็ต้องดึงเรื่องออกไปตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี และต้องใช้เวลาอีก 3 ปีกว่ากฎหมายจะผ่านสภาฯ ออกมาบังคับใช้ได้แทนที่จะทำได้เสร็จในปีแรก ซึ่งจะทำให้เก็บภาษีได้มากขึ้นสำหรับบรรเทาปัญหาการขาดดุลงบประมาณซึ่งเป็นต่อเนื่องมากว่า 10 ปีแล้ว

เรื่องที่ต้องถอนออกจากที่ประชุมหรือให้รอไปก่อนยังมีอีกมากมาย รัฐมนตรีที่เข้าร่วม ประชุม ครม. รู้ดี เพราะนายกรัฐมนตรีมักจะอ่านข้อความในโซเชียลมีเดียที่ค้านมาตรการหรือนโยบายของกระทรวงต่างๆ อ่านถึงเรื่องใดนายกรัฐมนตรีก็ออกปากให้หยุดหรือรอเรื่องนั้นไว้ก่อนเป็นประจำ

บุคคลที่ไม่กล้าตัดสินใจเพราะกลัวว่าจะเสียคะแนนนิยมเช่นนี้ หากได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก การปฏิรูปในเรื่องต่างๆ ที่เตรียมกันไว้ก็จะเดินหน้าต่อไปได้ยาก เพราะมาตรการเพื่อการปฏิรูปทุกเรื่องย่อมจะมีผลกระทบประชาชนบางกลุ่มอย่างแน่นอน ถ้าขาดความกล้าที่จะยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง การปฏิรูปก็จะไม่เกิดขึ้น

7. ในปีหน้าประเทศไทยจะเป็นประธานของการประชุม ASEAN ตลอดทั้งปี หากพลเอก ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีและทำหน้าที่ประธานของที่ประชุมระหว่างประเทศสมาชิก ASEAN รวมทั้งประเทศอื่นที่เข้าสังเกตการณ์ มีความเสี่ยงที่คนไทยจะต้องอับอายขายหน้าประเทศสมาชิกอื่นจากพฤฒิปฏิบัติของประธานที่ประชุมได้ ดังที่เคยเกิดมาแล้วในปี 2558 เมื่อครั้งที่ประเทศไทยได้เป็นประธานของการประชุมประเทศกำลังพัฒนา G77 ของสหประชาชาติที่สิงคโปร์ ในการประชุมครั้งนั้นมีกำหนดให้นายกรัฐมนตรีของประเทศที่เป็นประธานกล่าวสุนทรพจน์ให้มวลชนสมาชิกทั้งหมดฟัง เจ้าหน้าที่ได้ยกร่างสุนทรพจน์ให้พลเอก ประยุทธ์ พูดในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นเรื่องที่ประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายสนใจใคร่รู้

แต่ปรากฏว่า หลังจากที่พูดตามร่างในเรื่องที่เตรียมไว้ไปได้ไม่นาน พลเอก ประยุทธ์ ได้หันไปพูดนอกบทโดยใช้เวทีที่สิงคโปร์ด่าทอสื่อมวลชน นักการเมืองฝ่ายตรงข้าม และนักวิชาการในประเทศ อันเป็นการด่าคนไทยด้วยกันเองให้คนต่างชาติฟัง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไร้สาระสำหรับตัวแทนจาก 130 ประเทศที่เข้าร่วมรับฟังในวันนั้น การพูดนอกบทที่เป็นไปอย่างก้าวร้าวและไม่สุภาพ ไปกลบเนื้อหาสำคัญของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่สื่อมวลชนควรได้รับรู้และนำไปเผยแพร่ต่อ ดังนั้น บนหน้าหนังสือพิมพ์ในวันถัดมาจึงให้ความสนใจกับลีลาที่เกรี้ยวกราดและดุดันอย่างไร้กาลเทศะของพลเอก ประยุทธ์ จนเข้าขั้นที่สื่อมวลชนต่างประเทศเรียกว่าเป็นตัวตลก สื่อต่างประเทศพาดหัว ในวันถัดไปว่า “Thailand’s military junta is led by a clown”

นอกจากนี้ เมื่อคราวที่พลเอก ประยุทธ์ เข้าพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา คนไทยก็ได้รับรู้ความสามารถในการเจรจากับบุคคลระดับผู้นำประเทศ ซึ่งพลเอก ประยุทธ์ เป็นไก่รองบ่อนอย่างเห็นได้ชัด ผมไม่ได้คาดหวังที่จะให้พลเอก ประยุทธ์ พูดภาษาอังกฤษได้คล่องในการเจรจา เพราะผู้นำรัฐบาลสามารถใช้ล่ามได้อยู่แล้ว เพียงแต่ต้องพยายามฟังให้เข้าใจเนื้อหา และใช้สติหาคำตอบที่เหมาะสม ตอบเป็นภาษาไทยให้ล่ามแปลด้วยความรัดกุมก็จะไม่เสียเปรียบ แต่ความที่อยากจะอวดว่าพูดภาษาอังกฤษเป็น (ทั้งๆ ที่ภาษาอังกฤษใช้ไม่ได้เลย) จึงทำให้กลายเป็นไก่รองบ่อน น่าขายหน้าอีกครั้งหนึ่ง

หากพลเอก ประยุทธ์ ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีในปีหน้า ซึ่งจะต้องทำหน้าที่ประธานของที่ประชุมผู้นำ ASEAN ด้วย ก็มีโอกาสที่คนไทยจะต้องอับอายขายหน้าอีกครั้ง เพราะพลเอก ประยุทธ์ เป็นคนที่ไม่มีวุฒิภาวะในการควบคุมอารมณ์ และเมื่ออารมณ์เสียแล้วก็จะบุ่มบ่ามและมุทะลุ นอกจากนี้ ยังเป็นคนที่ต้องการแสดงออกให้คนรู้ว่าตนเองเก่งและรอบรู้ ซึ่งเป็นแรงกระตุ้นภายในที่มักจะทำให้เกิดการแสดงออกที่พลาดท่าได้

8. ในระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา นักข่าวก็มีโอกาสได้ฟังนายกแถลงข่าวทุกวันประชุม ครม. และนำบทแถลงข่าวและบทให้สัมภาษณ์ของพลเอก ประยุทธ์ ออกให้คนชมทางโทรทัศน์เป็นประจำ ทุกคนได้เห็นถึงการพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว มีลักษณะที่ก้าวร้าว และบางครั้งก็ใช้คำหยาบคายที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะออกมาจากปากของคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศ ซึ่งอาจกลายเป็นตัวอย่างที่เยาวชนจะทำตาม เด็กๆ ย่อมมองเห็นบุคคลที่เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นแบบอย่างสำหรับทำตามอยู่แล้ว เมื่อนายกรัฐมนตรีพูดก้าวร้าวได้และพูดหยาบคายได้ เยาวชนก็จะคิดว่าเขาน่าจะมีสิทธิทำได้เช่นกัน พลเอก ประยุทธ์ ไม่เคยระวังตัวในการใช้คำพูดเลย ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีควรวางตัวอย่างไรหรือพูดจาอย่างไรจึงจะเหมาะสมและเป็นตัวอย่างที่ดีของเยาวชน

นอกจากนี้ คนไทยทุกคนยังมีโอกาสได้ฟังคำปราศรัยของนายกรัฐมนตรีทางโทรทัศน์ทุกเย็นวันศุกร์ คือ การใช้ภาษาไทยในการพูดของพลเอก ประยุทธ์ ไม่เหมาะสม สำหรับผู้ที่เป็นถึงนายกรัฐมนตรีของประเทศในหลายประการ

ประการแรก พลเอก ประยุทธ์ พูดจารวบคำอยู่เสมอ เช่น คำว่า “ประชาชน” พูดว่า “ประชน” หรือคำว่า “พิษณุโลก” พูดว่า “พิษโลก” ตัวอย่างการพูดรวบคำของพลเอก ประยุทธ์ ยังมีอีกนับร้อย เมื่อผู้นำพูดเช่นนี้บ่อยๆ คนก็จะทำตามจนอาจทำให้ภาษาวิบัติได้ นอกจากนี้ พลเอก ประยุทธ์ ยังไม่สนใจที่จะพูดจาให้ไพเราะเสนาะหูอันเป็นลักษณะของการพูดภาษาไทยที่ดีเลย สำเนียงที่ลงท้ายประโยคเป็นไปอย่างห้วนๆ และแข็งกระด้าง โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้ฟังเลย ท่วงทำนองและคำที่ใช้เป็นไปในลักษณะที่ผู้พูดรู้สึกว่าตนมีฐานะเหนือผู้ฟังตลอดเวลา ไม่เคยพูดด้วยความนุ่มนวลและสุภาพในลักษณะที่ให้เกียรติผู้ฟังแต่ประการใดเลย ซึ่งอาจทำให้เยาวชนเข้าใจว่าวิธีการพูดแบบนี้เป็นวิธีการพูดที่ถูกต้อง การใช้ภาษาไทยก็จะเสื่อมลงได้

มีผู้ช่วยแก้ต่างให้พลเอก ประยุทธ์ ว่าที่พูดจาลักษณะนี้เพราะเป็นทหาร ผมคิดว่าเราไม่ควรกล่าวหาทหารเช่นนั้น พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ก็พูดจาไพเราะเสนาะหู ไม่เคยพูดก้าวร้าว พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ก็พูดจาดีและนุ่มนวล เพื่อนของผมที่เป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายคนก็พูดจาดี สุภาพ ไม่หยาบคาย และผมก็ทราบว่า กองทัพบกมีหลักสูตรสำหรับฝึกการพูดให้แก่ผู้ที่จะเป็นนายทหารระดับสูง ให้มีความเป็นสุภาพชนที่เหมาะสม คงมีพลเอก ประยุทธ์ นี่แหละที่ทำได้ไม่ดีเท่านายทหารคนอื่น

โดยสรุป ผมเห็นว่าหากพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก การปฏิรูปที่เตรียมไว้ก็คงจะไม่สำเร็จเพราะความไม่กล้าตัดสินใจ เนื่องจากกลัวเสียคะแนนนิยม แม้ว่าจะมีผู้คัดค้านเพียงหยิบมือเดียว ฐานะการคลังของประเทศก็คงจะเสื่อมลงไปอีกเพราะขาดวินัยที่ดี คนไทยก็คงต้องทนฟังการพูดภาษาไทยที่ขัดหู รวบคำ และแข็งกระด้าง และต้องนั่งเป็นห่วงว่าเยาวชนอาจเลียนแบบตัวอย่างที่ไม่ดี ต้องนั่งใจเต้นว่านายกรัฐมนตรีจะไปทำให้ประเทศไทยขายหน้าในการเป็นประธานการประชุมในเวทีโลกอีกหรือไม่ ต้องเป็นห่วงว่าจะมีการผลักดันให้ตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติซึ่งจะมีผลเสียต่อเศรษฐกิจอีกหรือไม่ และจะหาทางป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้อย่างไร ต้องเป็นห่วงว่าประเทศไทยจะถูกแทรกซึมในธุรกิจการค้าโดยประเทศมหาอำนาจบางประเทศหรือไม่ การให้ประโยชน์แก่กลุ่มธุรกิจที่ใกล้ชิดจะมีส่วนสร้างความไม่พอใจให้แก่ประชาชน และหากรวมเข้ากับความไม่พอใจในการที่ทหารมีอภิสิทธิ์เหนือพลเรือน ก็อาจจะทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองได้ ด้วยเหตุเหล่านี้ ผมจึงไม่ต้องการให้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกเลย


You must be logged in to post a comment Login

Казино левлучший портал для азартных игроков
Игровые автоматызахватывающая игра начинается сейчас
azino777испытай удачу прямо здесь
1win казинооткрой для себя мир азартных игр
Вулкан платинумавтоматы с высокой отдачей ждут тебя
Казино левгде выигрыши становятся реальностью
Игровые автоматыразвлекайся и выигрывай каждый день
азино три топоранаслаждайся адреналином от побед
Казино 1winкаждая игра — шаг к успеху
Вулкан россиятвой шанс на большой выигрыш
Казино левоснова азартного мастерства
Игровые автоматытоповые игры для каждого
Azino777только для настоящих ценителей риска
1win казинокайф от игры начинается здесь
Вулкан 24где каждый день приносит победы
Казино левновые высоты азартных эмоций
Игровые автоматыгде выигрыши реальны
азино три топорасамые горячие игры ждут
Казино 1winвыигрывайте с комфортом
Казино вулкан россияисследуй мир азартных автоматов
Казино левтвой источник азарта и выигрышей
Игровые автоматыискусство выигрыша ждет тебя
azino777почувствуй азарт и драйв
1win казиноидеальный выбор для азартных игр
Вулкан платинумиграй и побеждай с удовольствием
Казино левнаслаждайся азартом без границ
Игровые автоматылучшие призы ждут тебя
азино три топоратвоя игра начинается здесь
Казино 1winновые уровни азарта и удачи
Вулкан россияначни путь к победе прямо сейчас
Coco chat - Rejoignez nouvelles discussions enrichissantes sur Bed and Bamboo
Chatrandom - Discover exciting chats with new people on Bed and Bamboo
Chatrandom - Entdecke spannenUnterhaltungauf Bed and Bamboo
Chatrandom - Ontdek boeienchats op Bed and Bamboo
Coco chat - Partagez des moments uniques sur Hoodrich France
Chatrandom - Connect and chat on Hoodrich France
Chatrandom - Chatte mit der Hoodrich France Community
Chatrandom - Geniet van chats in Hoodrich France gemeenschap
Coco chat - Connectez-vous pour des échanges passionnants sur I’m Famous 51
Chatrandom - Meet and chat on I’m Famous 51
Chatrandom - Führe spannenGespräche auf I’m Famous 51
Chatrandom - Beleef gesprekkop I’m Famous 51
Coco chat - Discutez avec la communauté Quincaillerie Outillage Thollot
Chatrandom - Explore vibrant conversations at Quincaillerie Outillage Thollot
Chatrandom - Tritt spannendChats bei Quincaillerie Outillage Thollot bei
Chatrandom - Ga mee in boeiengesprekkbij Quincaillerie Outillage Thollot
Coco chat - Rejoignez TurboSystem pour discuter
Chatrandom - Engage in exciting chats at TurboSystem
Chatrandom - Genieße spannenChats bei TurboSystem
Chatrandom - Beleef chatplezier bij TurboSystem