- อย่าไปอินPosted 3 days ago
- ปีดับคนดังPosted 3 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 6 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ปลดล็อกกัญชา
คอลัมน์ : ฉุก(ละหุก)คิด
ผู้เขียน : นายหัวดี
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 27 ธ.ค. 61)
สภานิติบัญญัติแห่งชาติผ่านร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ อนุญาตให้นำกัญชาและกระท่อมไปศึกษาวิจัยเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ทางราชการ และรักษาโรคภายใต้การดูแลของแพทย์ หรือการศึกษาวิจัยและพัฒนา รวมถึงเกษตรกรรม พาณิชยกรรม วิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรม
นอกจากนี้ยังอนุญาตให้พกพาเพื่อใช้รักษาโรคในปริมาณที่จำเป็น แต่ต้องมีใบสั่งยาหรือหนังสือรับรองผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ทันตกรรม แพทย์แผนไทย การแพทย์แผนไทยประยุกต์ หรือหมอพื้นบ้าน ตามเงื่อนไขที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกำหนด และผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ
ส่วนบทลงโทษ การครอบครองเพื่อจำหน่ายไม่ถึง 10 กิโลกรัม จำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ครอบครองเกิน 10 กิโลกรัมให้ถือว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย ต้องโทษจำคุก 1-15 ปี ปรับ 1 แสนบาทถึง 1 ล้านบาท
ถือเป็นการเดินหน้าสำคัญทั้งการผลิต นำเข้า ส่งออก และจำหน่าย ซึ่งเชื่อว่า “กัญชา” จะเป็นพืชเศรษฐกิจที่มาแรง แต่ภาคประชาชนต้องการให้ประโยชน์เกิดกับประชาชน โดยเฉพาะผู้ป่วยมากที่สุด ไม่ใช่ผลประโยชน์ตกกับนายทุนบางกลุ่มเท่านั้น
“บัณฑูร นิยมาภา” ที่รณรงค์ประเด็นกัญชาทางการแพทย์มานาน ต้องการให้รัฐบาลแก้เรื่องสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์กัญชาเพื่อการแพทย์ที่อนุมัติให้บริษัทต่างชาติไปแล้ว 7 ราย ซึ่งผิดตั้งแต่ติดกระดุมเม็ดแรกแล้ว ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็น “เตะหมูเข้าปากหมา” คนไทยจะไม่ได้ประโยชน์เลย
ทั้งควรอนุมัติให้คนป่วยสามารถซื้อกัญชาไปทำยาเองได้ ซึ่งก่อนหน้าปี 2522 กฎหมายกำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติดผิดกฎหมาย แต่ร้านขายยาไทย (ประเภท ข. และ ค.) ยังสามารถขายกัญชาแท่งเพื่อให้ผู้ป่วยซื้อไปทำยาเองได้ ซึ่งผู้ป่วยจะได้รับประโยชน์มากที่สุด
อย่าตีกรอบแบบพวกคนดีที่คิดเองเออเอง ไม่เคยเห็นและสัมผัส แม้แต่กลิ่นกัญชาก็ยังบอกว่าเหม็น!
You must be logged in to post a comment Login