วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ฆาตกรรมฆาตกร

On December 28, 2018

คอลัมน์ : ร้ายสาระ

ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 28 ธันวาคม 2561-4 มกราคม 2562)

ชายทุพพลภาพรอดพ้นจากการต้องโทษในคดีฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพราะความพิการ หลังจากนั้นเขาใช้ข้อด้อยของร่างกายเป็นอาวุธขู่สังหารคนในครอบครัวหากพวกเขาขัดใจ ภายใต้สถานการณ์ความหวาดกลัว ภรรยาจึงตัดสินใจชิงลงมือก่อน

เกรดี้ แฟรงกลิน สไตลส์ จูเนียร์ เกิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 1937 เขามีร่างกายพิการ มือและเท้ามีลักษณะคล้ายก้ามปูตั้งแต่กำเนิด ทำให้ไม่สามารถเดินเหินหรือหยิบจับสิ่งของได้เหมือนคนปรกติ เป็นโรคที่สามารถส่งต่อทางพันธุกรรม โดยที่เกรดี้ ซีเนียร์ ผู้เป็นพ่อ ก็เป็นโรคร้ายนี้เช่นเดียวกัน

เกรดี้ ซีเนียร์ พลิกวิกฤตเป็นโอกาสด้วยการพาลูกชายเดินสายออกโชว์ตัวภายใต้ชื่อการแสดงว่า Lobster Family (ครอบครัวกุ้งล็อบสเตอร์) ส่วนเกรดี้ จูเนียร์ ได้รับสมญานามว่า Lobster Boy (หนูน้อยกุ้งล็อบสเตอร์)

เกรดี้ ซีเนียร์ ทำรายได้จากการนำลูกชายออกโชว์ตัวมากพอสมควร สามารถเลี้ยงดูครอบครัวให้มีความสุขสบายไม่แพ้คนปรกติทั่วไป จนกระทั่งเกรดี้ จูเนียร์ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ แยกตัวออกมาตั้งคณะละครสัตว์ของตัวเอง แต่งงานกับมาเรีย เทเรซา หญิงม่ายลูกสองที่มีร่างกายปรกติซึ่งทำงานในคณะละครสัตว์ด้วยกัน เกรดี้และมาเรียมีบุตร 4 คน เป็นคนร่างกายปรกติ 2 คน และพิการเหมือนพ่อ 2 คน

คนหัวร้อน

เกรดี้ได้ชื่อว่าเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียว หงุดหงิดง่าย และโมโหร้าย จนคนในคณะละครสัตว์พยายามหลีกเลี่ยงที่จะเสวนากับเขา เหตุการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเกรดี้ติดสุราและสูบบุหรี่อย่างหนัก เขาเริ่มทำร้ายภรรยาและลูกๆจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน

ฟางเส้นสุดท้ายถูกวางลงในปี 1978 เมื่อเกรดี้ตบตีมาเรียจนเธอล้มลงกับพื้น จากนั้นเขาก็ตรงไปกระชากห่วงอนามัยคุมกำเนิดออกจากมดลูก สร้างความเจ็บปวดอย่างสาหัสให้กับมาเรีย เธอไม่สามารถทนอยู่กับเกรดี้ได้อีกต่อไป มาเรียตัดสินใจแยกทางเดิน ปล่อยให้ลูกๆเผชิญชะตากรรมกับพ่อหัวร้อนตามลำพัง

การออกเดินสายโชว์ตัวแต่ละฤดูกาลทำรายได้ราว 50,000-80,000 ดอลลาร์ ซึ่งนับว่ามากพอดู จึงไม่น่าแปลกใจที่เกรดี้สามารถหาภรรยาคนใหม่ได้ไม่ยากนัก ขณะที่มาเรียแต่งงานใหม่กับชายร่างเล็กที่สุดในโลก หนึ่งในนักแสดงละครสัตว์อีกคณะหนึ่ง

ต่อมาในปี 1988 ดอนน่า ลูกสาวคนโตวัย 15 ปี นอกจากจะไม่พิการแบบพ่อแล้ว เธอยังสวยใสเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ ดอนน่าพบรักกับแจ๊ค เลน เพื่อนบ้านหนุ่มวัย 18 ปี สร้างความไม่พอใจให้กับเกรดี้ เขาบอกให้ลูกสาวเลิกคบหากับแจ๊ค แต่คราวนี้ดอนน่าไม่เชื่อฟัง

อยู่มาวันหนึ่งเกรดี้บอกให้ดอนน่าพาเขานั่งรถเข็นไปที่โรงรับจำนำ เกรดี้ซื้อปืนพกสั้นขนาด .32 ต่อหน้าลูกสาว เพื่อบอกเป็นนัยว่าหากดอนน่ายังดื้อดึงไม่เชื่อฟังเขาจะใช้มันกับแจ๊ค ดอนน่าตกใจกลัวหนีไปอยู่บ้านพี่สาวของแจ๊คที่อยู่ห่างจากบ้านเกรดี้ไปไม่ไกล

จอมวางแผน

6 วันต่อมาดอนน่าโทรศัพท์กลับมาที่บ้านบอกกับพ่อว่าเธอจะแต่งงานกับแจ๊ค เกรดี้รับสายด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ขู่ลูกสาวว่าหากไม่ยอมกลับบ้านภายใน 5 นาที เขาจะตามไปกระทืบให้ถึงที่ หลังจากนั้นจะกลับมาฆ่าแจ๊คให้ตาย

ดอนน่าขู่กลับว่าถ้าเกรดี้ไม่ยอมให้เธอเข้าพิธีวิวาห์ถูกต้องตามประเพณี เธอจะหนีตามแจ๊คให้รู้แล้วรู้รอด ได้ยินดังนั้นเกรดี้ถึงกับเสียงอ่อยลงและยินยอมให้ดอนน่าแต่งงานกับแจ๊คตามที่เธอต้องการ พิธีวิวาห์ถูกกำหนดให้มีขึ้นในวันที่ 28 กันยายน

วันที่ 27 กันยายน ดอนน่ากับแม่เลี้ยงและแจ๊คชวนกันไปเลือกชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ห้างสรรพสินค้า หลังจากกลับมาถึงบ้านก็พบเกรดี้นั่งอยู่บนเก้าอี้รับแขก ดอนน่าและแม่เลี้ยงจึงออกจากห้องไปช่วยกันหารถเข็นมาให้ เกรดี้เรียกให้แจ๊คเข้าไปหา เขาล้วงมือไปหยิบปืนพกที่ซ่อนอยู่ใต้เบาะนั่งแล้วลั่นกระสุนใส่ที่หน้าอกแจ๊ค

แจ๊คหันหลังวิ่งหนีก่อนจะถูกเกรดี้ลั่นกระสุนใส่ที่กลางหลังอีกหนึ่งนัด เขาทรุดลงขณะที่ดอนน่าตรงเข้าไปประคองร่าง แจ๊คสิ้นใจในอีก 30 นาทีต่อมา ตำรวจรวบตัวเกรดี้ในข้อหาฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองเอาไว้ก่อน ส่วนดอนน่าหนีไปอยู่กับแม่ที่เมืองพิตต์สเบิร์ก

รอดเพราะพิการ

การสืบพยานดำเนินไปอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่วัน เกรดี้สารภาพอย่างไม่สะทกสะท้าน โดยอ้างว่ากระทำไปเพราะต้องการปกป้องลูกสาวจากการถูกล่อลวงให้เข้าพิธีวิวาห์ก่อนถึงวัยอันควร แม้ว่าเกรดี้จะถูกตัดสินว่ามีความผิด แต่ศาลไม่รู้ว่าจะลงโทษเขาอย่างไร เพราะเรือนจำไม่มีอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือสำหรับคนทุพพลภาพ อีกทั้งเกรดี้เป็นโรคตับวายจากการดื่มสุราอย่างหนักและโรคถุงลมโป่งพองจากการสูบบุหรี่จัด

สุดท้ายแล้วศาลตัดสินลงโทษด้วยการจำกัดเขตให้อยู่แต่ภายในบ้านเป็นเวลา 15 ปี เกรดี้กลับเนื้อกลับตัวคว่ำแก้วเลิกดื่มสุรา แต่ก็สายเกินไป เพราะภรรยาใหม่ขอแยกทางเดิน อาจเป็นเพราะความไม่สบายใจที่ต้องอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับฆาตกรเลือดเย็น

ปี 1989 มีมหกรรมละครสัตว์ในเมืองเทมปา รัฐฟลอริดา มาเรียและสามีใหม่ชายร่างเล็กที่สุดในโลกก็เดินทางมาเปิดการแสดงเช่นกัน ทำให้มาเรียและเกรดี้ได้พบกันอีกครั้ง ทั้งคู่ประสานความสัมพันธ์จนกระทั่งมาเรียยินยอมจะกลับมาคืนดีกับเกรดี้ อาจเป็นเพราะเธอเห็นว่าเกรดี้เลิกดื่มสุราอย่างเด็ดขาดแล้ว

หลังจากได้ภรรยาคนเก่ามาครอบครอง เกรดี้ก็กลับไปดื่มสุราอีกและคราวนี้หนักยิ่งกว่าเดิม เขาตบตีภรรยาและลูกๆเหมือนที่เคยทำก่อนหน้านี้ อีกทั้งคราวนี้ยังขู่ฆ่าให้ตายหากใครทำอะไรขวางหูขวางตา เพราะเขาจะไม่มีวันติดคุก เคธีลูกสาวพิการที่กำลังท้อง 7 เดือน เข้าไปขวางไม่ให้เกรดี้ทำร้ายแม่ ทำให้เธอถูกลูกหลงจนตกเลือด ต้องทำการผ่าตัดช่วยเหลือลูกในท้องอย่างเร่งด่วน

ตัดไฟแต่ต้นลม

ฟางเส้นสุดท้ายถูกวางลงอีกครั้ง คืนหนึ่งขณะที่มาเรียกำลังนอนหลับ พลันก็ต้องตกใจตื่นลืมตาพบว่าเกรดี้กำลังนั่งคร่อมร่างโดยมีมีดในมือทำท่าปาดคอเธอก่อนจะคลานต้วมเตี้ยมจากไป ทิ้งไว้เพียงกลิ่นสุราเหม็นคลุ้งโชยทั่วห้อง มาเรียตัดสินใจว่าต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่ภัยร้ายจะมาถึงตัวเธอและลูกๆ

มาเรียปรึกษากับแฮรี่ นิวแมน ลูกชายที่เกิดกับสามีคนแรก และเป็นหนึ่งในนักแสดงละครสัตว์ฉายามนุษย์หัวทื่อ ที่ได้ฉายานี้ไม่ใช่เพราะเขามีไอคิวต่ำแค่ 79 แต่เป็นการเล่นคำจากการแสดงใช้ศีรษะตอกตะปู

แฮรี่ว่าจ้างคริส ไวแอนต์ เพื่อนบ้านวัย 17 ปี ให้ทำการสังหารเกรดี้ด้วยเงิน 1,500 ดอลลาร์ เวลา 23.00 น. คืนวันที่ 29 พฤศจิกายน 1992 คริสแอบเข้าไปในรถบ้านสำหรับการออกทัวร์ของเกรดี้ขณะที่เขากำลังนั่งดูโทรทัศน์ในชุดนุ่งกางเกงในตัวเดียว คริสลั่นกระสุนขนาด .32 ใส่หลังศีรษะเกรดี้ในระยะเผาขน เขาเสียชีวิตโดยทันที

ในเวลาต่อมาตำรวจรวบตัวผู้สมรู้ร่วมคิดได้ทั้งหมด คริสถูกตัดสินจำคุก 27 ปีในข้อหาเป็นผู้ลั่นกระสุนสังหาร มาเรียถูกตัดสินจำคุก 12 ปีในข้อหาสมรู้ร่วมคิด ส่วนแฮรี่ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตในข้อหาผู้บงการ มาเรียให้สัมภาษณ์ทิ้งท้ายก่อนถูกนำตัวไปเรือนจำว่า “ฉันเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่อย่างน้อยครอบครัวฉันก็ปลอดภัยแล้ว”

1

1.เกรดี้ แฟรงกลิน สไตลส์ จูเนียร์

2

2.เกรดี้ จูเนียร์ และเกรดี้ ที่สาม

3

3.เคธี, เกรดี้ จูเนียร์ และเกรดี้ ที่สาม

4

4.ตำรวจควบคุมตัวเกรดี้

5

5.เกรดี้ ที่สาม, มาเรีย และเคธี

6

6.มาเรีย เทเรซา

7

7.เกรดี้ ที่สาม, เกรดี้ จูเนียร์ และเคธี

8

8.แฮรี่ นิวแมน

9

9.คริส ไวแอนต์

 


You must be logged in to post a comment Login