“เพื่อไทย” มอบของปีใหม่ ชูกีฬาสร้างความปรองดอง

On January 1, 2019

          พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ ที่ปรึกษาประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้รับมอบหมายจากพรรคฯให้เสนอนโยบายเรื่องการท่องเที่ยวและกีฬาของพรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้ตัวองมีแนวความคิดในเรื่องของกีฬาที่อยากให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบดังนี้ คือ เนื่องจากปัจจุบันปัญหาใหญ่ของประเทศชาติ ที่ทำให้เราขาดความเจริญก้าวหน้าในทุกมิตินั้น ก็คือการแตกแยกความสามัคคี การขาดความรักใคร่ปรองดองในหมู่คนไทยด้วยการ รวมไปถึงการมีแนวความคิดทางการเมืองที่แตกแยกกันออกไป ซึ่งนำมาแสดงออกโดยการขาดสติและมีวินัยที่ดี

          อีกทั้งไม่ค่อยมีพรรคการเมืองใดที่จะหาแนวทางแก้ไขให้เป็นรูปธรรม ดังนั้นทางพรรคเพื่อไทยจะนำเอากีฬามาแก้ไขปัญหา หรือ ลดปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติ โดยยึดหลักกีฬาสร้างคน กีฬาสร้างความสามัคคี และ กีฬาสร้างประเทศ ทั้งนี้ได้ศึกษาและยึดหลักการที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้วของ “นายเนลสัน แมนเดลา” ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ที่ใช้กีฬา “รักบี้” เป็นสื่อกลางในการแก้ไขปัญหาความแตกแยกสีผิวระหว่างคนในชาติ

          ล่าสุดทางพรรคเพื่อไทยได้กำหนดนโยบาย 6 ยุทธศาตร์หลักที่สำคัญดังนี้ คือ 1.กีฬาเพื่อสังคม ส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนทุกภาคส่วนปลูกฝังวินัย เพื่อพัฒนาไปถึงความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนจะต้องรู้จักคำว่า แพ้-ชนะ และให้อภัย ถือว่า เป็นพื้นฐานอันสำคัญที่จะทำให้เยาวชนเหล่านี้เติบใหญ่มีความสมัครสมานและสามัคคีกัน รวมไปถึงการให้เกียรติเคารพสิทธิ์ซึ่งกันและกัน เพื่อไม่สร้างความแตกแยก พร้อมมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันนำไปสู่ความปรองดองในอนาคตได้ทุกๆเรื่องเช่น การเมือง, เศรษฐกิจ และ สังคม

         นอกจากนี้ทางพรรคฯยังส่งเสริมให้ประชาชนโดยทั่วไปออกกำลังกาย และมีความตื่นตัวในเรื่องกีฬามากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะการเป็นกองเชียร์ของเหล่าบรรดานักกีฬาทีมชาติทุกประเภท ปลูกฝังให้เยาวชนและนักกีฬาทีมชาติมีวินัยผ่านการเล่นกีฬา เช่น วินัยในการฝึกซ้อม, วินัยในการเล่นกีฬา และ วินัยที่จะมีความมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายความสำเร็จที่ชัดเจน

         2. รีเมมเบอร์ เดอะ ฮีโร่ การยกย่องเชิดชูเกียรติวีรบุรุษนักกีฬา หรือ “ฮีโร่” ที่เคยสร้างชื่อเสียงและผลงานในอดีตให้กับประเทศชาติจนทั่วโลกให้การยอมรับ ปัจจุบันนักกีฬาเหล่านี้ถูกทอดทิ้ง ต้องช่วยเหลือตัวเองตามยถากรรม เราจะให้ความช่วยเหลือและเปิดโอกาสให้กับบุคคลเหล่านี้ ได้นำความรู้และประสบการณ์ต่างๆที่ผ่านมา กลับมาถ่ายทอดให้กับเด็กและเยาวชนรุ่นหลังได้สืบทอดต่อไป หรือ สร้างเป็น “ไอดอล”

          อีกทั้งทางพรรคฯจะจัดสรรหาสวัสดิการต่างๆ หรือ ภาษี (ซินแท็ค) จาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการส่งเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้กับอดีตอีโร่เหล่านี้ได้พึ่งพาตัวเอง โดยใช้ความรู้ความสามารถถ่ายทอดให้กับเยาวชนทางสื่ออินเทอร์เน็ต เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นในแต่ละประเภทกีฬา และที่สำคัญที่สุดจะจัดสร้างหอเกียรติยศ หรือ “ฮอล์ออฟเฟรม เพื่อเป็นเกียรติประวัติให้กับฮีโร่เหล่านี้ และเป็นไอดอลของเยาวชน รวมไปถึงการจัดตั้งชมรม หรือ สมาคมอดีตนักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงเกียรติยศให้กับประเทศ ได้มีโอกาสพบปะพูดคุย และเป็นที่ทำงานตามนโยบายที่ได้กล่าวมาข้างต้น

          3.ผู้พิการ สนับสนุนให้ผู้พิการเข้าถึงการออกกำลังกายอย่างเท่าเทียมกันและทั่วถึงเหมือนประชาชนทั่วไป ตลอดจนการจัดการแข่งขันกีฬาคนพิการอย่างเป็นรูปธรรม ให้มีการแข่งขันภายในประเทศมากยิ่งขึ้น เพื่อปูทางไปสู่การแข่งขัน เอเชี่ยนพาราเกมส์ และ พาราลิมปิกเกมส์ เพื่อต้องการให้กลุ่มคนเหล่านี้ได้รับรู้ว่า พวกเขาไม่ได้ถูกทอดทิ้งจากสังคมและคนกีฬาด้วยกันเอง รวมไปถึงการได้สิทธิ์ขั้นพื้นฐานต่างๆในการเข้าชมและเชียร์กีฬาสำคัญต่างๆ ซึ่งจะมีสิทธิ์ที่นั่ง วีไอพี เฉพาะให้กับกลุ่มคนพิการได้มีส่วนร่วมในการเข้าชมกีฬามหกรรมนานาชาติ

          4. บริหารจัดการงบประมาณ การนำเอาโครงการ 1 รัฐวิสาหกิจ 1 สมาคมกีฬา ที่เคยประสบความสำเร็จในอดีตกลับมาปัดฝุ่นอีกครั้ง เพื่อสนับสนุนสมาคมกีฬาต่างๆให้มีการพัฒนาไปสู่สากลระดับโลกมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการสร้างนักกีฬาสายเลือดใหม่ขึ้นมาทดแทนรุ่นพี่

          5. กีฬาเพื่อความเป็นเลิศ ส่งเสริมวงการกีฬาอาชีพ อาทิ มวยไทย, มวยสากล, ฟุตบอล, กอล์ฟ ฯลฯ ที่เรามีนักกีฬาไทยสร้างผลงานดีตั้งแต่เยาวชนไปจนถึงประชาชนทั่วไปในระดับเอเชียและระดับโลก ได้มีศักยภาพเทียบเท่านักกีฬาชั้นนำ ในการสร้างผลงานและชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ ได้มีค่าตอบแทนและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง

          และ 6. เวิลด์คลาส สปอร์ต อีเว้นส์ ทางพรรคฯจะวางกลยุทธ์ยกระดับ “สปอร์ต อีเว้นส์” ให้เป็นที่ยอมรับของผู้คนทั่วโลก ในการรับเป็นเจ้าภาพกีฬาใหญ่ที่ผู้คนให้ความสนใจ อาทิ วิ่งมาราธอน, มวยไทย, ไตรกีฬา, ฟุตบอล, วอลเลย์บอล และ รักบี้ เพื่อเชื่อมโยงในเรื่องของการท่องเที่ยวในฐานะไทยเป็น “ฮับ” หรือ ศูนย์กลางในเรื่องของการจัดการแข่งขันกีฬา และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศอีกทางหนึ่ง นอกเหนือจากรายได้หลักของการท่องเที่ยวที่มีอยู่แล้ว

          พ.ต.ท.กุลธน ได้กล่าวอีกว่า ทั้งหมดนี้เป็นนโยบายและแนวความคิดของตัวเอง ซึ่งจะนำเสนอให้กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยได้พิจารณา เพื่อกำหนดออกมาเป็นนโยบายของพรรคฯต่อไป รวมไปถึงแนวทางนโยบายของการท่องเที่ยว ซึ่งก่อนหน้านี้ตัวเองได้นำเสนอทางพรรคฯเป็นที่เรียบร้อยแล้ว