บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับปัจจัยหนุนในช่วงสั้นเช่นเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ จากปัจจัยบวก Fedได้เปิดเผยมุมมองต่อการดำเนินนโยบายการเงินที่มีลักษณะ Dovish มากขึ้น โดยจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับแผนลดขนาดงบดุลให้ยืดหยุ่นมากขึ้น หลังเห็นการชะลอตัวของเศรษฐกิจของสหรัฐฯ บวกกับราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวเล็กน้อย จากความคาดหวังต่อกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC ที่จะลดลงตามข้อตกลง แต่ภาพระยะกลาง-ยาว คาดว่าตลาดมีโอกาสผันผวนสูง
ส่วนปัยจัยกดดันที่มีผลต่อการลงทุนในช่วงนี้ มาจากภาวะการชะลอตัวของภาคการผลิตในสหรัฐฯ-จีนที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าจะยังคงถูกสะท้อนออกมาซึ่งสะท้อนออกมาผ่านตัวเลขเศรษฐกิจ หลายตัวที่แย่กว่าที่ตลาดคาด ซึ่งแม้ในวันที่ 7 มกราคม จะมีการประชุมร่วมกันในระดับ Mid Level แต่คาดยังไม่เห็นพัฒนาการเชิงบวกมากนัก และภาวะปิดหน่วยงานสหรัฐฯ ที่เริ่มกินเวลามากขึ้นเรื่อยๆ จะเริ่มส่งผลต่อการบริโภคในประเทศ ซึ่งล่าสุดนายโดนัลด์ ทรัมป์ และวุฒิสภาฯ ยังไม่สามารถได้ข้อสรุปร่วมกันต่อประเด็นงบสร้างกำแพงชายแดนเม็กซิโกได้ ทำให้คาดปัญหาดังกล่าวมีโอกาสยืดเยื้อออกไปอีกระยะหนึ่ง
นอกจานี้ยังมีความเสี่ยงจาก No-Deal BREXIT สูงขึ้น หลังความขัดแย้งภายในรัฐบาลอังกฤษยังเป็นปัจจัยที่ทำให้ฝ่ายค้าน ไม่ยอมสนับสนุนร่าง BREXIT ซึ่งหากการประชุมในวันที่ 14 มกราคม ยังไม่เห็นความคืบหน้ามากขึ้น จะทำให้ตลาดกลับมากังวลว่าอังกฤษอาจต้องออกจาก EU แบบไร้ข้อตกลง ซึ่งจะสร้างผลกระทบให้กับเศรษฐกิจอังกฤษ และ EU
ดังนั้นจึงคงมุมมองระมัดระวังต่อปัจจัยจากต่างประเทศ และคาดว่าในช่วงสั้นกระแส Fund Flow จะยังไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยมากกว่าสินทรัพย์เสี่ยง เพื่อรอความชัดเจนของปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว โดยคาดว่า SET Index Sideway ในกรอบแนวรับ-แนวต้านที่ 1,551-1,597 จุด (Fwd PE Valuation ปีนี้ 13.4 เท่าถึง 13.6 เท่า ) โดยอิงจากปัจจัยลบทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งมีทั้งตัวเลขเศรษฐกิจทั้งในไทย และต่างประเทศ อาทิ จีน ยุโรป สหรัฐฯ ที่ยังคงชะลอตัว บวกกับปัญหา Government Shutdown ของสหรัฐฯ และประเด็น Trade Wars ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่ยังไม่คลี่คลาย ดังนั้นในช่วงนี้ยังคงแนะนำทยอยสะสม 3 กลุ่มหุ้น Domestic Play + โดยเฉพาะกลุ่มที่คาดว่ากองทุนให้ความสนใจ และมีการจ่ายเงินปันผลจากความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดได้สม่ำเสมอ ดังนี้ กลุ่มสื่อ PLANB, VGI และ MACO 2. กลุ่มค้าปลีก ROBINS และ CPN 3. กลุ่มนิคม AMATA และ WHA
You must be logged in to post a comment Login