วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

แถลงวิ่งจอมบึงมาราธอน ปีที่ 34

On January 8, 2019

 

 

นักวิ่งแห่สมัครล้นทะลักกว่า 2 หมื่นคนต้องใช้ระบบล็อตโต้คัดเพียง 15,000 คนผุ้ได้ร่วมสร้างประวัติศาสตร์ สสส.จอมบึงมาราธอน 2019 ปีที่ 34  ภายใต้แนวคิด “มาราธอนแห่งการเรียนรู้ New Chapter of the Legend” บทใหม่ของมาราธอนในตำนาน สู่การจัดตั้งศูนย์มาราธอนศึกษาแห่งประเทศไทย เตรียมเปิดฉากชิงชัยจอมบึงมาราธอน สไตล์ชาวบ้าน มาตรฐานสากล วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคมนี้ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง อ.จอมบึง จ. ราชบุรี

 

วันที่ 8 มกราคม 2562 ณ ห้องประชุมห้องเวลาดี 4 โรงแรม ณ เวลา        อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี นายวีรัส ประเศรษโฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรีเป็นประธานการแถลงข่าวการจัดงานโครงการ สสส.จอมบึงมาราธอน 2019     ปีที่ 34   โดย ผศ.ดร.ชัยฤทธิ์ ศิลาเดช รักษาราชการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง พล.ต.ต.อนุภาพ ศรีนวล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี  อาจารย์ณรงค์ เทียมเมฆ ผู้ทรงคุณวุฒิ         แผนส่งเสริมกิจกรรมทางกาย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส.พร้อมหน่วยงานภาคีเครือข่ายร่วมแถลงข่าว                    โดยในปีนี้จังหวัดราชบุรี มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง มูลนิธิวิทยาลัยหมู่บ้านจอมบึง และภาคีเครือข่าย อันได้แก่ ชุมชนในท้องถิ่น    นักวิ่งอาสาสมัคร ร่วมกับ ผู้สนับสนุนหลัก อันได้แก่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด จะจัดการแข่งขันวิ่งประเพณีระดับตำนาน มาตรฐานสากล  “สสส. จอมบึงมาราธอน 2019 สนับสนุนโดยเมจิ ไฮโปรตีน ครั้งที่ 34” ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ภายใต้แนวคิด  “มาราธอนแห่งการเรียนรู้ เป็น New Chapter of the Legend” ในวันที่ 18-20 มกราคม 2562ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง อ.จอมบึง จ. ราชบุรี

 

นายวีรัส ประเศรษโฐ กล่าวว่าเป็นการรับรู้โดยทั่วไปว่างานวิ่งกำลังมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วทุกมุมโลก นอกจากจะเป็นเครื่องมือในการดูแลสุขภาพของคนแล้ว ยังเป็นเครื่องมือในการสร้างภาพลักษณ์ สร้างการรู้จัก และประชาสัมพันธ์เมืองหรือชุมชนให้เป็นที่รู้จักได้กว้างขวาง สำหรับงานวิ่ง สสส.จอมบึงมาราธอนถือเป็นงานวิ่งที่สร้างการรับรู้และเป็นงานวิ่งอันดับต้นๆของประเทศไทย กล่าวคือ การจัดงานวิ่งสามารถดึงผู้คนจากภายนอก อาทิ นักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขัน ผู้ชม สื่อมวลชน และภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ที่เป็นหน่วยงานสนับสนุน ให้เข้ามาภายในพื้นที่ ได้มาสัมผัสและเรียนรู้ชุมชน  การดึงดูดผู้คนจากต่างถิ่นให้เข้ามาในชุมชน ดังกล่าวจึงเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของเจ้าบ้านที่จัดการแข่งขันในรูปแบบที่เรียกว่า การท่องเที่ยวเชิงกีฬา  เสน่ห์ของกิจกรรมเชิงกีฬาด้วยการจัดงานวิ่งในฐานะผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยว คือ การผสมผสาน ความตื่นเต้นเร้าใจของเกมส์การแข่งขันกับบรรยากาศของสถานที่ (ประเทศ เมือง หรือชุมชน)  ที่เป็นแหล่งจัดกิจกรรม เป็นการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่นำเอาทรัพยากรในพื้นที่มาใช้ประโยชน์  ก่อให้เกิดรายได้โดยตรงจากการดึงนักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมการวิ่งให้เข้ามาในพื้นที่ ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคมที่จะนำไปสู่การพัฒนาท้องถิ่น อันเกิดจากการจำหน่ายสินค้า ผลผลิต ผลิตภัณฑ์แปรรูป หัตกรรมศิลปะประดิษฐ์ รายได้จากการให้บริการ ที่พัก อาหาร เครื่องดื่ม และการให้บริการต่าง ๆ อีกทั้งยังจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือของคนชุมชน ในการเป็นเจ้าบ้านที่ดี และในช่วงการจัดงาน สสส.จอมบึงมาราธอน จังหวัดราชบุรียังได้จัดงาน ณ ริมเขื่อนรัฐประชา แม่น้ำแม่กลองเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดราชบุรีก็สามารถเชื่อมโยงต่อยอดการท่องเที่ยวของจังหวัดราชบุรีอีกด้วย

 

จากบทบาทและความสำคัญของการจัดงานวิ่ง และการสอดรับกับแผนและนโยบายของประเทศ  ดังกล่าว จังหวัดราชบุรี มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง และเครือข่ายภาคีที่เกี่ยวข้องจึงได้พัฒนากิจกรรมการวิ่งจอมบึงมาราธอนให้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาสุขภาวะของคนไทยและคนในจังหวัดราชบุรี และเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาของจังหวัด โดยการสร้างภาพลักษณ์ สร้างการรู้จัก และประชาสัมพันธ์จังหวัดให้เป็นที่รู้จักได้กว้างขวางไปพร้อมกัน

 

ผศ.ดร. ชัยฤทธิ์ ศิลาเดช รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง กล่าวว่า “กิจกรรมวิ่งประเพณี สสส. จอมบึงมาราธอน งานประเพณีของชาวบ้านที่มีมาตรฐานสากล ได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 34   ท่ามกลางกระแสความนิยมของการออกกำลังกายด้วยการวิ่ง   แม้จะมีงานวิ่ง โดยเฉพาะงานวิ่งในระยะมาราธอนเกิดขึ้นในประเทศมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน  การตอบรับของนักวิ่งต่อจอมบึงมาราธอน สนามที่เก่าแก่แห่งนี้ ยังไม่คลายลง  โดยปีนี้มีนักวิ่งลงชื่อเข้าร่วมเพื่อผ่านการจับฉลากหรือล็อตโต้กว่า 27,000 ราย นับเป็นการรับสมัครแบบล็อตโต้เป็นปีที่ 3  และมีผู้เข้าร่วมประมาณ 15,000 คน เพื่อเตรียมร่วมสร้างปรากฏการณ์รวมพลน่องเหล็กมืออาชีพและนักวิ่งหน้าใหม่ ณ สนามจอมบึงมาราธอน โดยปีนี้ยังคงความเป็นไทยมาราธอนที่เต็มเปี่ยมด้วยประวัติศาสตร์ ได้แก่ความร่วมแรง ร่วมใจของ “บวร” คือชาวบ้าน วัด โรงเรียน ในการให้การต้อนรับ บริการน้ำดื่ม และช่วยเหลือดูแลอำนวยความสะดวก ที่สำคัญที่สุดคือ ความน่ารักที่ไม่ได้แต่งเติมของชาวจอมบึงที่จะร่วมส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจให้กับนักวิ่งทุกคน ตลอดเส้นทางการแข่งขัน ซึ่งจะทำให้นักวิ่งทุกคนมีความประทับใจอย่างแน่นอน ความพยายามในการเพิ่มความปลอดภัยระหว่างเส้นทางที่ยังคงเป็นจุดเน้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรอำเภอจอมบึง และจากส่วนต่างๆ ภายในจังหวัดราชบุรี ผู้สัญจร ในการปิดการจราจรและการอำนวยความสะดวกทางเลี่ยง การมีทีมแพทย์ พยาบาล ตลอดจนนักวิ่งอาสา ที่มีประสบการณ์มาพร้อมคอยบริการให้การดูแล รักษาพยาบาลตลอดระยะทางการแข่งขัน โดยโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชจอมบึง สาธารณสุขจังหวัดราชบุรี สาธารณสุขอำเภอจอมบึง และเครือข่ายโรงพยาบาลในจังหวัดราชบุรีทั้งภาครัฐและเอกชน เป็นแกนหลัก นักศึกษา ผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร ในมหาวิทยาลัย ตลอดจนภาคส่วนต่างๆ ของทั้งภาครัฐ และเอกชนในจังหวัดราชบุรี ที่มีหน้าที่ในการจัดการและให้การต้อนรับในมหาวิทยาลัย   พิเศษในปีนี้ และจะกลายเป็นแกนสำคัญของงานนี้ในอนาคตอันใกล้คือการจัดตั้งศูนย์มาราธอนศึกษา เพื่อให้เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลองค์ความรู้ ด้านมาราธอน ที่ทันสมัยและทันเหตุการณ์กับกระแสการเติบโตของการออกกำลังกาย เพื่อส่งเสริมสุขภาพของคนในประเทศที่สามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวกีฬา โดยที่ในปีนี้ จะมี Professor ที่สอนวิชามาราธอนจาก University of Tsukuba ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่จัดให้มีการแข่งขันมาราธอนเช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จะได้มาเป็นแขกรับเชิญให้มาร่วมวิ่ง และร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์การวิ่งมาราธอนที่ถูกต้องให้กับนักวิ่งอีกด้วย

ด้าน นายณรงค์ เทียมเมฆ  ผู้ทรงคุณวุฒิแผนส่งเสริมกิจกรรมทางกาย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส. กล่าวว่า  แนวคิดหลักของ สสส. จอมบึงมาราธอน 2018 สนับสนุนโดยเมจิ ไฮโปรตีน ครั้งที่ 34 คือ วิ่งสู่ชีวิตใหม่ เราเชื่อว่าการวิ่งเพื่อพัฒนาตนเอง ต้องสอดคล้องกับศักยภาพและความพร้อมของตน การวิ่งที่ดีจึงไม่จำเป็นต้องวิ่งได้เร็วหรือมากที่สุดแต่หากสามารถวิ่งได้เกินเป้าหมายหรือเกินศักยภาพเดิมของตนเอง จึงถือได้ว่าเป็นกำไรของชีวิต ที่สำคัญที่สุดคือยังเป็นการสะท้อนเสียงเรียกร้องจาก “หมู่บ้านจอมบึง” ไปสู่อีกกว่า 8 หมื่นหมู่บ้านทั่วประเทศ ให้เห็นคุณค่าของการวิ่งและการออกกาลังกายด้วยวิธีการต่างๆเพื่อให้พี่น้องชาวไทยมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอนำไปสู่การลดภาวะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง

………………………………….


You must be logged in to post a comment Login