- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 1 month ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 1 month ago
- โลกธรรมPosted 1 month ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 2 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 2 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 2 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 2 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 2 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 2 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 2 months ago
แกะรอยพ.ร.ฎ.เลือกตั้ง

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 9 ม.ค. 62)
พระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งที่ถูกใช้เป็นตัวต่อรองกำหนดวันเลือกตั้งในตอนนี้ หากย้อนไปดูเส้นทางการออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งตามที่มือกฎหมายรัฐบาลพูดไว้ต่างกรรมต่างวาระ ทำให้มองเห็นภาพชัดเจนว่าขณะนี้พระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งอยู่ในมือของรัฐบาล แต่ดึงเวลาประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้เอาไว้ เพื่อบีบ กกต. ให้กำหนดวันเลือกตั้งในช่วงเวลาที่ต้องการคือปลายเดือนมีนาคม ทั้งนี้ มีกรอบเวลาที่สามารถยื้อประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้นานสุดถึงวันที่ 10 มีนาคม ต้องรอดูว่ารัฐบาลจะยื้อไว้นานเท่าไร ยื้อจนสุดกรอบเวลาที่มีเลยหรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งยื้อนานแรงเสียดทานจากกระแสเรียกร้องเลือกตั้งก็จะดังมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
กุญแจดอกสำคัญที่จะเปิดประตูสู่การเลือกตั้งตอนนี้คือพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เลือกตั้ง ที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่มีใครอยากให้รายละเอียดกับประชาชนว่าขั้นตอนการออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งซึ่งเป็นอำนาจของรัฐบาลนั้นอยู่ในขั้นตอนไหน อย่างไร
อย่างไรก็ตาม หากไปค้นดูข่าวเก่า เว็บไซต์ไทยโพสต์ https://www.thaipost.net/main/detail/24289 เคยลงคำให้สัมภาษณ์ของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี มือกฎหมายของรัฐบาล เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2561 ซึ่งการให้สัมภาษณ์ในวันนั้นนายวิษณุเปิดเผยว่า
“คาดว่ามีการนำร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว”
ย้อนไปก่อนหน้านั้นในวันที่ 13 ธันวาคม 2561 เว็บไซต์ https://www.ryt9.com/s/iq02/2928078 ลงบทสัมภาษณ์นายวิษณุระบุว่า
“ขณะนี้รัฐบาลพิจารณาร่างที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ส่งมาให้รัฐบาลแล้ว และกำลังรอจังหวะเวลาเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะประกาศออกมาเมื่อไร ตามกรอบเวลาต้องออกพระราชกฤษฎีกาไม่ช้ากว่า 90 วัน นับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มีผลใช้บังคับ และเมื่อมีการประกาศพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งแล้ว จากนั้นภายใน 5 วัน กกต. จะกำหนดข้อบังคับ ระเบียบต่างๆ ทั้งวันเลือกตั้ง วันรับสมัคร และสถานที่รับสมัคร ทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ”
ดังนั้น เมื่อพิจารณาเส้นทางการออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งตามที่นายวิษณุให้สัมภาษณ์ไว้ ได้มีการนำร่างพระราชกฤษฎีกาขึ้นทูลเกล้าฯไปแล้ว
ขณะเดียวกันการให้สัมภาษณ์ล่าสุดของรองนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา มีบางช่วงบางตอนพูดถึงพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งตามที่เว็บไซต์สำนักข่าวไทย https://www.tnamcot.com/view/TexeDVBBx เผยแพร่เอาไว้ความว่า
“ส่วนพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศใช้ และไม่ทราบว่าลงมาหรือยัง ในส่วนของพระราชบัญญัติเคยมีบางฉบับที่ต้องถูกเก็บไว้ก่อน ยังไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาทันที เป็นสิทธิที่ทำได้โดยไม่ผิดกฎหมายและธรรมเนียมประเพณี”
ตีความจากคำพูดของนายวิษณุได้ 2 อย่างคือ
หนึ่ง ยังไม่รู้ว่าโปรดเกล้าฯร่างพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งกลับลงมาหรือยัง
สอง แม้จะมีการโปรดเกล้าฯลงมาแล้ว แต่รัฐบาลสามารถดึงเวลาที่จะประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้พระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ได้โดยไม่มีอะไรผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนไปดูคำให้สัมภาษณ์ของนายวิษณุก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งต้องออกมาภายใน 90 วัน หลังจากที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งประกาศใช้ครบทั้ง 4 ฉบับ ในที่นี้คือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีผลบังคับใช้เป็นฉบับสุดท้ายเมื่อวันที่ 10 ธันวาคมปีที่ผ่านมา
เท่ากับว่ารัฐบาลสามารถดึงการประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งในราชกิจจานุเบกษาได้เต็มที่ถึงวันที่ 10 มีนาคม
ถ้าดึงยาวไปจนสุดป้ายก็เป็นไปตามความต้องการที่อยากให้การเลือกตั้งอยู่ในช่วงปลายเดือนมีนาคม
แต่ปัญหาคือ กกต. จะมีเวลาสำหรับจัดเลือกตั้งกระชั้นชิดมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากตีความว่ากรอบเวลาจัดเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 150 วันหมายถึงการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งให้เปิดประชุมสภาได้ด้วย
ถ้าประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งวันที่ 10 มีนาคม จัดเลือกตั้งปลายเดือนมีนาคมหรือต้นเดือนเมษายน เท่ากับพรรคการเมืองจะมีเวลาหาเสียงเพียงประมาณ 20 กว่าวัน
นี่คือเส้นทางพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งที่รัฐบาลใช้ต่อรองในตอนนี้ ต้องดูว่าจะกล้าดึงไว้จนถึงเส้นตายวันสุดท้ายที่ต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 10 มีนาคมเลยหรือไม่
ถ้ากล้าดึงยาวขนาดนั้นก็ต้องมั่นใจว่าจะทนแรงเสียดทานต่อกระแสเรียกร้องการเลือกตั้งที่จะดังมากขึ้นเรื่อยๆได้
ยื้อแล้วได้อะไร เสียอะไร คงต้องชั่งน้ำหนักให้ดีว่าคุ้มค่าหรือไม่ เพราะหากไม่แก้รัฐธรรมนูญอย่างไรก็ต้องมีเลือกตั้งไม่เกินวันที่ 9 พฤษภาคมแน่นอน
You must be logged in to post a comment Login