- ส.ว.ต้องสร้างผลงานเชิดชูองค์กรPosted 1 day ago
- รอความจริงเปิดเผยPosted 4 days ago
- ไม่ประมาท โอกาสรอดมีเยอะPosted 5 days ago
- ล้างบางพระทาสยานรกPosted 6 days ago
- ยิ่งดิ้น ยิ่งจมPosted 7 days ago
- ไม่มีอะไรแน่นอนPosted 1 week ago
- ต้องเรียนวิชาป้องกันตัวเองPosted 2 weeks ago
- ยิ่งเรียน ยิ่งโง่ ยิ่งโต ยิ่งเซ่อPosted 2 weeks ago
- สื่อต้องเสนอข่าวสร้างสรรค์Posted 2 weeks ago
- ลูกผู้ชายตัวจริงPosted 2 weeks ago
ไวรัสตับอักเสบ C…รักษาได้ โอกาสหายสูง
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2019/01/124-300x200.jpg)
คอลัมน์ : โลกสุขภาพ
(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 11-18 มกราคม 2562)
“โรค” กับ “โลก” เป็นของคู่กันมาช้านาน แม้เราจะไม่ต้องการแต่ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะ “มะเร็งตับ” ที่เป็นโรคมะเร็งที่พบมากที่สุดในเพศชาย และอันดับ 3 ในเพศหญิง แต่ละปีมีผู้ป่วยมะเร็งตับรายใหม่ประมาณ 20,000 ราย อัตราการเสียชีวิตประมาณ 15,000 รายต่อปี สาเหตุส่วนใหญ่มาจากไวรัสตับอักเสบ B และ C ทีมแพทย์โรงพยาบาลในเครือบริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับไวรัสตับอักเสบ B และ C ที่เป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งตับกัน
ไวรัสตับอักเสบ B และ C ติดต่อโดยทางเลือด น้ำเหลือง สารคัดหลั่ง เพศสัมพันธ์ การสักเจาะร่างกาย ใช้เข็มฉีดยาหรือของมีคมหรือของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้ติดเชื้อ หรือติดต่อจากแม่สู่ลูก
ปัจจุบันพบคนไทยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบ C จนถึงขั้นไวรัสตับอักเสบ C เรื้อรัง เพิ่มมากขึ้น และยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรค ผู้ติดเชื้อประมาณ 15-25% สามารถหายได้เอง แต่ส่วนใหญ่ 75-85% จะไม่หายและกลายเป็นไวรัสตับอักเสบ C เรื้อรัง หรือพาหะของโรค ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ C มีส่วนน้อยที่เกิดอาการตับอักเสบเฉียบพลัน ส่วนใหญ่ภายใน 10 ปีแรกจะไม่มีอาการ แต่มีการดำเนินของโรคไปอย่างช้าๆโดยไม่รู้ตัว ไม่ได้ตรวจเลือด ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาก็จะกลายเป็นโรคตับแข็ง มะเร็งตับ และเสียชีวิตในที่สุด
เราจะทราบได้อย่างไรว่าเป็นไวรัสตับอักเสบ C
ผู้ที่ได้รับเชื้อจะทราบได้โดยการตรวจเลือด เช่น 1.ตรวจการทำงานของตับ พบระดับ AST (SGOT) และ ALT (SGPT) ผิดปรกติ และ 2.ตรวจหาภูมิต่อต้านไวรัสตับอักเสบ C (Anti-HCV) ในรายที่ผลเป็นบวกควรยืนยันด้วยการตรวจหา HCV RNA อย่างไรก็ตาม ไวรัสตับอักเสบ C รักษาได้ มีโอกาสหายสูง โดยโอกาสรักษาให้หายได้ด้วยยา ซึ่งปัจจุบันมียาใหม่ๆที่ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัสตับอักเสบ C โดยตรง ให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูง และใช้เวลาในการรักษาสั้นกว่าเดิม แต่ถึงกระนั้นการรักษาจะให้ผลแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและสายพันธุ์ของไวรัสตับอักเสบ C ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ แพทย์จะประเมินผลการรักษาเป็นระยะ เพื่อปรับแผนการรักษาให้เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย
ดังนั้น เราจึงไม่ควรประมาท วิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งคือ การหมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อโอกาสในการเจอความผิดปรกติและหาทางรักษาแต่เนิ่นๆนั่นเอง
You must be logged in to post a comment Login