วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

“เรืองไกร”ร้องกกต.สอบนายกฯเปิดโซเชียลมีเดียเข้าข่ายเป็นเจ้าของสื่อ

On January 14, 2019

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผ่านนายสมเกียรติ คงดี ผู้อำนวยการสำนักกิจการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอให้ตรวจสอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่เปิดเฟซบุ๊ค อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ และเว็บไซต์ส่วนตัว สื่อสารกับสาธารณะว่า เข้าข่ายเป็นเจ้าของสื่อมวลชนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ทำให้ขาดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีตามมาตรา 160 (6) ประกอบมาตรา 170 (4) หรือไม่

นายเรืองไกรกล่าวว่า หลังจากนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เข้ามาทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแทน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด นายกรัฐมนตรีได้เปิดเฟซบุ๊ค อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ และเว็บไซต์ส่วนตัว โดยมียอดผู้ติดตามจำนวนมาก ซึ่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 กำหนดลักษณะต้องห้ามผู้ที่จะเป็นรัฐมนตรีว่าต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) คือต้องไม่เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ ขณะที่ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชนมาตรา 3 และร่าง พ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน ที่สภาวิชาชีพสื่อมวลชนเป็นผู้เสนอรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ กำหนดความหมายของ “สื่อมวลชน” ครอบคลุมถึงสื่อดิจิทัล สื่อออนไลน์

“นายกรัฐมนตรีจะต้องทราบว่าที่ท่านเปิดเฟซบุ๊ค เว็บไซต์ เข้าความหมายของสื่อมวลชนตามกฎหมาย 2 ฉบับดังกล่าว และต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญปี 60 ไม่เพียงห้ามเฉพาะรัฐมนตรีเป็นเจ้าของสื่อเท่านั้น แต่ห้ามผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระหรือแม้แต่ผู้ที่จะลงสมัครเป็น ส.ส. ด้วย ขนาดผมจะลงสมัคร ส.ส. ในเร็วๆนี้ อ่านกฎหมายเข้าใจแล้วยังต้องปิดเฟซบุ๊คส่วนตัวไป การที่ท่านเปิดเฟซบุ๊ค อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ เว็บไซต์ ทำให้ท่านขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีเฉพาะตัว เพราะมันอยู่ในความหมายสื่อมวลชนที่ท่านก็ทราบดีมาตลอด ไม่รู้ว่าจะเปิดทำไม ผมไม่ได้คิดเอง เมื่อเจอกรณีนี้ก็ได้ย้อนกลับไปเทียบกับคดีนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายรัฐมนตรี ที่กฎหมายก็เขียนห้ามไม่ให้เป็นลูกจ้างบุคคลใดๆ กรณีนี้กฎหมายเขียนว่าไม่ให้เป็นเจ้าของสื่อมวลชนใดๆ มันค่อนข้างเชื่อได้ว่าวันนี้นายกฯเข้าข่ายผิดแล้ว และมีน้ำหนักยิ่งกว่า 4 รัฐมนตรีที่โดนไปแล้วด้วย ซึ่งนายกฯจะพิจารณาตัวเองอย่างไรเป็นสิทธิของท่าน แต่ผมต้องการเตือนท่านว่าถ้าท่านไปรับการเป็นผู้เสนอชื่อของพรรคการเมืองใด ท่านก็จะติดคุณสมบัติข้อนี้ด้วย”

นายเรืองไกรกล่าวว่า อยากให้ กกต. เร่งพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว หรือถ้าส่งศาลรัฐธรรมนูญแล้วศาลวินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติจะไม่ได้มีผลเฉพาะความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวเท่านั้น แต่ยังจะทำให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พ้นทั้งคณะไปด้วย


You must be logged in to post a comment Login