- ลองเป่าเศรษฐกิจให้โป่งทีPosted 2 days ago
- วัดสวนแก้วจัดงานต้อนรับปีใหม่Posted 3 days ago
- ขอให้คนไทยมีสติPosted 3 days ago
- ธรรมะใช้ได้ทุกวงการPosted 4 days ago
- ช่วยขจัดเหตุความชั่วร้ายPosted 6 days ago
- ใครเป็นนายกฯตัวจริงPosted 1 week ago
- ชอบผู้นำสไตล์ไหนPosted 1 week ago
- เมื่อความเจ็บป่วยมาเยือนPosted 2 weeks ago
- ไต่บันไดทีละขั้นดีกว่าPosted 2 weeks ago
- เกิดเป็นคนต้องสู้Posted 2 weeks ago
ดวงตาเห็นธรรม
คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 15 ม.ค. 62)
ช่วงนี้เศรษฐกิจย่ำแย่ เด็กก็เกิดน้อย โรงเรียนเอกชนยุบไปหลายแห่ง โดยเฉพาะโรงเรียนกวดวิชาหรือโรงเรียนสอนพิเศษ อาตมารู้สึกว่าการสอนพิเศษนี่ เด็กยุคนี้เรียนแล้วได้ความรู้พิเศษมากขึ้น ฉลาดมากขึ้น ครูก็ได้พิเศษคือครูมีรายได้มากขึ้น ซึ่งเด็กสามารถมีความรู้พิเศษได้จากการประกอบอาชีพที่ดีงาม ความประพฤติดีงาม
เรื่องไปติวหรือเรียนพิเศษนี่มันอาจเป็นเศษขยะหรือเศษรายได้ หากไม่ตระหนักถึงการให้ความรู้จริงๆก็จะกลายเป็นการหาเศษหาเลยอะไรหรือเปล่า ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์กันพอสมควร แต่ที่น่าห่วงคือ เรื่องความอยู่รอดของโรงเรียนและมหาวิทยาลัยเอกชนที่รายได้ลดลง ส่วนหนึ่งเพราะเด็กเกิดน้อย
เรามาดูการศึกษาที่ก่อนหน้านี้บูมกันเหลือเกิน ใครจะนึกว่าอยู่ๆวิชาเศรษฐศาสตร์ที่เรียนเกี่ยวกับเศรษฐกิจจะถูกยกเลิกไปหลายแห่ง เศรษฐกิจก็แย่อยู่แล้ว ยังยกเลิกวิชานี้อีก แล้วจะเอาความรู้อะไรมาแก้มากู้เศรษฐกิจ จบปริญญาตรียังตกงาน ก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง ตกงานเป็นแสนคนจะทำยังไง
ก็ขอให้ปรับปรุงระบบการศึกษา ปฏิรูปการศึกษาให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจ ถ้าจะตั้งโรงเรียนอาตมาก็อยากตั้งโรงเรียนดวงตาเห็นธรรม ไม่ใช่เห็นธรรมระดับสูงที่หลุดพ้น เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เห็นการเกิดของกิเลส ของทุกข์ ไม่ต้องถึงขนาดนั้น แต่ทำอย่างไรให้เด็กมีดวงตาเห็นธรรมระดับต่ำสุด คือเห็นแล้วอยากทำ อะไรบ้างที่ต้องทำ ไม่เห็นมีหลักสูตรอย่างนี้เลย
เด็กไปเรียนพิเศษกลับมา บอกให้ทำโน่นทำนี่ก็งง จนกระทั่งที่วัดต้องติวกันอยู่เรื่อยว่า วันนี้ใครจะเห็นอะไรในวัดที่น่าทำบ้าง เช่น เห็นหญ้ารก เห็นเศษแก้วอยู่ข้างทาง จะหยิบไปทิ้งมั้ย ดวงตาเห็นธรรมแบบนี้ถ้าไม่ทำให้เกิดขึ้นอย่างที่เราเรียกว่า “จิตอาสา” จิตที่อยากทำโน่นทำนี่เพื่อสังคม เห็นสิ่งที่ควรทำก็ต้องทำ ถ้าไม่ทำจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร เราจะปล่อยให้คนอื่นเหยียบหนามเหยียบแก้วหรือ แค่หยิบหรือเก็บเอาไปทิ้งก็เรียกว่าดวงตาเห็นธรรมแล้ว
เสียดายหลักสูตรการศึกษาเรื่องพรรค์นี้ไม่มีเท่าที่ควร ทั้งๆที่คำว่า “จิตอาสา” กำลังฮิตนี่แหละ แต่มันยังเป็นจิตอาสาอย่างไม่เลื่อนระดับ มันต้องเป็นจิตอาสาที่ตัวเองเห็นแล้วอยากทำ เห็นประโยชน์ต่อตนเอง ต่อชุมชน ต่อสังคม
ก็ขอให้การศึกษาเกิดการเรียนรู้แนวนี้บ้าง เพื่อประเทศชาติจะได้เจริญ อย่างที่สมเด็จพระสังฆราชบอกว่า ถ้าเด็กไทยมีจิตใจอยากทำประโยชน์หรืออัตตาจริยาตามธรรมะ ภาษาสากลเราเรียกว่าจิตอาสา จิตสาธารณะ จิตเห็นอะไรแล้วอยากจะทำให้ ก็จะเกิดประโยชน์สมบูรณ์พูนสุขต่อประเทศ ประเทศก็จะเจริญก้าวกระโดดเลย
เจริญพร
You must be logged in to post a comment Login