- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 2 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 2 months ago
- โลกธรรมPosted 2 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 2 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 2 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 2 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 2 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 2 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 2 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 2 months ago
“พิชัย”ชี้หากมีการสืบทอดอำนาจศก.ยิ่งทรุด

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช) กล่าวว่า เศรษฐกิจของในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว ตลอดจนมาถึงปีนี้มีทิศทางที่ย่ำแย่ ขนาดเวิลด์แบงค์ยังลดประมาณการการเติบโตเศรษฐกิจไทยในปีนี้เหลือเพียง 3.8% ซึ่งตรงกับที่เคยบอกไว้แล้วว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2562 นี้จะกลับมาโตต่ำอีกและไม่น่าจะโตถึง 4% ได้ ทั้งนี้ ยังต้องดูผลของการเลือกตั้ง ซึ่งปัจจุบันแม้กระทั่งวันเลือกตั้งยังไม่มีการกำหนดวันที่แน่นอน ยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นของประเทศไทยลดลงมาก และหากผลของการเลือกตั้งออกมาเป็นความพยายามที่จะสืบทอดอำนาจโดยสวนทางกับความต้องการที่แท้จริงของประชาชนส่วนใหญ่ เศรษฐกิจไทยจะยิ่งทรุดต่ำลงอีก ประชาชนจะยิ่งลำบาก ดังนั้น จึงอยากให้มีการกำหนดวันเลือกตั้งให้แน่นอนโดยเร็ว และจัดการเลือกตั้งให้เสรีและยุติธรรม และไม่เอาเปรียบ
ทั้งนี้ เข้าใจความรู้สึกนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่ต้องการจะลาออกจากตำแหน่งเพราะคงจะละอายจากกระแสสังคมที่ไม่เห็นด้วยและถูกตำหนิทุกวัน อีกทั้ง รมต.หลายคนยังมีปัญหาการถือหุ้นสัมปทานและยังไม่ลาออกอีกยิ่งทำให้ภาพพจน์รัฐบาลเสื่อมลงไปอีก นอกจากนี้ปัญหาของประเทศก็ยังทับถมแม้กระทั่งเรื่องฝุ่นที่ยังเป็นปัญหาต่อสุขภาพของคนในกรุงเทพฯอย่างมาก ดังนั้น จึงอยากเสนอ 4 แนวทางแก้ไขปัญหาฝุ่นดังนี้
1 ) ส่งเสริมและจูงใจให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในกรุงเทพฯให้ถึงจำนวน 50% ภายใน 10 ปี ซึ่งทิศทางรถยนต์ของโลกก็จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอยู่แล้ว และเมืองใหญ่ๆ ในโลกก็ใช้แนวทางนี้ อีกทั้งการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ในไทยที่ต้องเปลี่ยนเป็นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าตามกระแสโลกด้วย
2) ไม่เพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน และเมื่อโรงไฟฟ้าถ่านหินหมดอายุก็ไม่สร้างเพิ่ม ซึ่งเป็นทิศทางของโลกที่ลดการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินเพราะก่อเกิดมลภาวะ อีกทั้งส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเช่น พลังลม และพลังแสงอาทิตย์ ที่มีราคาลดลงเรื่อยๆ และจะถูกกว่าราคาไฟฟ้าที่ผลิตจากถ่านหินในไม่ช้า
3) ควบคุมการก่อสร้างในภาคเอกชน และในภาครัฐ ให้ป้องกันการกระจายของฝุ่นอย่างเข้มงวด โดยมีบทลงโทษปรับที่รุนแรงหากฝ่าฝืน
4) ตรวจสอบโรงงานต่างๆ รอบกรุงเทพฯและปริมณฑล หากโรงงานไหนทำให้เกิดฝุ่นจำนวนมากต้องสั่งปิดและโยกย้าย
อยากเห็นเรื่องนี้เป็นแนวทางปฏิบัติ ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลในอนาคต เพราะจะเป็นประโยชน์กับประเทศในการแก้ไขฝุ่นอีกทั้งส่งเสริมเศรษฐกิจของไทยด้วย
You must be logged in to post a comment Login