- อย่าไปอินPosted 19 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
KTAMขายตราสารหนี้ตปท.2กองทุน
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 213 ( KTFF213) อายุโครงการ 3 เดือน และกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 208( KTFF208) อายุโครงการ12 เดือน เสนอขายตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 29 มกราคม 2562
โดยกองทุน KTFF213 อายุโครงการ3 เดือน เน้นลงทุนในเงินฝากประจำ Agricultural Bank China , Bank of China , Bank of Communications ,Qatar Natrional Bank , AL Khalij Commercial Bank , AL Ahli bank และ Comercial Bank PQSC ผลตอบแทนประมาณ1.60%ต่อปี ส่วนกองทุน KTFF 208 อายุโครงการ 12 เดือน เน้นลงทุนใน Union National Bank Abu Dhab , AL Khalij Commercial Bank , AL Ahai Bank , Commercail Bank PQSC และ MTN ของ Mashreq Bank ผลตอบแทนประมาณ 2.00%ต่อปี
สำหรับในปี 2562 อัตราดอกเบี้ยในประเทศ มีแนวโน้มขยับตัวขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยโลก แต่ความถี่ของการขยับขึ้นลดลงตามชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อ และความกังวลต่อการขยายตัวเศรษฐกิจไทยที่มีความเสี่ยงจะถูกกระทบจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน รวมถึงความไม่แน่นอนอื่นจากปัจจัยต่างประเทศ
ขณะที่ผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้ไทยมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางการขยายตัวเศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ยโลก อย่างไรก็ตามมองว่า อัตราผลตอบแทนในต่างประเทศมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้เร็วกว่าตราสารหนี้ในประเทศ ดังนั้น จึงเป็นโอกาสของการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องติดตาม คือแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกภายใต้แรงกดดันจากความเสี่ยงสำคัญกรณีสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
ด้านความเสี่ยงอัตราเงินเฟ้อยังคงได้รับแรงกดดันหลักจากทิศทางของราคาน้ำมัน ซึ่งบริษัทคิดว่าในปีนี้ราคาน้ำมันจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มากจากปีก่อน จึงเป็นผลดีต่อการลงทุนในตราสารหนี้ในภาพรวม
ปัจจัยด้านการใช้นโยบายการเงินคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายทั้งไทยและสหรัฐฯ แม้จะเป็นช่วงขาขึ้น แต่ความถี่ในการขยับขึ้นคงมีไม่มาก มีผลต่อความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุนของนักลงทุนต่างประเทศ และปัจจัยทางด้านนโยบายการคลังในประเทศ โดยเฉพาะในเรื่องของการลงทุนของภาครัฐ ซึ่งจะนำไปสู่การระดมทุนในรูปแบบต่างๆ ภายในประเทศมีผลต่อสภาพคล่องทางการเงินในระบบ แต่ยังคงต้องติดตามความต่อเนื่องของนโยบายการลงทุนภาครัฐหลังการได้รัฐบาลใหม่จากการเลือกตั้งเป็นหลัก
ค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจากปีที่แล้ว หรืออาจอยู่ในระดับใกล้เคียงสิ้นปี 2561 ที่ประมาณ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ สาเหตุหลักจากไทยยังคงเกิดดุลบัญชีเดินสะพัดจากมูลค่าการส่งออกและรายได้การท่องเที่ยว
You must be logged in to post a comment Login