- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ศาลฎีกายืนคุก1ปีปรับ5หมื่น3เกลอหมิ่น”ยิ่งลักษณ์”ว.5โฟร์ซีซั่นส์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นัดฟังคำสั่งศาลฎีกา คดีดำ อ.630/57 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 8 และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต นายเทพไท เสนพงศ์ และนายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันเป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นฯ, ดูหมิ่นเจ้าพนักงานฯ
จากกรณีระหว่างวันที่ 10-15 กุมภาพันธ์ 2555 จำเลยทั้งสามซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการ “สายล่อฟ้า” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ใส่ร้าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้เสียหาย ขณะไปปฏิบัติภารกิจที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ทำนองว่าประพฤติผิดจริยธรรม ซึ่งล้วนเป็นเท็จ ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง
คดีนี้ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยทั้งสามกระทำผิดตามฟ้องจริง จึงพิพากษาให้จำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 1 ปี ปรับคนละ 50,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี จำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ฝ่ายโจทก์ยื่นฎีกาขอไม่ให้ศาลรอการลงโทษ ส่วนจำเลยยื่นฎีกาขอให้ศาลยกฟ้องด้วย
ทั้งนี้ ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ทั้งฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลยต่างไม่ติดใจเอาความ จึงยื่นคำร้องขอถอนฎีกาออกจากการพิจารณาของศาลฎีกา
สำหรับการนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งเเรกเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา ทนายโจทก์ร่วมได้ยื่นคำร้องขอถอนฎีกา โดยมีเงื่อนไขให้จำเลยยอมรับผิ เเละขอโทษกับการกระทำดังกล่าว ซึ่งนายศิริโชคได้มีการโพสต์ขอโทษลงในเฟซบุ๊คเเละตั้งค่าสาธารณะ ศาลอาญาจึงส่งคำร้องให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณาเเละมีคำสั่งต่อไป
ในวันนี้ฝ่ายโจทก์มีนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง และนายสมหมาย กู้ทรัพย์ ทนาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางมาศาล ส่วนฝ่ายจำเลยมีนายเทพไท, นายศิริโชค เเละนายชวนนท์ เดินทางมาศาล โดยก่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ศาลได้อ่านคำสั่งศาลฎีกาโดยไม่อนุญาตให้โจทก์ร่วมถอนฎีกา เนื่องจากศาลฎีกาได้ทำคำพิพากษาเสร็จสิ้นเเล้ว
หลังจากนั้นศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษา โดยศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมพร้อมพิเคราะห์คำร้องของคู่ความทั้งสองเเล้วเห็นว่า การพิเคราะห์พฤติการณ์ของจำเลยทั้ง 3 จะต้องวินิจฉัยในบริบท ปฏิกิริยา เเละภาพหรือท่าทางประกอบของผู้พูด ซึ่ง “ฉายาเอาอยู่” ที่อ้างว่าเป็นเรื่องฉายาโจทก์ร่วมตอนเหตุการณ์น้ำท่วม เเต่เมื่อพิจารณาถึงองค์ประกอบอื่นเห็นว่าคำว่า “เอาอยู่” ทำให้วิญญูชนเข้าใจได้ว่าโจทก์ซึ่งมีสามีเเละบุตรชายหนีประชุมสภาไปที่โรงเเรมโฟร์ซีซั่นส์เพื่อประพฤติในทางชู้สาว มีความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ไม่ใช่การติชมด้วยความเป็นธรรม ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน
ส่วนมีเหตุให้รอลงอาญาหรือไม่นั้น ศาลเห็นว่าเเม้การกระทำของจำเลยทั้ง 3 จะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เเต่หลักการบริหารประเทศย่อมต้องมีความโปร่งใส โจทก์ร่วมไม่ได้ชี้เเจงสาเหตุการไปที่โรงเเรมโฟร์ซีซั่นส์ดังกล่าวให้สาธารณชนรับทราบ เเม้ในปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีการชี้เเจง คงมีเพียงคำเบิกความในชั้นศาลที่ว่าไปพบนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งหากเป็นความจริงก็ย่อมที่จะไม่จำเป็นต้องปกปิดการกระทำเป็นความลับทำให้เกิดความสงสัย การกระทำของจำเลยทั้ง 3 เเม้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เเต่ก็มีเจตนาดีต่อสังคม ส่วนที่โจทก์ร่วมฎีกาว่าจำเลยเคยต้องโทษรอลงอาญาในคดีหมิ่นประมาทที่ อ.3545/2558 นั้น พฤติการณ์เป็นคนละเเบบกัน โทษจึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี
You must be logged in to post a comment Login