- อย่าไปอินPosted 4 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 23 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
เมืองต้องคำสาป
คอลัมน์ : ร้ายสาระ
ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ
(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 25 มกราคม – 1 กุมภาพันธ์ 2562)
เวลาชั่วข้ามคืนเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งเปลี่ยนจากเมืองเงียบสงบในชนบทที่ผู้อยู่อาศัยแทบไม่ต้องล็อกกุญแจบ้านกลับกลายเป็นเมืองที่เกิดเหตุร้ายรุนแรงแทบทุกปีจนถูกขนานนามว่าเป็น “เมืองต้องคำสาป”
ดรายเดน เป็นเมืองเล็กๆในรัฐนิวยอร์ก มีประชากรเพียง 14,000 คน ความมีเสน่ห์ของเมืองแห่งนี้ทำให้ในปี 1946 ถูกเลือกเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์คลาสสิกเรื่อง It’s A Wonderful Life นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเมืองดรายเดนก็เป็นที่รู้จักกันในฐานะเมืองที่เงียบสงบน่าอยู่อาศัยแห่งหนึ่ง
วันที่ 22 ธันวาคม 1989 ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อมีคนพบว่าครอบครัวแฮร์ริสถูกคนร้ายบุกสังหารถึงในบ้าน ฆ่ายกครัวอย่างโหดเหี้ยม วอร์เรน วัย 39 ปี โดโรเรส วัย 40 ปี เชลบี วัย 15 ปี และมาร์ก วัย 11 ปี ถูกคนร้ายผูกผ้าปิดตาก่อนจะยิงที่ด้านหลังศีรษะในระยะประชิด หลังจากนั้นใช้น้ำมันราดทั่วบ้านจุดไฟเผาเพื่อทำลายหลักฐาน
เชลบีถูกข่มขืนก่อนจะเสียชีวิต ตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการปล้นทรัพย์ เพื่อนบ้านคนหนึ่งให้การกับตำรวจว่าเห็นชายผิวดำรูปร่างผอมบางขับรถแวนเลียบๆเคียงๆบริเวณบ้านของครอบครัวแฮร์ริส เบาะข้างคนขับมีผู้หญิงผิวดำนั่งอยู่อีกคนหนึ่ง
จากการสืบสวนพบผู้ต้องสงสัยชื่อ ไมเคิล คินจ์ วัย 33 ปี ตำรวจจึงนำกำลังไปจับกุมตัว ไมเคิลขัดขืนการจับกุม ทำให้ตำรวจตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงจนไมเคิลเสียชีวิต เชอร์ลีย์ คินจ์ วัย 60 ปี มารดาของไมเคิลถูกรวบตัวในข้อหาสมรู้ร่วมคิด
ตำรวจค้นบ้านพบถังใส่น้ำมันมีลายนิ้วมือเชอร์ลีย์ เธอถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาปล้นทรัพย์และวางเพลิง แต่ในเวลาต่อมา เดวิด ฮาร์ดิง หนึ่งในตำรวจชุดจับกุม สารภาพว่าสร้างหลักฐานเท็จด้วยการติดตามเชอร์ลีย์เข้าไปในร้านอาหาร แอบลอกลายนิ้วมือบนแก้วน้ำแล้วนำไปติดไว้ที่ถังน้ำมันที่ตำรวจพบในบ้าน
ไม่เจตนา
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 1990 คริสติน เลน วัย 24 ปี แจ้งความกับตำรวจว่า อลิซา เมย์ ลูกสาววัย 23 เดือน หายออกไปจากบ้าน เธอให้การว่าเธอและลูกสาวพาสุนัขออกไปเดินเล่น หลังจากกลับเข้าบ้านเธอก็เข้าไปล้างมือในห้องน้ำโดยไม่ได้ปิดประตูหน้าบ้าน เมื่อออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าลูกสาวหายตัวไป
ตำรวจและอาสาสมัครกว่า 400 คน ช่วยกันออกค้นหาเป็นเวลาหลายวัน จนกระทั่งวันที่ 7 กุมภาพันธ์ คริสตินเดินทางมาพบตำรวจอีกครั้งพร้อมกับยื่นซองจดหมายบรรจุถุงมือเด็กให้ดู โดยบอกว่ามีคนส่งมาให้เธอทางไปรษณีย์
ดูเหมือนจะเป็นคดีลักพาตัว ตำรวจจึงลงพื้นที่สืบสวนจนพบข้อมูลจากเจ้าของร้านของชำรายหนึ่งอ้างว่าได้ขายซองจดหมายแบบที่คริสตินนำมาให้ตำรวจให้กับคริสติน ขณะที่พยานอีกคนให้การว่าเห็นคริสตินหยอดซองจดหมายลงในตู้ไปรษณีย์ใกล้กับบ้านพักของเธอ
ตำรวจเชิญตัวคริสตินมาสอบปากคำเค้นหาความจริง ในที่สุดเธอรับสารภาพว่าใช้ผ้าห่อตัวลูกสาวนอนในเปล แต่คงห่อแน่นเกินไปทำให้ผ้าปิดปากปิดจมูกจนอลิซาหายใจไม่ได้และเสียชีวิต ด้วยเกรงว่าจะมีความผิดเธอจึงนำร่างลูกสาวไปฝังในป่าห่างจากบ้านราวครึ่งไมล์
การค้นหาตัวอลิซาเข้าไปใกล้จุดที่เธอฝังลูกสาวเอาไว้ คริสตินจึงออกอุบายส่งถุงมือเด็กมาหาตัวเองทางไปรษณีย์ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตำรวจไปเรื่องการลักพาตัวเพื่อที่จะได้ยุติการค้นหา
รักต้องฆ่า
เวลา 08.00 น. วันที่ 30 ธันวาคม โจนาธาน เมอร์เชนต์ วัย 19 ปี ถือปืนลูกซองสั้นบุกไปยังบ้านแอมเบอร์ สตาร์ อดีตแฟนสาววัย 17 ปี เขาเดินวนดูรอบบ้าน เมื่อพบว่าประตูทุกบานยังล็อกอยู่จึงใช้ปืนลูกซองยิงลูกบิดประตูหลัง
ขณะนั้นทิฟฟานี น้องสาวแอมเบอร์ วัย 15 ปี กำลังเดินกลับขึ้นห้องนอนหลังจากลงมาหาของกินในครัว เสียงปืนดังขึ้นอีกนัดทำลายล็อกประตูห้องซักผ้า เสียงกรีดร้องของทิฟฟานีเป็นสัญญาณบอกคนในบ้านว่ามีเหตุร้าย ไม่กี่นาทีต่อมาโจนาธานบุกเข้าถึงห้องนอนแอมเบอร์ กระชากตัวเธอลงจากเตียงและพยายามลากตัวลงมาที่ห้องโถงชั้นล่าง
สตีเฟน บิดาวัย 42 ปี วิ่งมาปกป้องลูกสาว โจนาธานลั่นกระสุนปืนโดนสตีเฟนบริเวณช่องท้องล้มลงเลือดนองทั่วพื้น สตีเฟนไม่ยอมแพ้คว้าขาโจนาธานเอาไว้แน่น จูดี้ ภรรยาของสตีเฟน ตะโกนบอกให้ลูกสาวทั้ง 2 คนวิ่งหนีออกนอกบ้าน ขณะที่โจนาธานลั่นกระสุนอีกนัดใส่ที่ศีรษะสตีเฟนเสียชีวิตคาที่
จูดี้ แอมเบอร์ และทิฟฟานี วิ่งไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน ขณะที่โจนาธานขับรถหนีออกจากที่เกิดเหตุไปยังสุสาน เขาใช้ปืนกระบอกเดียวกันปลิดชีวิตตัวเองเหนือหลุมฝังศพของอดีตคนรักอีกคนที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายเมื่อไม่นานมานี้
ไม่ทราบสาเหตุ
เดือนตุลาคม 1996 ซาราห์ แฮจนีย์ และเจนนิเฟอร์ โบลดัก เชียร์ลีดเดอร์โรงเรียนมัธยมปลายดรายเดน วัย 16 ปีเท่ากัน หายตัวออกไปจากบ้านขณะที่เจนนิเฟอร์มาอยู่เป็นเพื่อนซาราห์หลังโรงเรียนเลิก เนื่องจากพ่อแม่ของซาราห์เดินทางไปพักร้อนต่างเมือง
วันรุ่งขึ้นซาราห์และเจนนิเฟอร์ไม่ไปโรงเรียน ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็กวัยรุ่นจะโดดเรียน แต่วันนั้นมีการแข่งขันฟุตบอล ซาราห์และเจนนิเฟอร์ต้องทำหน้าที่เชียร์ลีดเดอร์ จึงเป็นเรื่องที่ผิดปรกติเป็นอย่างมากที่ทั้งคู่จะหายตัวไปพร้อมกัน โรงเรียนจึงสอบถามไปทางญาติๆแต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเด็กทั้ง 2 คน
ตำรวจส่งทีมค้นหาลงพื้นที่ สืบได้ความว่าก่อนหน้านี้มีคนเห็นชายแปลกหน้าวัยกลางคน รูปร่างท้วม ศีรษะล้าน แสดงกิริยาเกาะแกะแทะโลมขณะที่เด็กทั้ง 2 คนทำงานพาร์ตไทม์ในร้านสะดวกซื้อ เวลาบ่ายของวันที่ซาราห์และเจนนิเฟอร์ขาดเรียนมีคนเห็นชายแปลกหน้าลักษณะเดียวกันนำรถมาจอดในลานจอดรถของบริษัททำประมงริมแม่น้ำไทออจนิโอกาก่อนจะหายตัวไป
ตำรวจตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าวพบว่าเป็นรถของบิดาซาราห์ คาดว่าเด็กทั้ง 2 คนถูกคนร้ายลักพาตัว จากการสืบสวนพบผู้ต้องสงสัยชื่อ จอห์น แอนดรูว์ วิศวกรเครื่องกลวัย 31 ปี มีบ้านพักอาศัยอยู่ในละแวกเดียวกันกับบ้านของซาราห์
จอห์นมีประวัติก่อเหตุใช้ความรุนแรงและลักเล็กขโมยน้อย เขาเป็นอดีตทหารอากาศแต่ถูกให้ออกจากราชการเพราะไปทำร้ายร่างกายเพื่อนนายทหารด้วยอุปกรณ์ยกน้ำหนักบาร์เบลล์ และเคยถูกตำรวจจับในข้อหาทำร้ายร่างกายภรรยา
หลายวันต่อมาตำรวจพบชิ้นส่วนร่างกายซาราห์และเจนนิเฟอร์กระจายอยู่ตามป่ารัศมี 30 ไมล์รอบเมืองดรายเดน จอห์นถูกนำตัวมาสอบปากคำแต่เขาปฏิเสธข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตาม จอห์นผูกคอตายในห้องขังหลังจากตำรวจนำตัวมาฝากขัง
นอกจากเหตุฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมแล้ว ยังมีเด็กวัยรุ่นเสียชีวิตอย่างผิดธรรมชาติอีกหลายคน ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุหรือการฆ่าตัวตาย เฉลี่ยแล้วมีการตายผิดธรรมชาติของเด็กวัยรุ่นแทบทุกปี ขณะที่ดรายเดนเป็นเมืองเล็กๆ มีประชากรเพียงแค่ 14,000 คนเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เองดรายเดนจึงถูกเรียกว่าเป็น “เมืองต้องคำสาป”
1.เมืองดรายเดน รัฐนิวยอร์ก
2.ถังบรรจุน้ำมันพบในบ้านไมเคิล คินจ์
3.ตำรวจจับกุมตัวเชอร์ลีย์ คินจ์
4.เชอร์ลีย์ถูกนำตัวขึ้นศาล
5.โดโรเรส, เชลบี, มาร์ก และวอร์เรน แฮร์ริส
6.อาวุธปืนที่คนร้ายใช้สังหารครอบครัวแฮร์ริส
7.คริสติน เลน
8.อลิซา เมย์
9.สตีเฟน สตาร์
10.ซาราห์ แฮจนีย์ และเจนนิเฟอร์ โบลดัก
You must be logged in to post a comment Login