- อย่าไปอินPosted 3 days ago
- ปีดับคนดังPosted 4 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 5 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 6 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 7 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 2 weeks ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
จีนซื้อบ้านในไทยเป็นอันดับหนึ่งในโลก
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th) เปิดเผยว่า จากผลการสำรวจล่าสุดเมื่อปี 2561 ของ Juwai เว็บไซต์ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังของจีนพบว่า ในปี 2561 ที่ผ่านมา คนจีนนิยมซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยมากที่สุดในโลก (https://bit.ly/2Hzv9cv) จากที่เมื่อปี 2559 คนจีนนิยมซื้อในไทยเป็นอันดับที่ 6 (https://bit.ly/2vZLalT) และขยับขึ้นมาเป็นที่ 3 ในปี 2560 (https://bit.ly/2MBaqE4) ทั้งนี้ลำดับที่ 1-10 ในปี 2561 เป็นดังนี้
อันดับที่ 1 คือ ไทย อันดับที่ 2-10 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ อังกฤษ เวียดนาม มาเลเซีย ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์ สาเหตุที่ไทยขยับขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งก็เพราะ 1. ไทยไม่มีการจำกัดราคาขั้นต่ำในการซื้อ ต่างจากมาเลเซียที่ต้องซื้อในราคาไม่ต่ำกว่า 8-16 ล้านบาท แล้วแต่บริเวณ ราคาบ้าน-ที่ดินและห้องชุดในไทยราคาถูกกว่ามาก 2. สามารถได้กรรมสิทธิ์ ไม่ใช่การเช่าระยะยาวเช่นในจีนหรือเวียดนาม 3. ไม่มีการเก็บภาษีซื้อ อย่างในสิงคโปร์ ต่างชาติมาซื้อต้องเสียภาษี 20% ฮ่องกงเก็บ 30% เป็นต้น แต่ในไทย โดยเฉพาะในอีอีซี ยังไม่ต้องเสียภาษีอีกต่างหาก 4. ไม่มีระบบภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและภาษีมรดก แต่ไทยมีการตราพระราชบัญญัติของภาษีทั้งสองนี้ แต่แทบไม่มีผลบังคับใช้จริง 5 ไม่มีข้อห้ามให้ต่างชาติซื้อได้แต่บ้านมือหนึ่งเยี่ยงในออสเตรเลีย เพราะหากจีนหรือต่างชาติใดซื้อบ้านมือสองได้ด้วย ก็อาจทำให้ราคาบ้านขึ้นกระฉูด 6. ไม่มีข้อห้ามต่างชาติซื้อบ้านเยี่ยงนิวซีแลนด์ ซึ่งแม้คนจีนจะชอบนิวซีแลนด์ แต่ปัจจุบันนี้มีข้อห้ามมากมาย ทำให้คนจีนไม่สามารถซื้อบ้านได้อีกต่อไป
ด้วยเหตุนี้คนจีนจึงเบนเข็มมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยและทำให้ไทยติดอันดับหนึ่งของผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ของจีน ผลดีที่เกิดขึ้นประการหนึ่งก็คือบริษัทพัฒนาที่ดินไทยมีตลาดกว้างมากขึ้น ในขณะที่คนไทยไม่มีกำลังซื้อกระทั่งห้องชุดราคาถูก จน บมจ.แอลพีเอ็นดีเวลลอปเมนท์ หันไปสร้างห้องชุดราคาปานกลางแทน แต่ได้คนจีนมาซื้อ ทำให้สัดส่วนผู้ซื้อของบริษัทมหาชนบางแห่งสูงขึ้นถึง 40% บริษัทมหาชนหลายแห่งจีงมีกำไรสุทธิหลักหักค่าใช้จ่ายสูงถึง 20-30% หรือบางแห่งสูงกว่านั้น
แต่ผลลบประการหนึ่งก็คือ ประชาชนทั่วไปจะต้องซื้อบ้านในราคาแพงขึ้นจากผู้ประกอบการพัฒนาที่ดิน เพราะกำลังซื้อที่เพิ่มเข้ามาจากประเทศจีนและประเทศอื่น จนวันหนึ่งอาจเกิดภาวะที่ราคาบ้านแพงเกินกว่ากำลังซื้อของประชาชนทั่วไปเช่นที่เคยเกิดขึ้นในไต้หวันเมื่อสิบกว่าปีก่อน อีกอย่างการซื้อขายทรัพย์สินในประเทศไทยโดยคนต่างชาติ ไม่ต้องเสียภาษีซื้อ แทบไม่ต้องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หรือภาษีมรดก ทำให้ประเทศไทยไมได้อะไรเท่าที่ควรจากการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของคนต่างชาติ
ผู้ที่มีความสุขกับการซื้อทรัพย์ของคนจีนก็คือบริษัทพัฒนาที่ดิน สถาบันการเงิน บริษัทปูน บริษัทเหล็ก แต่ประชาชนแทบไม่ได้อะไรมากนัก
You must be logged in to post a comment Login