- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 3 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ตายผ่อนส่ง
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 31 ม.ค. 62)
การเปิดตัวเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่สู้อุตส่าห์ยื้อเพื่อรอเวลาที่เหมาะสม แต่ดูเหมือนว่าการเปิดตัวพร้อมปัญหามลพิษทางอากาศจากฝุ่นขนาดเล็กจะไม่ใช่ไทม์มิ่งที่ดี แม้รัฐบาลทหาร คสช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามแก้ไข แต่เรื่องนี้แก้ไม่ง่าย และมีแนวโน้มว่ายิ่งแก้ยิ่งทำให้เสียคะแนน ทุกมาตรการที่งัดมาใช้จะถูกมองว่าแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ที่สำคัญทุกมาตรการจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม ถ้าสถานการณ์ฝุ่นยังทรงตัวในระดับนี้ยาวไปถึงวันเลือกตั้ง ฝุ่นเม็ดเล็กๆจะฉุดคะแนนพรรคพลังประชารัฐและ “ทั่นผู้นำ” แน่นอน ฝุ่นยิ่งอยู่นานยิ่งเหมือนตายผ่อนส่ง รอประชาชนประชุมเพลิงพร้อมกันวันที่ 24 มีนาคม
การซื้อเวลาไม่ยอมเปิดตัวอย่างเป็นทางการเพื่อสร้างกระแสให้คนสนใจ แม้จะประสบความสำเร็จ ทำให้ตัวเองอยู่ในกระแสอย่างที่ต้องการ เพราะมีคนพูดถึงและถูกตั้งคำถามผ่านสื่อทุกวัน
แต่เข้าขั้นเป็นการสร้างความสนใจที่ไร้ประโยชน์
ทั้งนี้เพราะคำตอบสุดท้ายไม่มีอะไรน่าลุ้น เหมือนไฮโลเปิดถ้วยแทงที่รู้แต้มดีอยู่แล้วว่าจะออกอะไร
ไม่ต่างจากการยื้อเวลาลาออกจากตำแหน่งของ 4 รัฐมนตรีสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องการใช้การลาออกสร้างเครดิตว่าเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง เพราะไม่เคยมีนักเลือกตั้งคนไหนทำมาก่อน
แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือ ทั้งก่อนและหลังออกจากตำแหน่งไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น การทิ้งตำแหน่งเพื่อเดินบนถนนการเมืองเพื่อหวังใช้เป็นเครดิตยกระดับความนิยมชมชอบไม่เกิดผลอย่างที่ต้องการ
ถึงตอนนี้อาจนึกเสียดายด้วยซ้ำว่าไม่น่าลาออก
ย้อนมาที่ “ทั่นผู้นำ” ไม่ว่าจะเปิดตัวลงชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีวันไหนถือว่าไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม
ไม่เหมาะสมเพราะกำลังอยู่ในสภาวะฝีแตก
การปราบปรามคนโกงที่ชูเป็นนโยบายหลักเพื่อหวังเรียกความนิยม และหวังทาสีนักการเมืองให้ประชาชนเห็นว่าเป็นพวกที่แสวงหาอำนาจเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ที่ตอนแรกดูเหมือนว่าจะประสบความสำเร็จด้วยดี
แต่ยิ่งนานไปของกลับไหลเข้าตัว
กว่า 5 ปีที่นั่งทับอำนาจ ดัชนีความโปร่งใสที่จัดโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) มีแต่ตกต่ำลง
ผลการประกาศค่าดัชนีการรับรู้การทุจริตปี 2018 ไทยตกไปอยู่ในอันดับที่ 99 ของโลก จากทั้งหมด 180 ชาติ จากที่เคยอยู่อันดับที่ 96 ในปีที่แล้ว มีคะแนนความโปร่งใสเพียง 36 แต้ม จากคะแนนเต็ม 100
ทำให้ภาพการต่อต้านการทุจริตของรัฐบาลทหาร คสช. ไม่มีความแตกต่างจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
ที่แย่ที่สุดในตอนนี้คือปัญหาเรื่องมลพิษในอากาศจากปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนโดยรวม
แม้รัฐบาลทหาร คสช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามแก้ไข
แต่เรื่องนี้แก้ไม่ง่าย และมีแนวโน้มว่ายิ่งแก้ยิ่งทำให้เสียคะแนน เพราะทุกมาตรการที่ออกมาตอนนี้และที่จะตามออกมาในอนาคตจะถูกมองว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
ที่สำคัญทุกมาตรการจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม แค่สั่งปิดโรงเรียนก็แย่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าจะห้ามไม่ให้ขับรถคนเดียว ต้องมีคนอื่นนั่งมาด้วย เพื่อหวังลดจำนวนรถบนถนน หรือการให้สลับใช้แบบวันคู่วันคี่
ถ้าสถานการณ์ฝุ่นยังทรงตัวในระดับนี้ยาวไปถึงวันเลือกตั้ง และสื่อหลักสื่อรองยังประโคมข่าวผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ปัญหาฝุ่นเม็ดเล็กๆจะฉุดคะแนนพรรคพลังประชารัฐและ “ทั่นผู้นำ” แน่นอน
แปลกแต่จริง ฝุ่นที่ทุกคนทุกพรรคสูดเข้าปอดเหมือนกัน แต่ผลกระทบกลับไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะ “ทั่นผู้นำ” กับพรรคพลังประชารัฐ สถานการณ์ฝุ่นยิ่งอยู่นานยิ่งเหมือนตายผ่อนส่ง รอประชาชนประชุมเพลิงพร้อมกันวันที่ 24 มีนาคม
You must be logged in to post a comment Login