- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 3 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
เล่นกับฝุ่นฝุ่นเข้าตา
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 1 ก.พ. 62)
ปัญหาเรื่องฝุ่นที่คนในรัฐบาลบางคนร้องว่าอย่านำมาเป็นประเด็นโจมตีกันทางการเมือง แต่ปัญหาของประชาชนย่อมผูกโยงกับการเมือง ผูกโยงกับการใช้อำนาจโดยเฉพาะช่วงใกล้เลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม แม้ปัญหาฝุ่นจะยกระดับมากขึ้น แต่จะเห็นว่าพรรคการเมืองส่วนใหญ่ไม่ผลีผลามโดดลงคลุกฝุ่นเพื่อชิงคะแนนเสียง เพราะรู้ดีว่าเป็นปัญหาที่แก้ยาก เป็นดาบสองคม และมีโอกาสทำให้เสียแต้มมากกว่าได้แต้ม เพราะการแก้ไขจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตปรกติของประชาชน แม้แต่พรรคเพื่อไทยที่โดดลงมาเล่นกับฝุ่นก็ยังเพลย์เซฟเพราะกลัวฝุ่นเข้าตา เสนอทางแก้แบบระยะยาวและไม่กระทบวิถีชีวิตประชาชน นักการเมืองรู้นิสัยคนไทยดี ยิ่งช่วงใกล้เลือกตั้งไม่มีใครกล้าเสี่ยง หลายพรรคจึงเลือกเงียบแล้วนั่งดูรัฐบาลคลุกฝุ่น เพราะยิ่งเต้นฝุ่นยิ่งฟุ้ง ฝุ่นยิ่งตลบยิ่งเสียแต้ม
ปัญหาเรื่องฝุ่นละอองที่กระทบต่อสุขภาพประชาชน แม้ท่านผู้นำจะร้องขอว่าอย่าถือโอกาสเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นโจมตีกันทางการเมือง
แต่การเมืองกับปัญหาของประเทศแยกกันไม่ออก
แม้จะมีบางคนในรัฐบาลออกมาพูดทำนองว่าอย่าด่ารัฐบาล เพราะฝุ่นไม่ได้เกิดจากรัฐบาล ซึ่งก็คงไม่มีใครเถียง แต่ต้องไม่ลืมว่ารัฐบาลมีหน้าที่แก้ปัญหาให้ประชาชน
เมื่อมีปัญหาประชาชนก็หวังให้ภาครัฐเข้ามาแก้ไข ทั้งองค์กรปกครองท้องถิ่นและรัฐบาล
เมื่อประชาชนหวังพึ่งการแก้ปัญหาจากรัฐบาล นโยบายและวิธีการที่ใช้แก้ปัญหาจึงเป็นที่จับตามอง และตกเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์
ยิ่งช่วงนี้ใกล้เลือกตั้ง และพรรคพลังประชารัฐก็มีมติแล้วว่าจะส่งชื่อท่านผู้นำเป็นเบอร์หนึ่งบัญชีรายชื่อผู้ท้าชิงนายกฯ ทุกแนวคิด ทุกคำพูดจากปากท่านผู้นำจึงถูกประชาชนเฝ้าจับตาเป็นพิเศษ
ปัญหาเรื่องฝุ่นจะว่าเป็นวิกฤตก็วิกฤต แต่หากมองอีกมุมก็เป็นโอกาสให้ได้แสดงฝีมือแก้ปัญหาให้ประชาชน หากทำให้ฝุ่นหายได้ก่อนเลือกตั้งจะทำให้ได้คะแนนเสียงเพิ่มมากขึ้น
แน่นอนว่าหากทำไม่ได้ประชาชนคงหันไปเทคะแนนให้คนอื่นที่เห็นว่าน่าจะช่วยแก้ปัญหาให้เขาได้
อย่างไรก็ตาม นักเลือกตั้งทั้งหลายไม่ควรผลีผลามใช้เรื่องนี้เป็นประเด็นหาเสียง เพราะเป็นดาบสองคม หากเข้าผิดจังหวะแทนที่จะได้คะแนนเสียงอาจทำให้เสียคะแนนได้
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แม้ปัญหาฝุ่นจะยกระดับมากขึ้นเรื่อยๆ แต่พรรคการเมืองส่วนมากสงวนท่าทีไม่ผลีผลามจับเรื่องนี้มาเป็นประเด็นหาเสียง หลายพรรคเพียงแค่จิกกัดพอให้รัฐบาลเกิดแผลถลอกติดตัวไปถึงเลือกตั้งเพื่อลดทอนคะแนนเสียง
มีเพียงพรรคเพื่อไทยที่หาญกล้าโดดคลุกฝุ่นโดยไม่กลัวว่าจะเกิดผลข้างเคียง
พรรคเพื่อไทยตั้งโต๊ะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเสนอแนวทางแก้ปัญหาฝุ่น 6 ข้อ ประกอบด้วย
1.เป็นแผนระยะยาว 20 ปี สนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า ลดจำนวนรถดีเซลให้เหลือเฉพาะที่จำเป็นกับเศรษฐกิจ ปรับเปลี่ยนน้ำมันดีเซลเป็นไบโอดีเซล เริ่มจาก B-20 และมีเป้าหมายที่ B-100 เข้มงวดการตรวจสภาพรถยนต์ของ ขสมก. และรถบรรทุก โดยใช้มาตรการเข้มงวดสูงสุดถึงขั้นยึดรถ
2.ให้งดก่อสร้างรถไฟฟ้าในเวลากลางวันถึงเดือนมีนาคมเพื่อประเมินผล
3.ห้ามโรงงานประเภทที่อาจก่อให้เกิดฝุ่นละอองหรือควันหยุดปฏิบัติงานในเวลากลางวันไปจนสุดเดือนมีนาคม
4.ตึกที่มีความสูงเกิน 20 ชั้น ให้ช่วย spray น้ำจากชั้นสูงสุดในทั้ง 4 ทิศทางตามเวลาที่ทางราชการกำหนด โดยภาครัฐจัดหาปลายสูบ (niggle) ขนาดจิ๋วให้
5.เคร่งครัดการติดตามข้อบังคับของ EIA (Environmental Impact Assessment) คือ “รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม” สำหรับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ โดยเน้น EIA ในช่วงการก่อสร้าง
6.ศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างหอคอยขนาดใหญ่ 4 มุมเมือง เพื่อฟอกอากาศ กำจัดฝุ่นจิ๋ว PM2.5 เป็นการเร่งด่วน
แม้พรรคเพื่อไทยจะโดดลงมาคลุกฝุ่นเพื่อหวังหาคะแนนเสียงจากตรงนี้ แต่หากพิจารณาดีๆจะเห็นว่าเป็นข้อเสนอแบบเพลย์เซฟ ชกไปตั้งการ์ดไปไม่ให้ฝุ่นย้อนเข้าตาตัวเอง เพราะรู้ดีว่าปัญหาฝุ่นละอองแก้ยาก ต้องใช้เวลานาน
ที่สำคัญการแก้ปัญหาฝุ่นละอองโอกาสได้แต้มน้อยกว่าเสียแต้ม เพราะทุกมาตรการที่จำเป็นต้องใช้แก้ปัญหาล้วนส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชน อะไรที่กระทบวิถีชีวิตคนไทยไม่ค่อยชอบ
นักการเมืองรู้นิสัยคนไทยดี ยิ่งช่วงใกล้เลือกตั้งไม่มีใครกล้าเสี่ยง หลายพรรคจึงเลือกเงียบแล้วนั่งดูรัฐบาลคลุกฝุ่น ส่วนพรรคเพื่อไทยก็แค่แหย่ๆให้ประชาชนเห็นว่ามีปัญญาคิดแก้ปัญหา
You must be logged in to post a comment Login