วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

เล่นกับฝุ่นฝุ่นเข้าตา

On February 1, 2019

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 1 ก.พ. 62)

ปัญหาเรื่องฝุ่นที่คนในรัฐบาลบางคนร้องว่าอย่านำมาเป็นประเด็นโจมตีกันทางการเมือง แต่ปัญหาของประชาชนย่อมผูกโยงกับการเมือง ผูกโยงกับการใช้อำนาจโดยเฉพาะช่วงใกล้เลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม แม้ปัญหาฝุ่นจะยกระดับมากขึ้น แต่จะเห็นว่าพรรคการเมืองส่วนใหญ่ไม่ผลีผลามโดดลงคลุกฝุ่นเพื่อชิงคะแนนเสียง เพราะรู้ดีว่าเป็นปัญหาที่แก้ยาก เป็นดาบสองคม และมีโอกาสทำให้เสียแต้มมากกว่าได้แต้ม เพราะการแก้ไขจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตปรกติของประชาชน แม้แต่พรรคเพื่อไทยที่โดดลงมาเล่นกับฝุ่นก็ยังเพลย์เซฟเพราะกลัวฝุ่นเข้าตา เสนอทางแก้แบบระยะยาวและไม่กระทบวิถีชีวิตประชาชน นักการเมืองรู้นิสัยคนไทยดี ยิ่งช่วงใกล้เลือกตั้งไม่มีใครกล้าเสี่ยง หลายพรรคจึงเลือกเงียบแล้วนั่งดูรัฐบาลคลุกฝุ่น เพราะยิ่งเต้นฝุ่นยิ่งฟุ้ง ฝุ่นยิ่งตลบยิ่งเสียแต้ม

ปัญหาเรื่องฝุ่นละอองที่กระทบต่อสุขภาพประชาชน แม้ท่านผู้นำจะร้องขอว่าอย่าถือโอกาสเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นโจมตีกันทางการเมือง

แต่การเมืองกับปัญหาของประเทศแยกกันไม่ออก

แม้จะมีบางคนในรัฐบาลออกมาพูดทำนองว่าอย่าด่ารัฐบาล เพราะฝุ่นไม่ได้เกิดจากรัฐบาล ซึ่งก็คงไม่มีใครเถียง แต่ต้องไม่ลืมว่ารัฐบาลมีหน้าที่แก้ปัญหาให้ประชาชน

เมื่อมีปัญหาประชาชนก็หวังให้ภาครัฐเข้ามาแก้ไข ทั้งองค์กรปกครองท้องถิ่นและรัฐบาล

เมื่อประชาชนหวังพึ่งการแก้ปัญหาจากรัฐบาล นโยบายและวิธีการที่ใช้แก้ปัญหาจึงเป็นที่จับตามอง และตกเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์

ยิ่งช่วงนี้ใกล้เลือกตั้ง และพรรคพลังประชารัฐก็มีมติแล้วว่าจะส่งชื่อท่านผู้นำเป็นเบอร์หนึ่งบัญชีรายชื่อผู้ท้าชิงนายกฯ ทุกแนวคิด ทุกคำพูดจากปากท่านผู้นำจึงถูกประชาชนเฝ้าจับตาเป็นพิเศษ

ปัญหาเรื่องฝุ่นจะว่าเป็นวิกฤตก็วิกฤต แต่หากมองอีกมุมก็เป็นโอกาสให้ได้แสดงฝีมือแก้ปัญหาให้ประชาชน หากทำให้ฝุ่นหายได้ก่อนเลือกตั้งจะทำให้ได้คะแนนเสียงเพิ่มมากขึ้น

แน่นอนว่าหากทำไม่ได้ประชาชนคงหันไปเทคะแนนให้คนอื่นที่เห็นว่าน่าจะช่วยแก้ปัญหาให้เขาได้

อย่างไรก็ตาม นักเลือกตั้งทั้งหลายไม่ควรผลีผลามใช้เรื่องนี้เป็นประเด็นหาเสียง เพราะเป็นดาบสองคม หากเข้าผิดจังหวะแทนที่จะได้คะแนนเสียงอาจทำให้เสียคะแนนได้

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แม้ปัญหาฝุ่นจะยกระดับมากขึ้นเรื่อยๆ แต่พรรคการเมืองส่วนมากสงวนท่าทีไม่ผลีผลามจับเรื่องนี้มาเป็นประเด็นหาเสียง หลายพรรคเพียงแค่จิกกัดพอให้รัฐบาลเกิดแผลถลอกติดตัวไปถึงเลือกตั้งเพื่อลดทอนคะแนนเสียง

มีเพียงพรรคเพื่อไทยที่หาญกล้าโดดคลุกฝุ่นโดยไม่กลัวว่าจะเกิดผลข้างเคียง

พรรคเพื่อไทยตั้งโต๊ะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเสนอแนวทางแก้ปัญหาฝุ่น 6 ข้อ ประกอบด้วย

1.เป็นแผนระยะยาว 20 ปี สนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า ลดจำนวนรถดีเซลให้เหลือเฉพาะที่จำเป็นกับเศรษฐกิจ ปรับเปลี่ยนน้ำมันดีเซลเป็นไบโอดีเซล เริ่มจาก B-20 และมีเป้าหมายที่ B-100 เข้มงวดการตรวจสภาพรถยนต์ของ ขสมก. และรถบรรทุก โดยใช้มาตรการเข้มงวดสูงสุดถึงขั้นยึดรถ

2.ให้งดก่อสร้างรถไฟฟ้าในเวลากลางวันถึงเดือนมีนาคมเพื่อประเมินผล

3.ห้ามโรงงานประเภทที่อาจก่อให้เกิดฝุ่นละอองหรือควันหยุดปฏิบัติงานในเวลากลางวันไปจนสุดเดือนมีนาคม

4.ตึกที่มีความสูงเกิน 20 ชั้น ให้ช่วย spray น้ำจากชั้นสูงสุดในทั้ง 4 ทิศทางตามเวลาที่ทางราชการกำหนด โดยภาครัฐจัดหาปลายสูบ (niggle) ขนาดจิ๋วให้

5.เคร่งครัดการติดตามข้อบังคับของ EIA (Environmental Impact Assessment) คือ “รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม” สำหรับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ โดยเน้น EIA ในช่วงการก่อสร้าง

6.ศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างหอคอยขนาดใหญ่ 4 มุมเมือง เพื่อฟอกอากาศ กำจัดฝุ่นจิ๋ว PM2.5 เป็นการเร่งด่วน

แม้พรรคเพื่อไทยจะโดดลงมาคลุกฝุ่นเพื่อหวังหาคะแนนเสียงจากตรงนี้ แต่หากพิจารณาดีๆจะเห็นว่าเป็นข้อเสนอแบบเพลย์เซฟ ชกไปตั้งการ์ดไปไม่ให้ฝุ่นย้อนเข้าตาตัวเอง เพราะรู้ดีว่าปัญหาฝุ่นละอองแก้ยาก ต้องใช้เวลานาน

ที่สำคัญการแก้ปัญหาฝุ่นละอองโอกาสได้แต้มน้อยกว่าเสียแต้ม เพราะทุกมาตรการที่จำเป็นต้องใช้แก้ปัญหาล้วนส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชน อะไรที่กระทบวิถีชีวิตคนไทยไม่ค่อยชอบ

นักการเมืองรู้นิสัยคนไทยดี ยิ่งช่วงใกล้เลือกตั้งไม่มีใครกล้าเสี่ยง หลายพรรคจึงเลือกเงียบแล้วนั่งดูรัฐบาลคลุกฝุ่น ส่วนพรรคเพื่อไทยก็แค่แหย่ๆให้ประชาชนเห็นว่ามีปัญญาคิดแก้ปัญหา


You must be logged in to post a comment Login