วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

“บิ๊กตู่”ลั่นไล่อย่างไรก็ไม่ลาออก

On February 1, 2019

ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แถลงผลการดำเนินงานปีที่ 4 ของรัฐบาล โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ตนขอพูดถึงหลักการในการตัดสินใจลาออกหรือไม่ลาออก ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการรับหรือไม่รับเป็นหนึ่งในรายชื่อบัญชีนายกฯ ซึ่งการรับหรือไม่รับเสนอชื่อในบัญชีนั้น เป็นเรื่องของนโยบายว่ารับได้หรือไม่ หากรับได้ก็จะดูว่าปรับแก้อะไรได้บ้าง ถ้าแก้ไม่ได้ก็ไม่เข้ามาอยู่บ้านดีกว่า ดังนั้นหลักการที่จะพิจารณาว่าจะลาออกหรือไม่ลาออก จำคำพูดตนไว้ว่าทั่วโลกทั้งที่เป็นระบอบประชาธิปไตยและสังคมนิยม ผู้นำและทุกรัฐบาลเมื่อมีการเลือกตั้งไม่มีใครลาออก เช่น นายบารัค โอบาม่า ประธานาธิบดีสหรัฐ ในการลงเลือกตั้งครั้งที่ 2 และนายสี จิน ผิง ประธานธิบดีจีน รวมถึงประธานาธิบดีที่อยู่ในอาเซียน มีใครลาออกหรือไม่ ตอบมา ดังนั้นอย่าไปเขียนแบบนี้อีก

“หลักการมันเป็นแบบนี้ รัฐธรรมนูญและกฎหมายไม่มีฉบับไหนเขียนว่าเมื่อมีการเลือกตั้งผู้ที่อยู่ในรัฐบาลหากมีการเลือกตั้งต้องลาออก ใช่ไหมฝ่ายต่างประเทศ อย่าเอาเรื่องอื่นมาบังคับผมมากนัก ต้องดูประเทศชาติและหลักการว่าอย่างไร รัฐธรรมนูญไทย2475 ถึงปัจจุบันก็ไม่ได้กำหนกว่าให้ลาออก และนายกฯก็ไม่มีใครลาออกเลยใช่หรือไม่ ปี 54 ใครเป็นนายกฯ ลาออกหรือเปล่า ก็ไม่ออก แล้วยังไปหาเสียงครม.อีก ผมยังไม่เคยทำเลย ไม่ได้ไปแบบเขาเพราะยังไม่ไปร่วมกับพรรคการเมือง และต้องดูอีกทีว่าทำได้หรือไม่ ปี 2557 นายกฯ อีกคนกับครม.ลาออกไหม ไม่ออก จึงอย่ามาพูดส่งเดช ที่ออกไปก็เรื่องปลากระป๋อง เพราะมีความผิดก็ต้องออกไปสิ แต่ 4 รัฐมนตรียังไม่มีความผิดอะไรเลย ขอลาออกเพราะอยากไปทำการเมืองอย่างเต็มที่ ทั้งที่อยู่ได้ตามกฎหมาย จึงอย่าไปไล่ล่ากันมากนัก เดี๋ยวจะไล่ล่ารัฐมนตรีออก จะไล่นายกฯ ออก กฎหมายเขามาแบบนี้ มึงมาไล่ดูสิ ผมไม่ได้ท้าทายแต่ผมไม่ออก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ขณะที่เมื่อปี 54 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งตนจะไม่พูดชื่อแล้ว ที่ได้แข่งขันกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำไมแพ้ เป็นรัฐบาลหรือเปล่า แสดงว่าการเป็นรัฐบาลไม่น่าจะทำให้ได้เปรียบเสียเปรียบขึ้นมา ขึ้นอยู่กับรัฐบาลมีผลงานหรือไม่มีผลงาน หากไม่มีประชาชนก็ไม่เลือกอยู่แล้ว เขาก็ไปคาดหวังสิ่งใหม่ๆ ที่พูดออกมาทั้งจริงบ้างและไม่จริงบ้าง นี่คือการเมืองไทย แต่นักการเมืองประเทศอื่นก็เคารพกติกาไม่มีใครมาถกเถียงในเรื่องนี้ ประเทศเราจะพูดอะไรสักอย่างก็ไม่เคยมองตัวเอง ว่าเคยพูดและทำอะไรเสียหายไว้บ้าง ที่เสียหายก็เยอะอยู่แล้วเคยพูดหรือไม่ พูดแต่สิ่งที่จะทำ จึงขอให้ไปคิดเอาเอง แต่กลับมาชี้นิ้วว่าตนทำผิดเสมอ ผิดกติกา เพื่อประโยชน์ส่วนตัวทั้งสิ้น และย้ำว่า 4 รัฐมนตรีที่ลาออกตนไม่ได้กดดัน เพราะรู้ว่าตามกฎหมายไม่ต้องออกก็อยากให้ทำงาน แต่เมื่อทั้ง 4 คนตัดสินใจลาออกก็ต้องปล่อยให้ไปทำงาน และอย่ามาคิดว่าออกเพราะกลัว เขาไม่ได้กลัวอะไร แล้วก็จะมากดดันตน ย้ำว่ากดดันไม่ได้ ตนเคารพกฎหมาย 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อีกทั้งมีคนบอกว่าทำไมมีการโจมตีรัฐบาลและคสช.มากขึ้น ซึ่งการเมืองไทยก็เป็นแบบนี้ ปฏิรูปไม่ได้ มีกระบวนการโจมตีเป็นขั้นตอน ทั้งอยากเลือกตั้ง เลื่อนเลือกตั้ง และห้ามเลื่อนเลือกตั้งอะไรต่างๆ ซึ่งยังไปเป็นเครื่องมือให้คนเหล่านี้อยู่ได้ อย่างไรก็ตามทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ตนแต่อยู่ที่กระบวนการทางกฎหมายและโรดแม็พ แต่ในวันที่ 24 ก.พ. มีงานพระราชพิธี จึงต้องขยับออกไปอีก หากอยากเข้ามาก็ต้องยอมรับกติกาตรงนี้ได้ ทั้งนี้รัฐบาลรักษาการและรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มแตกต่างที่ไม่สามารถโยกย้ายข้าราบการโดยไม่จำเป็น หากไม่จำเป็นก็ไม่อยากย้ายและห้ามใช้งบประมาณโดยมีผลผูกพัน ซึ่งหากไม่จำเป็นก็ไม่ใช่ แต่บางอย่างมีความจำเป็น เช่นปี 2557 ไม่มีงบฯใช้ ไม่มีเงินจ่ายข้าราชการ ตนก็ต้องเข้ามาเร่งทำงบฯ 57 และ 58 ขณะเดียวกันรัฐธรรมนูญมาตรา 264 และ 265 ระบุไว้ว่า ให้นายกฯ และหัวหน้าคสช.อยู่ต่อจนมีรัฐบาลใหม่ ดังนั้นจะลาออกไม่ได้ หากนายกฯ ลาออก ครม.ก็ต้องออกทั้งหมด แล้วใครจะอยู่จัดงานและทำสิ่งที่ตนพูดมาทั้งหมด เข้าใจหรอไม่ ดังนั้นอย่ามาถามย้ำและไม่ต้องมาไล่ตน


You must be logged in to post a comment Login