- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 3 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
เปลี่ยนชื่อแชร์แต้ม
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 6 ก.พ. 62)
การแห่เปลี่ยนชื่อเป็น “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ของผู้สมัคร ส.ส. สังกัดพรรคเพื่อชาติ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าต้องการสื่อให้ประชาชนเห็นว่าพรรคเพื่อชาติไม่ได้เอาใจออกห่างจากตระกูลชินวัตรที่ยังมีฐานมวลชนให้การสนับสนุนเป็นจำนวนมาก เพื่อแก้เกมที่ถูกบางกลุ่มผลักให้ออกห่างจากความเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตย หลังแกนนำคนสำคัญอย่าง “จตุพร พรหมพันธุ์” เปลี่ยนแนวทางทำการเมืองแบบประนีประนอมมากขึ้น ทั้งนี้เพราะรู้ดีว่าหากระยะห่างจากตระกูลชินวัตรยิ่งเด่นชัดเท่าไรโอกาสได้แต้มยิ่งลดลงมากเท่านั้น
การเปิดรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. วันแรกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมามียอดรวมผู้สมัคร ส.ส.เขตทั่วประเทศ 5,831 คน พรรคที่ส่งผู้สมัคร ส.ส.เขตสูงสุด 10 อันดับแรกคือ พรรคประชาธิปัตย์ 341 เขต ตามมาด้วยพรรคพลังประชารัฐ 335 เขต พรรคเสรีรวมไทย 333 เขต พรรคอนาคตใหม่ 330 เขต พรรคภูมิใจไทย 325 เขต พรรครวมพลังประชาชาติไทย 310 เขต พรรคประชาภิวัฒน์ 297 เขต พรรคพลังท้องถิ่นไท 285 เขต พรรคเพื่อชาติ 283 เขต และพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 279 เขต
ยอดผู้สมัครข้างต้นถือว่าน่าสนใจ และประสบความสำเร็จตามจุดมุ่งหมายของผู้ร่างกติกาที่เขียนให้ทุกคะแนนเสียงมีค่า นำมาคิดคำนวณแบ่งโควตา ส.ส.บัญชีรายชื่อ จึงไม่แปลกที่จะเห็นพรรคการเมืองน้องใหม่ชื่อไม่คุ้นหูประชาชน แกนนำพรรคไม่ใช่คนเด่นดังหรือมีบทบาททางการเมืองมากนัก ส่งผู้สมัคร ส.ส.เขตจำนวนมาก ทั้งนี้ เพื่อหวังเก็บแต้มมาแชร์โควตาเก้าอี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อนั่นเอง
เรื่องที่สร้างความประหลาดใจให้สังคมในการเปิดรับสมัคร ส.ส. วันแรกคือ ในจำนวนผู้สมัคร ส.ส.เขตทั่วประเทศ 5,831 คน ปรากฏว่ามีคนชื่อ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ลงสมัครจำนวนมาก ซึ่งเป็นกลยุทธ์เรียกแต้มของผู้สมัคร ส.ส. จากพรรคเพื่อชาติ โดยผู้สมัครเพศชายเปลี่ยนชื่อเป็น “ทักษิณ” ขณะที่ผู้สมัครเพศหญิงเปลี่ยนชื่อเป็น “ยิ่งลักษณ์”
แม้พรรคจะปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคำสั่งหรือมติพรรคให้ผู้สมัครเปลี่ยนชื่อ เป็นความสมัครใจที่ผู้สมัคร ส.ส. ไปทำกันเอง แต่ในทางการเมืองการเปลี่ยนชื่อให้เหมือนอดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในใจประชาชนอย่าง “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ย่อมหวังผลต่อความนิยม
ทั้งนี้เพราะช่วงที่ผ่านมาแม้พรรคเพื่อชาติจะมีนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ แต่เวลาที่นักการเมืองบางกลุ่มแบ่งข้างการเมืองพูดเรื่องพรรคสนับสนุนประชาธิปไตย พรรคสนับสนุนเผด็จการ ในกลุ่มพรรคการเมืองที่สถาปนาตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตยไม่ค่อยมีใครเอ่ยชื่อพรรคเพื่อชาติเข้าไปรวมอยู่ด้วย
การแตกตัวมาทำพรรคเพื่อชาติของนายจตุพรพร้อมแนวทางการเมืองที่ประนีประนอมมากขึ้น ขณะที่แกนนำคนเสื้อแดงคนอื่นๆไปรวมตัวกันอยู่ที่พรรคไทยรักษาชาติ ทำให้เกิดคำถามในหมู่คนเสื้อแดงพอสมควรว่าแกนนำมีปัญหาขัดใจอะไรกันหรือไม่ เพราะคนที่เคยประกาศว่ามองตารู้ใจอย่าง “จตุพร-ณัฐวุฒิ” แยกกันไปอยู่คนละพรรค และพยายามเลี่ยงที่จะพูดถึงกันไม่ว่าแง่ไหนในช่วงที่ผ่านมา
เมื่อนายจตุพรแยกตัวออกมาทำพรรคการเมืองจึงทำให้เกิดภาพความเหินห่างจากตระกูลชินวัตรซึ่งมีฐานมวลชนขนาดใหญ่ให้การสนับสนุนอยู่
ระยะห่างจากตระกูลชินวัตรที่เกิดขึ้นย่อมมีผลกระทบต่อคะแนนเสียง ซึ่งต่างจากพรรคเพื่อไทยและพรรคไทยรักษาชาติที่มีภาพความใกล้ชิด 2 อดีตนายกรัฐมนตรีมากกว่า
การให้ผู้สมัคร ส.ส. เปลี่ยนชื่อเป็น “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ก็เพื่อทำให้มวลชนเข้าใจว่าพรรคเพื่อชาติไม่ได้เอาใจออกห่างจากตระกูลชินวัตร การส่งผู้สมัคร ส.ส.เขตวันแรกมากถึง 283 เขต ย่อมหวังแต้มมาแชร์โควตา ส.ส.บัญชีรายชื่อในเขตที่ประชาชนไม่ได้สนใจการเมืองอย่างลงลึกในรายละเอียด ไม่ได้ติดตามการเมืองอย่างใกล้ชิด เมื่อเห็นชื่อผู้สมัคร “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์”ประกอบกับชื่อผู้สนับสนุนพรรคคือนายจตุพรก็อาจเรียกแต้มจากคนกลุ่มนี้ได้
ทั้งนี้ทั้งนั้น การเปลี่ยนชื่อเป็น “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” มีจุดมุ่งหมายหลักคือกระชับพื้นที่ไม่ให้ถูกกันหรือถูกมองว่านายจตุพรและพรรคเพื่อชาติไม่ได้เป็นพรรคเครือข่ายของตระกูลชินวัตรนั่นเอง เพราะระยะห่างจากตระกูลชินวัตรยิ่งเด่นชัดเท่าไรโอกาสได้แต้มยิ่งลดลงเท่านั้น
You must be logged in to post a comment Login