- อย่าไปอินPosted 3 days ago
- ปีดับคนดังPosted 4 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 5 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 6 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 7 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
อนันดาฯ ควงมิตซุยลุยเปิดโครงการ38,000ล้าน
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทอนันดาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายครองตำแหน่งผู้นำในการพัฒนาที่อยู่อาศัยติดรถไฟฟ้าจากวิสัยทัศน์ที่คิดและทำเป็นรายแรกของเมืองไทยพร้อมเป็นองค์กรที่พัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง รวมทั้งมีการเตรียมความพร้อมและความยืดหยุ่นในการปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆได้อย่างเหมาะสมเพื่อสามารถขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จแบบแข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป ซึ่งจากความสำเร็จที่ผ่านมานั้น บริษัทมั่นใจว่ากลยุทธ์ที่ได้ดำเนินมาโดยตลอดเป็นสิ่งที่ถูกต้องโดยการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพบนทำเลศักยภาพสูงติดรถไฟฟ้า สามารถตอบสนองความต้องการของคนเมืองยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างฯ มาปรับใช้ในโครงการเพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเมืองให้ดียิ่งขึ้นในราคาที่สมเหตุผลและสามารถจับต้องได้ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังโดยการวางแผนทางการเงินอย่างรอบคอบตลอดเวลาพร้อมกระแสเงินสดในมือกว่า 13,000 ล้านบาทซึ่งสามารถนำไปลงทุนเพิ่มเติมเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต
ปี 2562 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจด้วยกลยุทธ์พัฒนาคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าโดยเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ซึ่งยังคงได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างบริษัท มิตซุย ฟูโดซัง จำกัดเป็นอย่างดีตั้งแต่เริ่มร่วมทุนในปี 2013 – จนถึงปัจจุบันทำให้บริษัทเป็นอันดับหนึ่งที่มีมูลค่าการร่วมทุนสูงที่สุดในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยนอกจากนี้ ยังมีแผนในการกระจายช่องทางรายได้โดยการเพิ่มพอร์ตจากธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ (Recurring Income) โดยอนันดาฯมองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจและเป็นการลงทุนที่มีรายได้ต่อเนื่องในระยะยาวจึงได้มีการเริ่มดำเนินโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ที่เป็นการจับมือกับพันธมิตรระดับโลกอย่างดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ดซึ่งเป็นอันดับหนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ระดับลักชัวรี่ชั้นนำของโลกโดยมีรางวัลจำนวนมากการันตีโดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ 5 โครงการ ได้แก่ Somerset Rama 9, Ascott Embassy Sathorn, AscottThonglor, LYF Sukhumvit 8 และ โครงการล่าสุด อยู่ระหว่างดำเนินโครงการ ณ ชายหาดพัทยากลาง
นอกจากนี้ในส่วนของกระแสเงินสดของบริษัทยังมีความแข็งแกร่งโดยมีนโยบายในการรักษาระดับเงินสดของกลุ่มรวมทั้งบริษัทร่วมทุนไว้ในระดับสูงกว่า13,000 ล้านบาท ทั้งยังได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งและต่อเนื่องจากสถาบันการเงินชั้นนำ และมีทางเลือกในการจัดหาแหล่งเงินทุนที่หลากหลายสามารถเลือกใช้ได้ตามสถานการณ์ และถึงแม้ว่าบริษัทจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังคงรักษาวินัยทางการเงินอย่างเข้มงวด โดยสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนไว้ภายใต้เป้าหมายที่ 1:1
ในปี 2561 บริษัทฯมีโครงการร่วมทุนเพิ่มขึ้น 5 โครงการ มูลค่ารวม 23,000 ล้านบาท คือ ไอดีโอ สาทร-วงเวียนใหญ่ ไอดีโอรัชดา-สุทธิสาร เอลลิโอ สาทร-วุฒากาศ ไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท อีสพอยท์ และโครงการคอนโดมิเนียมย่านสะพานควาย ทั้งยังร่วมพัฒนาโครงการร่วมกับมิตซุย ฟูโดซัง โดยการลงทุนในธุรกิจเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ 4 โครงการดังกล่าวมูลค่าการลงทุนทั้งหมด 10,000 ล้านบาท
บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาโครงการร่วมทุนเพิ่มขึ้น ด้วยมูลค่าโครงการร่วมทุนเกินกว่า 157,600 ล้านบาท ในปี 2562จากปี 61 ที่มีมูลค่า 128,000 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถรักษาตำแหน่งผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าโครงการร่วมทุนสูงที่สุดในประเทศ
บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการทำสถิติยอดขายใหม่ (นิวไฮ) การขายไปยังต่างประเทศจากโครงการใหม่และโครงการที่เปิดขายไปก่อนหน้า โดยมียอดขายถึง 10,000 ล้านบาท ในปี 2561 ซึ่งเติบโตขึ้นร้อยละ 4 จากปีก่อน
ในปี 2561 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จสูงเกินคาดจากแผนการดำเนินงานที่ตั้งไว้ โดยนับว่าเป็นปีที่บริษัทสามารถสร้างสถิติใหม่ในส่วนของยอดโอนเป็นสถิติสูงสุดถึง 33,000 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 120 จากปีก่อนหน้าและมียอดโอนในส่วนของลูกค้าต่างชาติที่สามารถทำสถิติสูงสุดเช่นกันที่ 6,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 300 จากปีก่อนหน้าในส่วนของแบ็คล็อค ณ สิ้นปี 2561 อยู่ที่ 41,000 ล้านบาทเพื่อรองรับการเติบโตของยอดโอนของบริษัทในระยะ 3 ปีข้างหน้าโดยปกติอัตราการขายคอนโดมิเนียมของบริษัทมีมากกว่า 90% ของสต๊อกซึ่งมีการขายภายในระยะเวลา3 ปีนับตั้งแต่การเปิดตัวโครงการ สอดคล้องกับในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้เกือบ 70% ของสต็อกประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียม และโครงการแนวราบกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะขายเพื่อรองรับและรักษาอัตราการเติบโตของธุรกิจ
บริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการใหม่ในปี 2562 จำนวน 10 โครงการ มูลค่ากว่า 38,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 42 โดยเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 8 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับมิตซุย ฟูโดซัง 7 โครงการ และโครงการแนวราบ 2 โครงการ โดยตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ14 อยู่ที่ 36,000 ล้านบาท จาก 31,500 ล้านบาท ในปีก่อน และตั้งเป้ายอดโอนเติบโตที่ร้อยละ 9 จากปีก่อนอยู่ที่ 36,000 ล้านบาท โดยในปี 2562 บริษัทฯ คาดว่ามีคอนโดมิเนียมที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอน 10 โครงการเพิ่มเติมจากในปี 2561 ซึ่งมีคอนโดมิเนียมใหม่ที่สร้างแล้วเสร็จ และเริ่มโอนกว่า 10 โครงการ
ในปีนี้บริษัทได้กำหนดทิศทางกลยุทธ์การตลาด โดยให้ความสำคัญกับ 3 สิ่งที่สำคัญ ได้แก่ 1.กลยุทธ์การบริหารจัดการโครงสร้าง และมาตรฐานของแต่ละแบรนด์สินค้า เพื่อให้มีจุดยืนที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละเซ็กเม้นท์ได้อย่างเหมาะสม ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ รูปแบบการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัย ที่มีความแตกต่างในด้านความสนใจ รสนิยม และ กำลังซื้อ ครอบคลุมตั้งแต่โครงการระดับพรีเมี่ยมจนถึงโครงการที่ราคาคุ้มค่า จับต้องได้ และตอบโจทย์ทุกด้านในการใช้ชีวิต Ashton (Accessible Luxury Condominium) แบรนด์ Top-Tier ของอนันดา ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์สุนทรียะของการอยู่อาศัย ใส่ใจในทุกรายละเอียด บนทำเลที่ดีที่สุด (Prime area) ของกรุงเทพ IDEO Q ( Premium Condominium ) โดดเด่นกับดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยโลเคชั่นใจกลางเมือง สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่มองหาที่อยู่อาศัยที่สะท้อนถึงความสำเร็จและความก้าวหน้าในชีวิต IDEO MOBI (Innovative Condominium) คอนโดที่เน้นการนำนวัตกรรมมาใช้ในการออกแบบ ให้มี Function การอยู่อาศัยที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น IDEO ( Mass Transit Condominium ) ที่อยู่อาศัยบนทำเลติดรถไฟฟ้า ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์พื้นที่ชีวิตที่ต้องการความสะดวก และสามารถใช้ชีวิตเต็มที่ในทุกด้าน Live-Work-Play ได้อย่างมีประสิทธิภาพ Elio (Value Condominium) คอนโดที่คุ้มค่า ราคาจับต้องได้ มีพื้นที่ส่วนกลางที่โดดเด่น เหมาะสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ และกำลังมองหาที่อยู่อาศัยเพื่อเริ่มต้นการใช้ชีวิต เช่นเดียวกันกับ Housing Brand Portfolios ที่มีการวางรากฐานของแบรนด์เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าตั้งแต่ระดับพรีเมี่ยมจนถึงโครงการที่ราคาคุ้มค่า ภายใต้แบรนด์ Artale (บ้านเดี่ยวหรู ใจกลางเมือง) , Airi (บ้านเดี่ยวสมัยใหม่ สไตล์มินิมอล) , Arden (ทาวน์โฮมดีไซน์โดดเด่น ทำเลเมือง) และ Atoll (บ้านเดี่ยวสำหรับครอบครัวรุ่นใหม่) เพื่อตอบโจทย์ความเป็น Urban Living Solutions ได้อย่างดีที่สุด
2. ขับเคลื่อนองค์กรและกลยุทธ์การตลาดด้วยแนวทางดิจิทัลเต็มรูปแบบ เชื่อมโยงสินค้าเข้าสู่ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด พร้อมมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับกลุ่มลูกค้าในช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะช่องทางดิจิทัลที่ในปัจจุบันสามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างใกล้ชิด รวมทั้งยกระดับการทำการตลาดดิจิทัลไปสู่อีกขั้นภายใต้ความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ระดับชั้นนำ
3.กลยุทธ์การเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ จะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าระดับกลางจนถึงพรีเมี่ยมภายใต้แบรนด์ ไอดีโอ, ไอดีโอ คิว และ แอชตัน ซึ่งโครงการที่นำมาเปิดขายในปีนี้ ทางบริษัทฯ มั่นใจว่า จะได้รับการตอบรับที่ดีเหมือนอย่างเช่นเคย และยังมีโครงการที่มีมูลค่าโครงการสูงสุดเท่าที่อนันดาฯ เคยพัฒนามา
สำหรับโครงการที่เป็นไฮไลท์ในปีนี้ ได้แก่ โครงการ ไอดีโอ คิว พหล-สะพานควาย ตั้งอยู่ติดกับรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสะพานควาย (0 เมตร) บนที่ดินขนาดประมาณ 5 ไร่ มีจำนวนห้องพักอาศัยทั้งหมด 1,114 ห้อง มูลค่าโครงการประมาณ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 อาคาร อาคารเอ มีจำนวนห้อง 396 ห้อง อาคารบี มีจำนวนห้อง 287 ห้อง และอาคารซี มีจำนวนห้อง 431 ห้อง ทั้งยังมีร้านค้าปลีก 5 ร้าน จุดเด่นของโครงการ คือ ติดรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสะพานควาย โดยมีคอนเซ็ปต์ในการพัฒนามาจาก Urban – Human – Nature (เมือง – คน -ธรรมชาติ) Urban – คือการเชื่อมต่อ 0 เมตรจากรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีสะพานควาย Human – คือการเป็นโครงการที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายของผู้อยู่อาศัย โดยจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สิ่งอำนวยความสะดวกประจำโครงการ, รูปลักษณ์โครงการ หรือ สังคมของผู้พักอาศัย ที่มุ่งเน้นถึงสุขภาพที่ดีของผู้อยู่อาศัย Nature – คือการผสมผสานธรรมชาติเข้าไปในรูปลักษณ์การดีไซน์ของตัวตึก โดยโครงการจะเปิด Presales กลางปีนี้ และ โครงการเซอร์วิส อพาร์ทเม้นต์ ณ ชายหาดพัทยากลางบนที่ดินขนาดประมาณ 4 ไร่ มีจำนวนห้องพัก 324 ห้อง มูลค่าโครงการเกือบ 2,000 ล้านบาท
You must be logged in to post a comment Login