วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

กกร.จี้ธปท.ดูแลบาทแข็งกระทบส่งออก

On February 6, 2019

นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันเอกชน (กกร.) ได้แก่ ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทยวันที่ 6 กุมภาพันธ์ จะหารือถึงภาพรวมเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่อง ทำให้ภาคเอกชนกังวลว่าจะกระทบขีดความสามารถในการส่งออก จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาทให้อยู่ในภาวะสมดุลสอดรับกับภูมิภาค ซึ่งปัจจุบันเงินบาทแข็งค่าขึ้นเฉลี่ย 31.24- 31.30 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ทำให้บางอุตสาหกรรมเริ่มได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะสินค้าภาคการเกษตรที่มีผลกำไรค่อนข้างต่ำ

ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่า การส่งออกและการท่องเที่ยวของไทยมีสัดส่วน 60-70% ของการเติบโตทางเศรษฐกิจ หากเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องจะกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม

นายทวี ปิยะพัฒนา รองประธานอาวุโส ส.อ.ท. กล่าวว่า รัฐบาลต้องดูแลภาพรวมทั้งหมด ให้ค่าเงินบาทอ่อนค่ามาอยู่ในจุดที่สมดุล ไม่แตกต่างกับค่าเงินในอาเซียนมากนัก

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ค่าเงินบาทมีอัตราการแข็งค่ามากกว่าประเทศคู่แข่งทางการค้าของไทย ทั้งอินโดนีเซียและเวียดนาม ฯลฯ ทำให้สินค้าอาหารแปรรูปเพื่อการส่งออกได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก จึงต้องการให้ภาครัฐที่มีหน้าที่ดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาทดูแลให้เกิดภาวะสมดุล

นายสมเกียรติ มรรคยาธร เลขาธิการสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปทุมไรซ์มิล แอนด์ แกรนารี กล่าวว่า ปัญหาเงินบาทแข็งค่าที่จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าว ทำให้ผู้ส่งออกบางรายขาดทุน เนื่องจากมีการซื้อสต๊อกข้าวในราคาสูงไว้ล่วงหน้า ขณะที่บางรายไม่ได้ทำประกันความเสี่ยงไว้ เพราะการทำประกันความเสี่ยงมีต้นทุนสูง ทำให้ราคาข้าวไทยแพงกว่าคู่แข่ง การซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรก็จะมีราคาลดลงตามกลไกตลาด ซึ่งขณะนี้ราคาข้าวสารหอมมะลิบรรจุถุง (5 กก.) ปรับขึ้นอยู่ที่ถุงละ 250 บาท จากปีก่อนถุงละ 230-240 บาท ซึ่งเป็นไปตามกลไกตลาด


You must be logged in to post a comment Login