วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

“ทักษิณ”แนะรับมือโลกยุคใหม่ด้วยเทคโนโลยีใหม่กับโมเดลธุรกิจที่ใช่

On February 11, 2019

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้จัดรายการ “Good Monday” รับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกกับ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ครั้งที่ 5 ในหัวข้อ “รับมือโลกยุคใหม่ด้วยเทคโนโลยีใหม่กับโมเดลธุรกิจที่ใช่” โดยระบุว่า

สวัสดีครับ พี่น้องที่เคารพรักครับ

วันนี้จะมาเล่าเรื่องการทำมาหากินโดยใช้เทคโนโลยีที่ผมไปเห็นไปเจอไปคุยมานะครับ

เรื่องแรกที่อยากจะเล่าก็คือ ผมไปเจอเด็กหนุ่มคนจีนคนหนึ่ง เขาบอกว่าเขาจบปริญญาเอกทางด้านโรบอทหรือหุ่นยนต์เนี่ยนะครับ และเขาสร้างหุ่นยนต์ 2 ประเภท หุ่นยนต์ประเภทหนึ่งเรียกว่าเป็นหุ่นยนต์บริการ กับอีกประเภทหนึ่งเขาเรียกหุ่นยนต์ขนส่ง เขาก็บอกว่าคือปรกติเนี่ยเทคโนโลยีมันถูกครึ่งเดียวนะ รูปแบบของการทำธุรกิจหรือ Business Model เป็นอีกครึ่งหนึ่ง ถ้าคุณมีเทคโนโลยี แต่ Business Model หรือรูปแบบการทำธุรกิจไม่ดีพอก็เจ๊งเหมือนกัน

เพราะฉะนั้นเด็กคนนี้เขามีความคิดที่ว่า ถ้าจะไปเช่าร้านเปิดซูเปอร์มาร์เกตต้องใช้พื้นที่เยอะ แล้วก็แพง ค่าเช่าแพง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองใหญ่ๆยิ่งแพงใหญ่ แกก็เลยมีความคิดว่า แกเอาคอนเทนเนอร์ลากไป แล้วเอาของซุูเปอร์มาร์เกตไปใส่ในคอนเทนเนอร์ เป็นตู้ลากใหญ่ๆ แล้วก็เอาของใส่คอนเทนเนอร์ ใส่ไปแล้วไปจอดตามลานจอดรถหรือตึกต่างๆ เท่ากับว่าไปเช่าที่จอดรถเพียง 7-8 คัน ก็ล็อกเอาคอนเทนเนอร์ไปตั้งไว้ เสร็จแล้วแกก็เปิดให้คนสั่งซื้อออนไลน์

ที่เมืองจีนคนใช้การสั่งซื้อของออนไลน์มาก แล้วก็จ่ายตังค์ทางออนไลน์มากเหลือเกิน บางครั้งซื้อข้าวแค่ประมาณ 40 บาท หรือ 8 หยวน ก็ใช้ออนไลน์ ใช้โทรศัพท์มือถือเราผ่าน WeChat ผ่าน AliPay บ้าง แป๊บเดียวเขาจ่ายเรียบร้อย คือคนจีนเนี่ยแทบจะไม่ใช้เงินสด แล้วใช้ออนไลน์เยอะที่สุด นี่เขาทำไง เขาเปิดร้านออนไลน์ แล้วก็จอด แล้วบอกให้คนในตึกหรือคนในบริเวณย่านนั้นรู้ว่ารถเขามาจอดที่นี่นะ มีสินค้าซูเปอร์มาร์เกต สินค้าอาหารทั้งหลาย อาหารแห้ง อาหารสด ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์อะไรเนี่ยมีมาจอด

เสร็จแล้วคนก็สั่งทางออนไลน์เลยครับ สั่งว่าจะเอาเนื้อหมู 2 กิโล เอาผักกวางตุ้ง ผักอะไร เขาจะบอกหมดเรียบร้อย พอสั่งเสร็จปุ๊บ เครื่องคอมพิวเตอร์เขาก็จะไปทำให้หุ่นยนต์เก็บว่าออเดอร์ที่ 1 ประกอบด้วยอะไรบ้าง เนื้อหมู 3 กิโล ผักกวางตุ้ง 2 กิโล เขาก็ไปหยิบๆๆ ตัวโรบอทที่บริการก็หยิบๆๆ เสร็จแล้วก็มาใส่ถุง โรบอทขนส่งก็จะหยิบถุงไปไว้ในกล่องที่เป็นกล่องรับ เอาไปหย่อนในกล่องที่เป็นของเขา มีอยู่กี่กล่องก็แล้วแต่ เขาวางให้คนมารับ พอกล่องหย่อนปุ๊บก็ปิด คนที่มารับก็จะได้รับรหัสทางมือถือนี่เลยครับ ส่งเป็นรหัสไปเลยว่า ของคุณอยู่กล่องที่ 1 นะ รหัสคืออย่างนี้ ถ้าคนอื่นมาถึงก็เอาไปไม่ได้เพราะไม่รู้รหัส ก็เอาไปก็ไม่ผิดตัว เพราะใครสั่งอะไรก็ได้รหัสอันนั้นออกไป ปรากฎว่าขายดิบขายดี เพราะไปบริการแล้วมันไปถึงที่ ไปใกล้บ้าน เสร็จแล้วก็ไม่ต้องไปเช่าร้านแพงๆ แล้วขายได้ถูก

ผมก็เลยมีความคิดว่า เอ๊ะ!!อย่างนี้ถ้าเรามาช่วยคนตัวเล็กตัวน้อยในเมืองไทยท่าจะดี เช่นว่าเอาของมาขายรวมกันอย่างนี้นะครับ หรือไม่ก็เป็นไอเดียว่าใครอยากทำธุรกิจแบบนี้น่าสนใจครับ ก็มี Service Robot กับมี Logistic Robot ที่เขาใช้กัน คือมีโรบอทด้านบริการและโรบอทด้านขนส่ง อันนี้มันเป็นทั้งเทคโนโลยีและ Business Model หรือว่ารูปแบบการทำธุรกิจที่มันสอดเข้ากับเวลาพอดีนะครับ

แต่โรบอทเนี่ย อย่าไปคิดว่าโรบอทจะมาแย่งงานเราทำนะ เราต้องใช้งานมัน เมื่อล่าสุดผมได้ข่าวว่าโรงแรมที่ญี่ปุ่น Lay off คือปลดระวางหุ่นยนต์ 20 กว่าตัว เพราะอะไร? มันล้าสมัยแล้ว เพราะฉะนั้นหุ่นยนต์ก็มีล้าสมัย คนก็เหมือนกัน คนก็มีว่าหมดความเชี่ยวชาญ ความเชี่ยวชาญไม่พอ ไม่ถึง หรืออายุมากไป เพราะฉะนั้นทุกคนต้องปรับตัว ต้องพัฒนาตัวเองหมดนะครับ แม้กระทั่งโรบอทยังไม่เหลือเลย เพราะฉะนั้นที่ผมเล่าให้ฟังก็เพราะว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจอันหนึ่งในเรื่องของการใช้โรบอทให้เกิดประโยชน์ และการเข้าใจหารูปแบบทางธุรกิจในช่องว่างที่เกิดขึ้นนะครับว่ามันแข่งขันกันไม่ได้เพราะว่าที่เช่ามันแพงก็ใช้วิธีนี้อะไรอย่างนี้นะครับ แล้วก็ใช้โรบอทเข้ามาช่วย มันก็เป็น Gimmick ที่ทำให้คนสนใจจะซื้อมากขึ้นนะครับ

อีกอันที่ไปเจอเขามาอีกรายหนึ่งก็คือ มีคนเกาหลีมาพบผมที่ดูไบ 2 คน เขาบอกว่าเขามีความเชี่ยวชาญเรื่อง Blockchain ซึ่งบล็อกเชนเนี่ยจริงๆแล้วมันก็เป็นเวอร์ชั่นอีกเวอร์ชั่นหนึ่งเหมือนอินเทอร์เน็ต อินเทอร์เน็ตเราเรียกว่า World Wide Web of Information แต่บล็อกเชนมันคือ World Wide Ledgers of Value นะครับ มันเป็นเรื่องที่จริงๆแล้วสรุปก็คือว่า อินเทอร์เน็ตมันมีมานาน แต่มันต้องผ่านตัวกลาง เช่น ธนาคารบ้างอะไรบ้าง เลยทำให้ตัวกลางรวยเอาๆ แล้วมันไม่กระจายรายได้เท่าที่ควร เขาเลยไปคิดบล็อกเชนขึ้นมา

บล็อกเชนเนี่ยมันเป็นอะไรที่ไม่ต้องผ่านตัวกลาง เป็นลักษณะที่เราติดต่อกันโดยตรง เพราะมันใช้ระบบคำนวณ ความจริงมันต้องมีเวลาอธิบายมากกว่านี้ แต่ว่าวันนี้ผมเอาสั้นๆแล้วกัน มันเป็นระบบที่มีการเข้ารหัสที่มีความปลอดภัยสูง เขาเลยใช้สำหรับเรื่องการเงิน เรื่องที่เป็นความลับพิเศษ เป็นเรื่องคน 2 คน ที่อยากจะเปิดเผยความลับต่อกันได้ คนอื่นไม่รู้เรื่อง เช่นว่าผมอยากจะจ่ายตังค์ให้นาย ก. นาย ก. ก็จะรู้ว่าได้รับเงินจากผม นาย ก. ก็ไม่ต้องมารู้เรื่องนาย ข. นาย ค. แต่ว่าวันหนึ่งนาย ก. อยากจะรู้เรื่องของนาย ข. ก็ตกลง เป็นเรื่องการดีล การตกลงกัน คือมันเป็นลักษณะที่เป็นความลับที่ไม่ผ่านตัวกลาง

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่อาลีบาบา แจ็ค หม่า เขาเคยไปแนะนำให้ที่รวันดา ประเทศในแอฟริกา ผลิตเม็ดกาแฟขึ้นมา ขายไม่ออก มีเม็ดกาแฟหลากหลาย ตอนหลังมาเขาก็แนะนำให้ใช้บล็อกเชนนี่แหละ ปรากฏว่าบล็อกเชนสามารถทำให้พวกเกษตรกรที่ปลูกกาแฟติดต่อโดยตรงกับผู้ซื้อเลยครับ ผู้ซื้อก็สั่งซื้อ แล้วบัญชีก็ทำกัน เพราะในนั้นมันจะมี Smart Contracts มีบัญชีมีอะไรพร้อมหมด มีสัญญาให้เสร็จในลักษณะของบล็อกเชนครับ

คนเกาหลีคนนั้นมาคุยกับผมว่าเขาชำนาญเรื่องการสร้าง Platform บนบล็อกเชน ผมก็แนะนำเขาไปว่า ถ้าคุณไม่มี Business Model ดีๆเนี่ย Blockchain ก็ไม่รู้จะ..คนที่มี Platform ตัวนี้ก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร เพราะฉะนั้นคุณต้องสร้าง Business Model ดีๆ ผมก็มาเห็นตัวอย่างอันหนึ่งที่รวันดาเนี่ยครับ เรื่องนี้ผมก็ได้พูดในรายการของผมไปแล้วครั้งหนึ่งว่า ต่อไปข้างหน้าคนทำสินค้าเกษตรสามารถขายสินค้าโดยตรงให้กับเชฟ Michelin star ที่ประเทศไหนก็ได้ ถ้าเขารู้ว่าเราผลิตของที่ถูกต้อง แล้วตกลงกันผ่านทางบล็อกเชน ไม่ต้องมีนายหน้าเลยนะครับ ก็ส่งของไปโดยวิธีการที่จ้างพวกบริษัทมืออาชีพ ส่งของส่งอะไรไปก็ตามกัน

บล็อกเชนถูกสร้างขึ้นมาแล้วก็ใช้กันในเรื่องของ Bitcoin คือ Bitcoin เนี่ยใช้ Platform ของบล็อกเชนนะครับ แล้วการคำนวณเขาละเอียดยิบยับ ทีนี้ตอนหลังมาคนก็มาถามว่า แล้วบล็อกเชนเนี่ยที่เขาใช้กันมากๆก็ใช้เรื่องของ.. เขาเรียกกันว่า Digital Money หรือ Cryptocurrency คือ Bitcoin เป็นตัวเริ่ม เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ในอนาคตจะเป็นลักษณะที่เป็นเงินสกุลที่อ้างอิงถึงทรัพย์สิน เช่นว่านักเศรษฐศาสตร์ของแบงก์ชาติอังกฤษก็เคยแนะนำว่า อังกฤษน่าจะออกเงินดิจิทัลหรือ Crypto Money ของตัวเอง โดยที่รัฐเป็นคนออกเอง และมีเหมือนกับออกธนบัตร แต่ออกแบบนี้เหมือนที่ผมเคยอธิบายไปครั้งหนึ่ง แล้ววันนั้นคนเกาหลีมา ผมก็แนะนำว่าทำไมคุณไม่ลองทำเกี่ยวกับเรื่อง Property เพราะที่ดูไบมีตึก มีห้องอพาร์ตเมนต์ มีบ้านเหลือเยอะเลย เพราะเขาสร้างเยอะ เพราะฉะนั้นถ้าเราใช้คอนเซ็ปต์ที่ว่าเอา Crypto Money แล้วก็ไปซื้อทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้มาโดยตีราคาดีๆ ถ้าราคาทรัพย์สินขึ้น ค่าเงิน ค่า Coin ก็จะขึ้นตาม พอขึ้นตามปุ๊บ ใครจะขายใครจะซื้อก็อยู่ในวงการนี้ แต่ว่าทั้งหมดนี่เป็น Platform ของบล็อกเชนที่ผมพูด อยากจะแนะนำว่าคนรุ่นใหม่ลองไปศึกษาบล็อกเชนดีๆ เพราะมันกำลังจะสร้างเศรษฐีใหม่ เหมือนกับตอนอินเทอร์เน็ตเปิดใหม่แล้วสร้างเศรษฐีใหม่บนอินเทอร์เน็ต ตอนนี้มันกำลังจะสร้างเศรษฐีใหม่บนบล็อกเชน

บล็อกเชนออกมาหลายปีแล้ว แต่จริงๆแล้วมันยังไม่กว้างขวาง เพราะคนยังไม่เข้าใจ คนไปติดอยู่กับอินเทอร์เน็ต ผมเลยแยกให้เห็นว่าอินเทอร์เน็ตเขาใช้สำหรับ Information แต่อันนี้ใช้สำหรับเรื่องการเงินการทองหรือสิ่งที่เป็นความลับพิเศษ เพราะความปลอดภัยของข้อมูลสูงมาก

ทีนี้ก็อยากจะเล่าว่า เมื่อเราจะหากินจากเทคโนโลยี ผมก็อยากเล่าประสบการณ์ให้ฟัง รู้ไหมว่าเทคโนโลยีมันมีการเสื่อม มีอายุการใช้งานเร็วกว่าที่เราคิด ยกตัวอย่างง่ายๆอย่างนี้ วันนี้ที่ประมูลกัน 4G ทั้งหลายหมดไปเป็นแสนๆล้าน แล้วก็จะต้องติดตั้งระบบอีกเป็นแสนล้านเหมือนกัน มันจะอยู่ได้อีกกี่ปี 5G กำลังออกแล้ว

เกาหลีและอเมริกาทดลองแล้ว แล้วก็จีนกำลังจะใช้ เพราะฉะนั้น 5G มันจ่อหลังแล้ว ถามว่า 4G จะใช้ได้อีกกี่ปี สมมุติว่า 4G ลงทุนไป 2 แสนล้าน ใช้ได้ 7 ปี 7 ปีนี่หักค่าเสื่อมได้ปีละสามหมื่นล้านแล้วก็ต้องทิ้ง แต่การทำบัญชีที่เขาเรียกว่า US ตาม US เนี่ย เขาบอกว่าหักค่าเสื่อมได้ 10 ปี แต่ของไทย GAAP หักค่าเสื่อมได้ 20 ปี นะครับ 20 ปีทางบัญชีนะ เราทำบัญชีหักค่าเสื่อม 10 ปีบ้าง หักค่าเสื่อม 20 ปีบ้าง แต่อายุการใช้งานของเครื่อง ของเทคโนโลยีมันล้าสมัยเร็ว เพราะฉะนั้นทางบัญชีดูกำไร แต่ข้อเท็จจริงแล้วไม่ได้กำไรอย่างที่คิด สมมุติว่าได้กำไร 2 แสนล้านใน 7 ปี แต่ค่าเสื่อมก็ดี ค่าทุกอย่างก็ดี หมดสภาพ มันต้องทิ้งของไปแล้ว 2 แสนล้านก็คือไม่กำไร แต่ทางบัญชีเนี่ยสมมุติว่าหัก 20 ปี มันก็กำไรอยู่ ทั้งๆ ที่ของมันเลิกใช้ไปแล้ว แต่จริงๆแล้วมันต้องลงทุนเพิ่มอีก

เทคโนโลยีใหม่ก็ลงทุนเพิ่มอีกนะครับ เลยอยากจะบอกว่าการลงทุนทางเทคโนโลยีนี่ต้องคิดให้ดีระหว่างค่าเสื่อมจริง เพราะว่าเทคโนโลยีล้าสมัยกับค่าเสื่อมทางบัญชีมันเขย่งกันอยู่ มันจะทำให้เราหลงทางไป นึกว่าธุรกิจมีกำไร แต่จริงๆแล้วไม่มีกำไร เพราะเงินขาดก็ไปกู้แบงก์ อันนี้ต้องระวังการทำธุรกิจทางด้านของเทคโนโลยีนะครับ

วันนี้คงเล่าให้ฟังแค่นี้ก่อนครับ แล้วคราวหน้าพบกันใหม่ครับ ขอบคุณมากครับ


You must be logged in to post a comment Login