วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

“เรืองไกร”ร้องศาลรธน.คัดค้านคำร้องกกต.ยุบทษช.

On February 14, 2019

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ เข้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้ไม่รับคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ขอให้มีคำสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติจากกรณีเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเข้าข่ายกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เนื่องจากเห็นว่า กกต. อาศัยเพียง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาใช้ในการลงมติ และมอบหมายให้นายทะเบียนมายื่นคำร้อง อาจจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะการพิจารณาของ กกต. จะต้องมีการไต่สวน สอบสวน ให้ผู้ถูกกล่าวหาใช้สิทธิชี้แจงแสดงหลักฐานตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง หมวด 2 การสืบสวน การไต่สวน และการดำเนินคดี และระเบียบ กกต. ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 แต่เมื่อไม่ดำเนินการย่อมอาจเข้าข่ายลักษณะกระทำการหรือละเว้นการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ ตามมาตรา 69 พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง และหากศาลรัฐธรรมนูญดำเนินกระบวนการพิจารณาต่อไปย่อมอาจขัดต่อหลักนิติธรรม ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง กำหนดไว้

นายเรืองไกรกล่าวว่า ด้วยการกระทำของพรรคเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งคำว่าปฏิปักษ์ตามความหมายในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน หมายถึง ฝ่ายตรงข้าม ข้าศึก ศัตรู ย่อมหมายความว่าพรรคไทยรักษาชาติอาจเป็นฝ่ายตรงข้าม หรือข้าศึก ศัตรู ต่อการปกครอง ซึ่งข้อเท็จจริงที่ กกต. นำมาพิจารณานั้น เป็นการตีความไปเองให้เกินเลยไปกว่าตัวหนังสือที่ปรากฏในพยานหลักฐาน

“คำร้องของ กกต. มีปัญหาไม่ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง หากมีการนำคำว่า “ปฏิปักษ์” ไปวินิจฉัยตีความให้เกินเลยไปกว่าตัวหนังสือที่ปรากฏในพยานหลักฐาน จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณามีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือจำหน่ายคดี ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 โดยเร็ว”

นายเรืองไกรมั่นใจว่า การยื่นคัดค้านในครั้งนี้จะได้รับการพิจารณาจากที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้นายเรืองไกรยังอ้างว่าในฐานะที่เป็นผู้สมัคร หากพรรคถูกยุบจะทำให้หมดสิทธิการลงสมัครรับเลือกตั้งทันที เนื่องจากไม่สามารถหาพรรคสังกัดได้ทัน


You must be logged in to post a comment Login