- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 3 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
บทพิสูจน์ กกต.
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 18 ก.พ. 62)
คดียุบพรรคไทยรักษาชาติที่เดินเรื่องอย่างรวดเร็ว หากมองในมุมบวกถือว่ามีผลดีต่อพรรคอยู่บ้าง เพราะไม่ว่าพรรคจะถูกยุบหรือไม่ถูกยุบก่อนวันเลือกตั้งก็จะเกิดความเสียหายไม่มาก ต่างจากคดีความของพรรคพลังประชารัฐที่มีผู้ไปยื่นเรื่องร้องเรียนให้ กกต. ตรวจสอบไว้จำนวนมาก แต่ไม่ชัดเจนว่าแต่ละเรื่องมีความคืบหน้าไปถึงไหนอย่างไร ความล่าช้าแม้จะทำให้พรรคพลังประชารัฐยังเดินหน้าหาเสียงได้ต่อไป แต่ถือว่าไม่ส่งผลดีทั้งพรรคพลังประชารัฐและ กกต. เพราะจะกระทบต่อความรู้สึกประชาชนผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง โดยเฉพาะกรณีร้องให้สอบยุบพรรคพลังประชารัฐฐานกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่เสนอชื่อหัวหน้าคณะรัฐประหารเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
เหรียญมีสองด้าน ทุกอย่างมีสองมุม
กรณียุบพรรคไทยรักษาชาติที่มองกันว่าปุ๊บปั๊บรับโชค เรื่องถูกส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญอย่างรวดเร็วจนถูกมองในมุมเร่งคดี อาจไม่มีความเป็นธรรม
แต่หากมองมุมกลับถือเป็นเรื่องดีกับพรรคไทยรักษาชาติ เพราะเมื่อเรื่องจบเร็ว ทุกอย่างมีความชัดเจนเร็ว ก็ทำให้ชีวิตเดินหน้าต่อไปได้ในทิศทางที่ถูกต้อง
ถ้าศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค ผู้สมัคร ส.ส. ก็ไม่ต้องเสียเงิน เสียเวลาลงพื้นที่หาเสียงกับประชาชน
หากศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่ยุบพรรค แม้การหาเสียงจะขาดตอนไปบ้าง แต่ถือว่ายังพอมีเวลาเหลือให้ทำคะแนนตีตื้นคืนมาได้
นี่คือมุมบวกของการพิจารณาคดีอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สอบสวนช้า ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีช้า เกิดไปตัดสินช่วงก่อนเลือกตั้งไม่กี่วันจะยิ่งเสียเปรียบ เสียหายไปกันใหญ่ ไม่ว่าผลคดีจะออกมาเป็นบวกหรือลบกับพรรคไทยรักษาชาติ
อย่างไรก็ตาม กกต. ที่มีหน้าที่ตรวจสอบ ตัดสินใจขั้นต้น ก็ควรจะคิดเร็วทำเร็วกับคดีความที่เกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐที่มีผู้ไปยื่นเรื่องเรียนจำนวนมากด้วยเช่นกัน
ถ้าเปิดดูจากไฟล์ข่าวเก่าๆจะพบว่า เรื่องที่มีคนไปยื่นให้ กกต. สอบเอาผิดพรรคพลังประชารัฐมีทั้งกรณีจัดเลี้ยงระดมทุนโต๊ะจีน เรื่องเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีขัดข้อบังคับพรรคตัวเอง เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ทำหนังสือตอบรับคำเชิญหลังกรรมการบริหารมีมติเสนอชื่อ
กรณีเอานโยบายประชารัฐของรัฐบาลมาตั้งเป็นชื่อพรรคที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดว่าผลงานรัฐบาลเป็นผลงานของพรรคการเมือง เรื่องถูกกล่าวหาว่าต้องสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อแลกกับการได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจน หรือกรณีข้อร้องเรียนให้ตรวจสอบว่านายอุตตม สาวนายน ไม่ได้เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคก่อนที่ที่ประชุมใหญ่ของพรรคจะมีมติให้เป็นหัวหน้าพรรค
ทั้งหมดเป็นเรื่องที่มีคนไปยื่นร้องให้ กกต. สอบมาพักใหญ่แล้ว ไม่รู้ว่าแต่ละเรื่องมีความคืบหน้าไปแค่ไหน อย่างไร
ที่เพิ่งยื่นใหม่สดๆร้อนๆกรณียื่นให้สอบยุบพรรคพลังประชารัฐจากกรณีมีบุคคลภายนอกครอบงำพรรค และกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่เสนอชื่อหัวหน้าคณะรัฐประหารเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรค นอกจากนี้ยังมีเรื่องร้องให้สอบ พล.อ.ประยุทธ์ที่อาจมีคุณสมบัติเข้าลักษณะต้องห้ามผู้ที่ถูกเสนอชื่อชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
จะเห็นว่ามีเรื่องร้องเรียนให้สอบพรรคพลังประชารัฐไปกองอยู่ที่ กกต. จำนวนมาก ทั้งเรื่องที่ร้องเรียนมานานแล้วและเรื่องที่ร้องเรียนเข้าไปใหม่ หลายคนอยากเห็นประสิทธิภาพการทำงานของ กกต. อยากเห็นความฉับไวเหมือนกรณีพิจารณายุบพรรคไทยรักษาชาติที่ลงมติส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินชี้ขาดยุบหรือไม่ยุบพรรคได้ภายในสัปดาห์เดียว
เรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐเปรียบเหมือนเผือกร้อนที่ กกต. ถือไว้ในมือ หากถือไว้นานเกินไปอาจทำให้มือพองได้ ทางที่ดี กกต. ควรรีบด่วนสรุปข้อร้องเรียนต่างๆให้เกิดความกระจ่าง จะชี้มูลความผิดหรือจะปัดเรื่องทิ้งเพราะเห็นว่าไม่ผิด พยานหลักฐานไม่เพียงพอ ก็เอาให้ชัดเจนเป็นเรื่องๆไป เพราะการตัดสินเร็วหรือช้าย่อมส่งผลต่อการเมืองและบรรยากาศของบ้านเมืองทั้งในวันนี้และวันข้างหน้าด้วย
กกต. ควรทำงานให้สมกับสถานะความเป็นองค์กรอิสระ และทำงานให้สมกับสโลแกนขององค์กรที่ว่า “สุจริต โปร่งใส และเที่ยงธรรม”
You must be logged in to post a comment Login