- เรื่องยังไม่จบPosted 1 day ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 2 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 6 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 7 days ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
- บทเรียนพระสายมูPosted 2 weeks ago
เวียดนามเตรียมต้อนรับผู้นำสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ
บีบีซีไทยรายงานว่า วันที่ 27-28 ก.พ. นี้ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จะเจรจากับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เป็นครั้งที่ 2 ขณะที่ทั่วโลกกำลังจับจ้องมาที่การเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์ครั้งนี้ ทว่านายคิมให้ความสนใจกับการพัฒนาของเวียดนาม ประเทศคอมมิวนิสต์ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดในครั้งนี้
ายงานของสื่อมวลชนบางแหล่งระบุว่า คิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนืออาจเดินทางมาเวียดนามโดยรถไฟ เพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ
ถ้าการเดินทางเช่นนั้นเกิดขึ้นจริง คาดว่าจะต้องใช้เวลาเดินทางอย่างน้อย 2 วัน และผู้นำเกาหลีเหนืออาจเดินทางไกลกว่า 3,000 กม. เพื่อไปถึงกรุงฮานอย แต่แผนการเดินทางของนายคิมมักถูกเก็บเป็นความลับสุดยอด
เมื่อการประชุมสุดยอดครั้งที่แล้วระหว่างผู้นำทั้งสองในสิงคโปร์ การเดินทางของเขาก็เป็นความลับเช่นกัน รู้แต่เพียงว่านายคิมจะเดินทางด้วยเครื่องบิน แต่ไม่รู้ว่าเขาจะขึ้นเครื่องบินลำไหน จนกระทั่งนาทีสุดท้าย
เวียดนามเป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบพรรคเดียว คือ พรรคคอมมิวนิสต์เหมือนกับเกาหลีเหนือ ทว่า ตั้งแต่ปี 1986 เวียดนามได้เปิดกว้างทางเศรษฐกิจ ทำให้เวียดนาม มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดประเทศหนึ่งในเอเชีย โดยธนาคารโลก ระบุว่า อัตราผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี ของเวียดนาม ในปีนี้ อาจจะเติบโตถึง 6.6%
พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ทำเรื่องนี้ได้ ขณะที่ยังคงควบคุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ ทางพรรคไม่อนุญาตให้มีกลุ่มต่อต้าน และยังรักษา “การเป็นผู้นำโดยตรงและเบ็ดเสร็จ” เหนือกองทัพและตำรวจ ขณะเดียวกัน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนล ระบุว่า พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้ “ปราบปรามผู้แข็งข้ออย่างไม่ลดละ”
ในดัชนีเสรีภาพสื่อโลก 2018 ที่จัดทำโดยองค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน (Reporters Without Borders) เวียดนามมีอันดับดีกว่าเพียงเกาหลีเหนือนับจากท้ายสุด แต่การเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดที่สำคัญ เป็นสัญญาณที่บอกว่า เวียดนาม ได้ก้าวมาไกลมาก นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเวียดนามในปี 1975 เศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และบทบาทที่สำคัญในเวทีโลก โดยที่ยังมีการควบคุมสังคมอยู่อย่างไม่ยอมหยุดยั้ง อาจจะทำให้นายคิมสนใจศึกษา
You must be logged in to post a comment Login