วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

เดินหมากแก้

On February 26, 2019

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 26 ก.พ. 62)

การออกหนังสือ “ประชารัฐ สร้างชาติ” นำเสนอประวัติ แนวคิด เหตุผลในการตัดสินใจยึดอำนาจเข้ามาบริหารประเทศ รวมถึงทิศทางนโยบายสำคัญ และผลงานการบริหารประเทศในช่วงที่ผ่านมาของ “ลุงตู่” เป็นการเดินหมากแก้ครั้งล่าสุดจากพรรคพลังประชารัฐ หลังจากการเปิดตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯสร้างกระแสตีกลับ จากที่เคยคิดว่าจะสร้างจุดเด่นกลับเป็นจุดด้อย เป็นตำบลกระสุนตกให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีตัดคะแนน น่าติดตามว่าการเดินหมากแก้ครั้งนี้จะให้ผลอย่างที่ต้องการหรือไม่

แม้นักกฎหมายที่ออกมาเปิดประเด็นจะเอ่ยปากขอโทษโดยอ้างว่าจำข้อกฎหมายผิด แต่การยื่นยุบพรรคอนาคตใหม่ที่เว็บไซต์พรรคลงประวัติหัวหน้าพรรคอย่างนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผิดพลาดก็ถูกส่งเรื่องถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ผู้ยื่นร้องให้ กกต. ยุบพรรค เชื่อว่าอาจเป็นการจงใจหรือเจตนาที่จะหลอกลวงผู้มีสิทธิเลือกตั้งหรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง อันเข้าข่ายข้อห้ามตามมาตรา 73 (5) ของ พ.ร.ป.การเลือกตั้ง 2561 ที่บัญญัติห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่นเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งผู้ฝ่าฝืนอาจมีความผิดตามมาตรา 159 ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาท ถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และศาลจะสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 20 ปีด้วย

เพื่อไม่ให้เสียเที่ยว การยื่นคำร้องครั้งนี้ยังพ่วงให้ กกต. สอบกรณีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัวเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562 ด้วยข้อความในลักษณะใส่ร้ายด้วยความเท็จหรือไม่ว่า “รัฐจากส่วนกลางจับมือกับสื่อมวลชนบางกลุ่มผลิตสื่อเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้คนอีสานเป็นคนตลก ไม่มีความรู้” อันมีความผิดตามมาตรา 73 (5) ของ พ.ร.ป.การเลือกตั้ง 2561 ซึ่งความผิดทั้ง 2 กรณีสามารถยุบพรรคได้

เมื่อมีคนยื่นเรื่องแล้ว กกต. ก็ต้องรับดำเนินการต่อไปตามขั้นตอน ต้องตามดูกันว่าจะได้ข้อสรุปเมื่อไรและอย่างไรจาก กกต. ซึ่งเป็นองค์กรสอบสวนเบื้องต้น

ข้ามไปที่พรรคพลังประชารัฐ หลังจากเปิดตัว “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพียงหนึ่งเดียว จนกลายเป็นตำบลกระสุนตก เป็นเป้าโจมตีของพรรคการเมืองตรงข้าม และนับวันยิ่งดูเหมือนว่ากลายเป็นจุดอ่อนมากกว่าจุดแข็งในการชูหาเสียงโกยคะแนนจากประชาชน

ล่าสุดพรรคพลังประชารัฐแก้หมากการเมืองด้วยการเปิดตัวหนังสือ “ประชารัฐ สร้างชาติ” นำเสนอประวัติ แนวคิด เหตุผลในการตัดสินใจยึดอำนาจเข้ามาบริหารประเทศ รวมถึงทิศทางนโยบายสำคัญ และผลงานการบริหารประเทศในช่วงที่ผ่านมาของ “ลุงตู่”

หนังสือหนา 157 หน้า จัดพิมพ์ 10,000 เล่ม โดยจะแจกให้กับผู้สมัคร ส.ส. และทีมงานผู้สมัคร ส.ส. เพื่อใช้ในการรณรงค์หาเสียง

นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า จัดพิมพ์หนังสือขึ้นมาเพื่อให้ผู้สมัคร ส.ส. มีข้อมูลตัวตนของ พล.อ.ประยุทธ์ และสิ่งที่ทำมาตั้งแต่ก่อนมาเป็นนายกฯ ไม่ใช่จัดทำเพื่อนำนายกฯมาหาเสียง เพราะไม่ได้มีการแจกจ่ายทั่วไปหรือวางขาย ต้นทุนการพิมพ์เล่มละ 100 บาท ซึ่งรวมอยู่ในค่าใช้จ่ายในการหาเสียง เพื่อให้ผู้สมัคร ส.ส. และตัวแทนของพรรคแต่ละพื้นที่นำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้อง นโยบาย คนที่พรรคเสนอให้เป็นนายกฯ ไปนำเสนอกับประชาชน

ทั้งนี้ “ลุงตู่” ได้ตรวจเนื้อหาทั้งหมดด้วยตัวเองก่อนที่จะมีการเผยแพร่และตีพิมพ์ และได้รับมอบหนังสือดังกล่าวจากพรรคแล้ว โดยแบ่งเนื้อหาเป็น 5 บท ประกอบด้วย บทที่ 1 : ล้มลุกคลุกคลาน ว่าด้วยเหตุผลที่ต้องรัฐประหาร บทที่ 2 : ยืนหยัดอย่างมั่นคง ว่าด้วยสรุปผลงานช่วงแรก เช่น แก้ปัญหาจำนำข้าวที่ค้างจ่ายชาวนา 800,000 ราย วงเงินกว่า 92,000 ล้านบาท บทที่ 3 : บุรุษที่ใช่ ว่าด้วยการทำงาน-การลงพื้นที่ บทที่ 4 : คืนความสุข ว่าด้วยผลงานและนโยบายสำคัญ บทที่ 5 : เปิดปูมชีวิตสู่ความสำเร็จ ว่าด้วยประวัติตั้งแต่วัยเด็กจนถึงช่วงเป็นนายกฯ และการตัดสินใจลงสนามการเมือง

เนื้อหาโดยรวมก็เหมือนหนังสือชีวประวัติทั่วไป ประเด็นอยู่ที่ว่าเมื่ออ่านแล้วทำให้เกิดความศรัทธาต่อ “ลุงตู่” ตามความต้องการได้หรือไม่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดพิมพ์หนังสือครั้งนี้ไม่ได้แจกจ่ายเป็นการทั่วไป แต่แจกให้ผู้สมัคร ส.ส. และทีมงานเอาไปอ่านเพื่อนำไปถ่ายทอดกับประชาชนอีกต่อหนึ่ง ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าคะแนนนิยมไม่อาจได้มาด้วยการเล่าประวัติใครให้ประชาชนฟัง

แต่จะได้มาก็ต่อเมื่อนำเสนอนโยบายที่โดนใจ จับต้องได้ ที่สำคัญต้องทำได้จริง ถ้าเคยทำให้เห็นมาแล้วยิ่งดีเข้าไปใหญ่ เหมือนกับที่พรรคเพื่อไทยยังกินบุญเก่าจากนโยบายและผลงานที่พรรคไทยรักไทยทำไว้กว่า 10 ปีมาแล้วนั่นเอง


You must be logged in to post a comment Login