- “ทักษิณ” ยังมีมนต์ขลังPosted 11 hours ago
- อย่าไปอินPosted 4 days ago
- ปีดับคนดังPosted 4 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 5 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 7 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 1 week ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 2 weeks ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 2 weeks ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
“เรืองไกร”ยื่นกกต.ส่งศาลวินิจฉัย”พล.อ.ประยุทธ์”เป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ยื่นหนังสือถึง กกต. เพื่อขอให้ กกต. ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 98 ที่ระบุว่า บุคคลที่มีลักษณะดังต่อไปนี้เป็นบุคคลต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ซึ่งใน (15) ระบุไว้ว่า เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ
นายเรืองไกรกล่าวว่า การที่พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ตนมองว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้ติดใจ แต่การเป็นหัวหน้า คสช. มองว่าจะเข้าข่ายเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่ อีกทั้งหลายฝ่ายเข้าใจว่าหัวหน้า คสช. นั้นเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ แต่ก็มีข้อโต้แย้งอยู่บ้างตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่าเป็นเพียงตำแหน่งชั่วคราว จึงอยากให้เกิดความชัดเจนว่าข้อยุติเป็นอย่างไร
นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า เมื่อปี 2543 กกต. เคยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐมาแล้ว ซึ่งศาลวินิจฉัยไว้ส่วนหนึ่งว่า ตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ดังนั้น ตำแหน่งหัวหน้า คสช. จึงอาจเทียบเคียงกับตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบ เนื่องจากหัวหน้า คสช. ได้รับเงินเดือน 75,590 บาท เป็นเงินอัตราเดียวกับประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อีกทั้งได้เงินเพิ่มอีก 50,000 บาท อย่างนั้นแล้วถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ถือว่ารับเงินเกิน 3,000 บาทหรือไม่ ดังนั้น หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ พล.อ.ประยุทธ์จะอธิบายได้อย่างไร
“นายวิษณุลองตอบให้ชัดๆ ท่านจะใช้ความรู้กฎหมายใดมาตอบก็ไม่ว่า เรื่องอภินิหารทางกฎหมายเราเก่งกันหลายคน แต่ในฐานะที่ผมเป็นนักตรวจสอบ มองประเด็นดังกล่าวว่าเป็นปัญหาใหญ่ พอถึงเวลาเราไม่ได้ข้อยุติ แล้วบังเอิญว่าพรรคพลังประชารัฐได้คะแนนเสียงจนตั้งรัฐบาลได้ แล้วมีการเสนอชื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ วันนั้นผมก็รอซัดอีกหนึ่งดอก จะรอให้ถึงวันนั้นไหม ฉะนั้นวันนี้ กกต. ไม่ควรอยู่เฉย ควรจะรีบส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญไปวินิจฉัยโดยเร็ว เพื่อความสง่างามในการทำงานในรัฐสภา ซึ่งประเด็นนี้คนที่จะตัดสินได้คือศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ผมหรือ พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงคนในพรรคพลังประชารัฐ” นายเรืองไกรกล่าว
You must be logged in to post a comment Login