วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ขยับ2ก้าวเข้าเส้นชัย

On March 5, 2019

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 5 มี.ค. 62)

แม้จะมีคดีความพะรุงพะรังพันแข้งพันขาแต่คงไม่อาจฉุดรั้งพรรคพลังประชารัฐได้ ล่าสุดเคลียร์สถานะ “บิ๊กตู่” แล้วว่าการเป็นข้าราชการการเมืองได้รับการยกเว้นตามกฎหมายให้ถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯได้ จากนี้ไปเดินหน้าเรียกคะแนนเต็มที่ด้วยการเดินหมากคู่ขนานทำลายเสียงฝ่ายตรงข้ามเติมคะแนนให้ฝ่ายตัวเอง โดยมีทีเด็ดอยู่ที่การขึ้นเวทีปราศรัยและลงพื้นที่หาเสียงของ “บิ๊กตู่” ที่คาดว่าทุกที่จะเต็มไปด้วยประชาชนที่มาห้อมล้อมต้อนรับเพื่อให้ได้ภาพว่าเป็นที่ยอมรับและเป็นรักของประชาชน ไม่ได้เป็นผู้นำที่ประชาชนร้องยี้เหมือนที่ฝ่ายตรงข้ามสร้างภาพให้

รับแล้วจ้า….

คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับเรื่องสอบเอาผิดนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่กรณีเว็บไซต์พรรคลงประวัติผิดพลาดตามคำร้องของนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยเข้าสู่ระบบการพิจารณาแล้วโดยเชิญผู้ร้องไปให้ข้อมูลเพิ่มเติมวันพุธที่ 6 มี.ค.นี้ เวลา 14.00 น. ที่สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการ อาคาร B

ส่วนคดีความมากมายที่มีผู้ร้องให้สอบพรรคพลังประชารัฐและ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่แน่ใจว่ามีการเรียกผู้ยื่นคำร้องไปให้ข้อมูลเพิ่มเติมบ้างหรือยัง บางเรื่องที่บอกว่าขอเวลาหนึ่งถึงสองสัปดาห์ก็ไม่รู้ว่าถึงตอนนี้ครบหนึ่งถึงสองสัปดาห์ที่ขอเวลาเอาไว้หรือยัง

การทำหน้าที่ของ กกต.เป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูกันต่อไปแบบยาวๆ

ข้ามมาที่เรื่องคุณสมบัติของ “บิ๊กตู่” ที่เป็นประเด็นร้อนมาพักใหญ่ว่าขาดคุณสมบัติการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่เพราะว่ามีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐตามข้อห้ามของกฎหมาย

หลังจากปล่อยให้เถียงกันไปมาอยู่พักใหญ่ว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่

ล่าสุดมีคำอธิบายดีๆของมาจากฝ่ายคุมอำนาจแล้วโดยยอมรับว่า “บิ๊กตู่” เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่สามารถได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ เพราะว่าได้รับการยกเว้นตามรัฐธรรมนูญเนื่องจากเป็นข้าราชการการเมือง ตามที่ระบุเอาไว้ในใบยินยอมให้เสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ

สรุปคือถึงจะขัดแต่ได้รับการยกเว้น..จบนะ

เข้าใจว่าหลังจากที่มีคำอธิบายดีๆออกมาอย่างนี้แล้ว กกต.ก็คงจะตีตกเรื่องที่มีคนไปร้องให้สอบว่า “บิ๊กตู่” ขาดคุณสมบัติการถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่

เหลือเพียงเคลียร์เรื่องที่เกี่ยวกับพรรคพลังประชารัฐโดยตรง เช่น เรื่องจัดเลี้ยงโต๊ะจีนระดมทุน เรื่องหัวหน้าพรรคได้รับโหวตให้นั่งเก้าอี้ก่อนที่จะเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งคงต้องใช้เวลาพิจารณากันอีกพักใหญ่ๆ

ดูตามรูปการณ์ แล้วมีความเป็นไปได้ว่าผลน่าจะออกหลังเลือกตั้ง เพราะถ้าจำจนด้วยหลักฐานทำให้ต้องยุบพรรคส.ส.ที่ได้รับการเลือกตั้งก็ยังสามารถโยกย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นได้

เมื่อสถานการณ์เป็นไปอย่างนี้จึงไม่เห็นภาพความวิตกกังวลใดๆ ออกมาจากแกนนำพรรคพลังประชารัฐ

ตรงกันข้ามกลับมีแต่ความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะตามการคาดการณ์ล่าสุดจากกติกาที่เอื้ออำนวยน่าจะทำให้ได้จำนวนส.ส.ทะลุเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้

ในจำนวนส.ส.เขตนั้นน่าจะเป็นไปตามเป้าคืออยู่ที่ 60 เสียงบวกลบ แต่ที่จะได้มากคือส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่จะมาบวกเพิ่มให้ได้ส.ส.ทะลุ 100 เสียงโดยจะเข้าเส้นชัยมาเป็นลำดับที่สามร้องจากพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์

ถ้าเป็นไปตามนี้ภารกิจดัน “บิ๊กตู่” เป็นนายกรัฐมนตรีก็ไม่ไกลเกินเอื้อม

แต่เพื่อให้โจทย์ง่ายกว่านี้ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ตั้งแต่สุดสัปดาห์นี้เป็นต้นไปน่าจะมีการปล่อยหมัดเด็ดออกมาเป็นระยะเพื่อเรียกคะแนนเสียง

หมากเด็ดที่ว่าน่าจะเดินคู่ขนานกันไประหว่างสร้างความวิตกให้ประชาชนว่าถ้าเลือกแบบเดิมสถานการณ์บ้านเมืองก็จะกลับไปเป็นแบบเดิมคือเต็มไปด้วยความขัดแย้งวุ่นวาย เหมือนกับที่พูดว่าเลือกเราไม่มีระเบิด เลือกเราไม่มีปฏิวัติ กับออกนโยบายลดแลกแจกแถม ซึ่งที่ผ่านมาปล่อยมาแล้วหลายนโยบายทั้งมารดาประชารัฐ นโยบายพยุงราคาข้าวบวกเงินค่าเก็บเกี่ยวซึ่งถูกวิจารณ์ว่าไม่ต่างจากการรับจำนำข้าว

ที่สำคัญคือการเอา “บิ๊กตู่” ลงพื้นที่ช่วยหาเสียง โดยมีกระแสข่าวว่าที่แรกที่จะปรากฏตัวปราศรัยจะมีคนแห่มาฟังกว่าครึ่งล้านเพื่อให้ได้ภาพว่าเป็นที่ยอมรับและเป็นรักของประชาชน

ไม่ได้เป็นผู้นำที่ประชาชนร้องยี้เหมือนที่พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามสร้างภาพให้


You must be logged in to post a comment Login