วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

แนะธุรกิจปรับตัวพฤติกรรมท่องเที่ยวจีนเปลี่ยน!

On March 11, 2019

Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์รายงานรูปแบบและพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนจีนเริ่มเปลี่ยนไป นับตั้งแต่ที่รัฐบาลจีนอนุญาตให้ประชาชนสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศได้อย่างอิสระในปี 2011 ส่งผลให้จำนวนทริปที่คนจีนเดินทางออกไปยังต่างประเทศ (ไม่รวมฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน) ในปี 2018 เพิ่มขึ้นถึงเกือบ 3 เท่าตัวหรือจากราว 24
ล้านทริปในปี 2011 เป็น 69 ล้านทริป ณ สิ้นปี 2018 ประกอบกับความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และการเกิดขึ้นของสื่อออนไลน์ ซึ่งช่วยให้ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวเป็นที่แพร่หลาย และเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ช่วยส่งเสริมให้คนจีนจำนวนหนึ่งเกิดความคุ้นเคยกับการท่องเที่ยวในต่างประเทศ นอกจากนี้รายได้ของคนจีนที่เติบโตสอดคล้องกับเศรษฐกิจที่ขยายตัวในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบและพฤติกรรมการท่องเที่ยวทั้งในกลุ่มคนจีนวัยกลางคน และกลุ่มคนจีนรุ่นใหม่เช่นเดียวกับกระแสการเปลี่ยนแปลงรูปแบบและพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ ทั่วโลก

คนจีนวัยกลางคนเริ่มเปลี่ยนแปลงรูปแบบการท่องเที่ยวจากกรุ๊ปทัวร์ขนาดใหญ่เป็นกรุ๊ปทัวร์ที่เล็กลงและยืดหยุ่นมากขึ้น ผลสำรวจของ McKinsey เปิดเผยว่า กลุ่มคนจีนอายุ 35 ปีขึ้นไปเริ่มสนใจการท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ที่สามารถออกแบบได้ด้วยตนเอง (Private & customized tour) ซึ่งมักจะมีลักษณะที่เฉพาะเจาะจงมาก เช่น ทัวร์ท่องเที่ยวขั้วโลกเหนือ ทัวร์ปีนเขาเอเวอเรสต์ ทัวร์ซาฟารีในแอฟริกา ทัวร์ที่เน้นทานอาหารมื้อหรูในร้านระดับ Michelin Star และชิมไวน์ที่มีชื่อเสียง ทัวร์เจาะลึกด้านสถาปัตยกรรม ฯลฯ กรุ๊ปทัวร์ลักษณะนี้มักเกิดจากความต้องการท่องเที่ยวเฉพาะในกลุ่มเพื่อนฝูงหรือครอบครัว ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่อกรุ๊ปไม่มากนักและมีราคาสูง ทั้งนี้ สถิติของ Ctrip ระบุว่า แพ็กเกจทัวร์ที่ลูกค้าออกแบบ และปรับแต่งผ่านบริการของ Ctrip จะมีราคาสูงกว่าราคากรุ๊ปทัวร์รูปแบบทั่วไปอย่างน้อย 23% และถือเป็นตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในจีน ตรงข้ามกับตลาดกรุ๊ปทัวร์ทั่วไปที่กำลังหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง

ในขณะเดียวกันคนจีนรุ่นใหม่เริ่มนิยมจ้างไกด์ท้องถิ่นเพื่อเสาะหาประสบการณ์แปลกใหม่
ผลสำรวจเดียวกันจาก McKinsey ยังชี้ให้เห็นอีกว่า คนจีนอายุระหว่าง 20-34 ปี นิยมเลือกจุดหมายปลายทาง จอง
ที่พัก และตั๋วเครื่องบินด้วยตนเอง แต่จะเสาะหากิจกรรมหรือแหล่งท่องเที่ยวที่แปลกใหม่ในจุดหมายปลายทางนั้นผ่านสื่อออนไลน์ จากนั้นจึงจ้างไกด์ท้องถิ่นเพื่อให้นำเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวที่ตนเองสนใจแบบเจาะลึกควบคู่กับการช่วยแก้ปัญหาด้านการสื่อสารเนื่องจากคนจีนส่วนใหญ่ยังไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว หรืออาจเลือกซื้อแพ็กเกจทัวร์ที่ตนเองสนใจจากบริษัททัวร์ท้องถิ่นเพื่อหาแหล่งท่องเที่ยวที่แปลกใหม่มากขึ้นได้เช่นกัน ทั้งนี้ในปัจจุบันมีบริษัทนำเที่ยวและมัคคุเทศก์อิสระจำนวนมากที่ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวในลักษณะนี้ รวมถึงมีธุรกิจ Startup หลายรายที่สร้างแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อแพ็กแกจกิจกรรมที่ตนเองสนใจจากคนในชุมชนท้องถิ่นได้โดยตรง เช่น LocalAlike, TakeMeTour หรือ Airbnb Experience ซึ่งถือเป็นช่องทางที่ช่วยกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวไปยังชุมชนท้องถิ่นได้อีกทางหนึ่ง

ภาคการท่องเที่ยวไทยควรปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจีน บริษัทนำเที่ยวขนาดใหญ่อาจปรับเปลี่ยนหรือขยายรูปแบบการดำเนินธุรกิจเพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่ โดยการนำเสนอกิจกรรมหรือแหล่งท่องเที่ยวที่แปลกใหม่และน่าสนใจในแพ็กเกจทัวร์ ซึ่งอาจเน้นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่ชื่นชอบ เช่น กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาหาร การเดินชมตลาดและวิถีชีวิต รวมถึงการได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนท้องถิ่น เป็นต้น นอกจากนี้ธุรกิจที่พึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ขนาดใหญ่อาจขยายฐานลูกค้าและกระจายความเสี่ยงไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่ที่นิยมหาข้อมูล และวางแผนการท่องเที่ยวด้วยตนเองผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งต้องใช้วิธีการทำการตลาดที่ต่างออกไปจากเดิมเพื่อให้เข้าถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เช่น การโปรโมทสินค้าหรือแหล่งท่องเที่ยวผ่าน Influencer หรือ blogger ที่มีชื่อเสียงในกลุ่มวัยรุ่นชาวจีน การฉายคลิปโฆษณาผ่านแพลตฟอร์ม การแชร์วิดีโอออนไลน์ของจีน เป็นต้น ในขณะเดียวกันชุมชนท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าสนใจก็สามารถสร้างธุรกิจจากจุดเด่นของตนเพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยว และรับประโยชน์จากกระแสการเปลี่ยนพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนจีนได้เช่นกัน


You must be logged in to post a comment Login