- “ทักษิณ” ยังมีมนต์ขลังPosted 1 day ago
- อย่าไปอินPosted 4 days ago
- ปีดับคนดังPosted 5 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 6 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 1 week ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 1 week ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 2 weeks ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 2 weeks ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
โปรดเกล้าฯตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพ.ศ.2562
ที่ตึกสันติไมตรีหลังนอก นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานแถลงข่าวแบบตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 โดยกล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานตราสัญลักษณ์พร้อมความหมาย โดยรัฐบาลขอเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชน ตั้งโต๊ะหมู่บูชาประดิษฐานพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมเครื่องสักการะ และขอเชิญชวนประดับตราสัญลักษณ์ตามอาคารสถานที่และบ้านเรือน เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณโดยพร้อมเพรียงกัน และเพื่อให้ถูกต้องตามประเพณี ตามกฎหมาย มีความสง่างามสมพระเกียรติ โดยปรกติเวลามีพระราชพิธีสำคัญจัดเป็นงานใหญ่ทั่วประเทศและในต่างประเทศจำเป็นต้องมีศูนย์รวมให้รู้ว่าเป็นพิธีเดียวกัน นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าตราสัญลักษณ์ เมื่อบัดนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ระหว่างวันที่ 4-6 พฤษภาคม เมื่อได้ทรงพิจารณาโปรดเกล้าฯ รัฐบาลจึงได้กราบบังคมทูลสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประธานที่ปรึกษา เห็นพ้องต้องกันว่าสมควรกราบบังคมทูลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบให้มีตราสัญลักษณ์ในพระราชพิธีนี้ โดยมอบหมายให้ศิลปินหลายท่านออกแบบ ช่วยกันพิจารณาในที่ประชุมจาก 7-8 แบบ ก่อนจะนำขึ้นกราบบังคมทูลให้ทรงมีพระราชวินิจฉัย และบัดนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปรับปรุงจนได้แบบที่ตรงตามพระราชวินิจฉัย โดยมีพระราชานุญาตให้รัฐบาลทำขึ้นเป็นต้นแบบเพื่อให้หน่วยงานต่างๆนำไปใช้ประดับในห้วงเวลาตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 4 พฤษภาคม 2563
อย่างไรก็ตาม ตราสัญลักษณ์นี้จะปรากฏใน 6 แห่งคือ
1.เครื่องใช้ในพระราชพิธีคนโทน้ำ จาก 108 แห่งทั่วประเทศ
2.การทำซุ้ม
3.ธงสัญลักษณ์
4.เสื้อ หรือหมวก
5.เข็มตราสัญลักษณ์
6.การนำสัญลักษณ์ไปใช้ โดยไม่อนุญาตให้นำไปใช้ประดับในแก้วน้ำ ขวดแก้ว จาน ชาม ช้อน แจกัน เหยือกน้ำ กำไล จี้ กล่องบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น เว้นแต่สิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยการนำไปเผยแพร่ในรูปของแผ่นพับหรือสติ๊กเกอร์จะต้องใช้สีที่ถูกต้องตามต้นแบบ และขอเชิญชวนประชาชนร่วมแต่งกายด้วยเสื้อสีเหลืองพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศในวันที่ 6 พฤษภาคม
นายวิษณุกล่าวว่า สำหรับหน่วยงานของรัฐ องค์กรภาคเอกชน มูลนิธิ สมาคม ชมรม หรือบริษัท ห้างร้าน ที่มีความประสงค์จะเชิญตราสัญลักษณ์ไปประดับหรือประดิษฐาน ให้มีหนังสือแจ้งความประสงค์พร้อมแบบคำขอใช้ตราสัญลักษณ์ไปที่ คณะอนุกรรมการฝ่ายกลั่นกรองการขอใช้ตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300 โทร.0-2283-4228-9 โทรสาร 0-2283-4248-9 ระหว่างวันที่ 13 มีนาคม-4 พฤษภาคม 2563 โดยหลักเกณฑ์การพิจารณาขออนุญาตใช้ตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษกสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (www.opm.go.th) ในการนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานแบบเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์ โดยด้านหน้าเป็นแบบตราสัญลักษณ์ ส่วนด้านหลังมีคำว่า “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. 2562” ซึ่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดำเนินการจัดทำเข็มที่ระลึกเพื่อจำหน่าย เพื่อให้ประชาชนได้อัญเชิญไปประดับในช่วงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ขณะนี้อยู่ระหว่างขึ้นแบบเข็มที่ระลึก ทั้งนี้ รายได้จากการจำหน่ายเข็มที่ระลึกทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่าย รัฐบาลจะนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย ในส่วนของเสื้อโปโลสีเหลืองประดับตราสัญลักษณ์ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำเสื้อต้นแบบ คาดว่าจะสามารถจำหน่ายได้พร้อมกับเข็มที่ระลึกในช่วงต้นเดือนเมษายน 2562 โดยในวันที่ 31 มีนาคม 2562 จะเปิดจำหน่ายให้ประชาชนทั่วไปเป็นปฐมฤกษ์ จำนวนอย่างละ 20,000 ชิ้น ณ อาคารหอประชุมกรมประชาสัมพันธ์
สำหรับตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพุทธศักราช 2562 ประกอบด้วยอักษรพระปรมาภิไธย วปร อยู่ตรงกลาง พื้นอักษรสีขาวขอบเดินทอง อันเป็นสีของวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันพระบรมราชสมภพ ภายในอักษรประดับเพชรตามความหมายแห่งพระนามมหาวชิราลงกรณ อักษร วปร อยู่บนพื้นสีขาบ (สีน้ำเงินเข้ม) อันเป็นสีของขัตติยกษัตริย์ ภายในกรอบพุ่มข้าวบิณฑ์สีทองสอดสีเขียว อันเป็นสีซึ่งเป็นเดชแห่งวันพระบรมราชสมภพ กรอบทรงพุ่มข้าวบิณฑ์อัญเชิญมาจากกรอบที่ประดิษฐานพระมหาอุณาโลม อันเป็นพระราชลัญจกรประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ แวดล้อมด้วยเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ อันเป็นเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย์และเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นสมเด็จพระบรมราชาธิราช ได้แก่ พระมหาพิชัยมงกุฎ พร้อมอุณาโลมประกอบเลขมหามงคลประจำรัชกาลอยู่เบื้องบน พระแสงขรรค์ชัยศรีกับพระแส้จามรีทอดไขว้อยู่เบื้องขวา ธารพระกรกับพัดวาลวิชนีทอดไขว้อยู่เบื้องซ้าย และฉลองพระบาทเชิงงอนอยู่เบื้องล่าง พระมหาพิชัยมงกุฎหมายถึงทรงรับพระราชภาระอันหนักยิ่งของแผ่นดินเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน พระแสงขรรค์ชัยศรีหมายถึงทรงรับพระราชภาระปกป้องแผ่นดินให้พ้นจากภยันตราย ธารพระกรหมายถึงทรงดำรงราชธรรมเพื่อค้ำจุนบ้านเมืองให้ผาสุกมั่นคง พระแส้จามรีกับพัดวาลวิชนีหมายถึงทรงขจัดปัดเป่าความทุกข์ยากเดือดร้อนของอาณาประชาราษฎร์ ฉลองพระบาทเชิงงอนหมายถึงทรงทำนุบำรุงปวงประชาทวดรัฐสีมาอาณาจักร เบื้องหลังพระมหาพิชัยมงกุฎประดิษฐานพระมหาเศวตฉัตรอันมีระบายขลิบทอง จงกลยอดฉัตรประกอบรูปพรหมพักตร์อันวิเศษสุด ระบายชั้นล่างสุดห้อยอุบะจําปาทอง แสดงถึงพระบารมีและพระบรมเดชานุภาพที่ปกแผ่ไปทั่วทิศานุทิศ เบื้องล่างกรอบอักษรพระปรมาภิไธยมีแถบแพรพื้นสีเขียวถนิมทอง ขอบขลิบทอง มีอักษรสีทองความว่า “พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพุทธศักราช 2562” ปลายแถบแพรเบื้องขวามีรูปคชสีห์กายม่วงอ่อนประคองฉัตร 7 ชั้น หมายถึงข้าราชการฝ่ายทหาร เบื้องซ้ายมีรูปราชสีห์กายขาวประคองฉัตร 7 ชั้น หมายถึงข้าราชการฝ่ายพลเรือน ผู้ปฏิบัติราชการสนองงานแผ่นดินอยู่ด้วยกัน ข้างคันฉัตรด้านในทั้งสองข้างมีดอกลอยกนกนาค แสดงถึงปีมะโรงนักษัตรอันเป็นปีพระบรมราชสมภพ สีทองหมายถึงความเจริญรุ่งเรืองยิ่งของประเทศชาติและประชาชน
You must be logged in to post a comment Login