- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 2 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 2 months ago
- โลกธรรมPosted 2 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 2 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 2 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 2 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 2 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 2 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 2 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 2 months ago
นายกฯขอให้เลิกวาทกรรม”คนจนติดคุก”ทุกคนต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นำคณะผู้บริหารเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อนำเสนอผลงานเด่นของกระทรวงยุติธรรม “ยุติธรรมใส่ใจ… เพื่อสังคมแห่งความปลอดภัยของทุกคน”
โดยนายกรัฐมนตรีได้ทดลองมองตัวเลขสถิติคดีด้วยแว่นดูภาพ 3 มิติ เพื่อดูการช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงกองทุนยุติธรรม โดยพบว่าประชาชนเข้าถึงกองทุนเพิ่มขึ้น 115% ใน 4 ปี และสามารถเยียวยาเหยื่อและแพะในคดีอาญาได้เพิ่มขึ้น 237% พร้อมขอให้กระทรวงยุติธรรมดูแลเรื่องผู้มีรายได้น้อยที่ไม่สามารถต่อสู้คดีได้ โดยเฉพาะคดียายเก็บเห็ดที่ต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ เพราะอาจจะกลายเป็นว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรเลย และกลายเป็นวาทกรรมคนจนติดคุก คนรวยอยู่บ้าน
พล.อ.ประยุทธ์ยังได้สวมกอดและพูดคุยให้กำลังใจ น.ส.ศรีนวล กวางทอง อายุ 52 ปี ชาวอำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ที่ได้รับความช่วยเหลือจากสำนักงานยุติธรรมจังหวัดลพบุรีกรณีถูกรถยกของทับขาจนไม่สามารถทำงานได้และถูกเจ้าของบริษัทรถยกยัดเงินให้จบคดี โดยนายกรัฐมนตรีขอให้สู้และอดทน ซึ่งรัฐบาลพยายามทำทุกอย่าง ขอให้เลิกวาทกรรมคนจนติดคุก
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังได้ฟังเพลงแร็พ “ยุติธรรมใส่ใจ justice care” จากบ๊อบบี้-นิติกร สิมะลี สมาชิกวง 3.50 บาท โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งให้กระทรวงยุติธรรมส่งคลิปเพลงไปทั่วประเทศ เนื่องจากเพลงทำให้ประชาชนเข้าถึงและมีความสนใจเพิ่มมากขึ้น ใครที่เดือดร้อนเจ้าหน้าที่ต้องเข้าถึงทันทีใน 24 ชั่วโมง
พล.อ.ประยุทธ์ยังได้เยี่ยมชมร้านกาแฟวังจันทร์ ซึ่งเป็นร้านกาแฟที่เปิดขายในโซนเปิดภายในเรือนจำจังหวัดอยุธยา เป็นตัวอย่างของการเปิดพื้นที่ฝึกอาชีพให้ผู้ต้องขังที่สามารถใช้งานได้จริง และมีผู้ต้องขังสร้างรายได้จากการขายกาแฟเดือนละ 5 คน มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 12,000-15,000 บาท พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ประจำบู๊ธนำกาแฟร้อนที่มีฟองนมแต่งหน้ากาแฟเป็นภาพนายกรัฐมนตรี พร้อมเขียนข้อความว่า “รักลุงตู่” ให้นายกรัฐมนตรีดื่ม ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นการเพิ่มมูลค่าให้สินค้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี และกาแฟอร่อย พร้อมย้ำว่าขอให้เลิกวาทกรรมคนจนติดคุกอีกครั้ง
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังถามถึงความคืบหน้าคดีเสือดำกับ พล.อ.อ.ประจิน ซึ่งได้รับคำตอบว่าคดีจะเข้าสู่การพิจารณาของศาลชั้นต้นในวันที่ 19 มีนาคมนี้ พร้อมระบุว่าทุกคนต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อต่อสู้คดี
นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมบู๊ธโครงการส่งเสริมสัมมาชีพและผลิตภัณฑ์เพื่อการพัฒนาพฤตินิสัย ซึ่งเป็นโครงการของกระทรวงยุติธรรมที่จัดทำขึ้นเพื่อติดตามและส่งเสริมการกลับเข้าสู่สังคมของคนที่เคยเป็นผู้ต้องขัง นายกรัฐมนตรีได้รับฟังทีมงานของโครงการที่ทำหน้าที่ช่วยดูแลกลุ่มอดีตผู้ต้องขัง ร้องเพลงยุติธรรมใส่ใจฯ ก่อนที่จะพบกับอดีตผู้ต้องขังที่ปัจจุบันทำกีตาร์ขาย พร้อมเซ็นชื่อที่ไม้ทำกีตาร์ให้เป็นกำลังใจในการกลับเข้าสู่สังคม
You must be logged in to post a comment Login