วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

รัฐจับมือเอกชนส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุหลังเกษียณ

On March 13, 2019

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการมีงานทำให้ผู้สูงอายุ ระหว่างกรมการจัดหางาน, กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน, กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน, สำนักงานประกันสังคม, กรมกิจการผู้สูงอายุ, กรมการพัฒนาชุมชน, กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น, สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน, สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย, สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย, สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย และหน่วยงานภาคเอกชน รวม 23 หน่วยงาน ตามโครงการ “รวมพลังประชารัฐ ส่งเสริมการมีงานทำให้ผู้สูงอายุ” สร้างคุณค่า สร้างหลักประกันที่มั่นคงทางรายได้ให้ผู้สูงอายุ เป้าหมาย 100,000 คนทั่วประเทศ ดีเดย์เปิดรับสมัครพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้ (13 มี.ค.) เป็นต้นไป

พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันไทยมีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปประมาณ 12 ล้านคน การดูแลในส่วนของกระทรวงแรงงานได้ขับเคลื่อนส่งเสริมการมีงานทำของผู้สูงอายุ โดยคณะกรรมการค่าจ้างได้ประชุมเพื่อพิจารณากำหนดอัตราค่าจ้างที่เหมาะสมสำหรับการจ้างงานผู้สูงอายุ ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว คือ 1.ช่วงอายุสำหรับการจ้างแรงงานผู้สูงอายุ:ใช้สำหรับการจ้างลูกจ้างผู้สูงอายุ ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, 2.ประเภทงาน เช่น งานเสมียน พนักงาน งานเกี่ยวกับการค้า งานด้านบริการหรืองานไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกจ้างผู้สูงอายุ, 3.อัตราค่าจ้างรายชั่วโมง อัตราเดียวเท่ากันทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 45 บาทต่อชั่วโมง, 4.กำหนดระยะเวลาทำงานที่เหมาะสมสำหรับลูกจ้างผู้สูงอายุ โดยไม่ควรเกิน 7 ชั่วโมงต่อวัน และไม่เกิน 6 วันต่อสัปดาห์

ในปีนี้ตั้งเป้าหมายให้ผู้สูงอายุมีงานทำอย่างน้อย 100,000 คน แบ่งเป็นแรงงานผู้สูงอายุในระบบจำนวน 20,000 คน เป็นลูกจ้างเอกชน 15,000 คน และลูกจ้างภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจ 5,000 คน และแรงงานผู้สูงอายุนอกระบบจำนวน 80,000 คน แบ่งเป็นส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระจำนวน 70,000 คน และส่งเสริมการรับงานไปทำที่บ้าน จำนวน 10,000 คน

สำหรับการลงนาม MOU วันนี้ เป็นการขับเคลื่อนส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีงานทำ โดยบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม มีเจตจำนงจะส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้สูงอายุได้มีงานทำในอาชีพที่เหมาะสมกับวัยและประสบการณ์ เป็นการสร้างหลักประกันที่มั่นคงด้านรายได้ลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐในด้านสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุ ผ่านการจ้างงานจากหน่วยงานในภาคีเครือข่าย โดยมีระยะเวลาของบันทึกความเข้าใจ 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ลงนามในบันทึกความเข้าใจฉบับนี้เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตามเพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนจ้างแรงงานผู้สูงอายุเข้าทำงานมากขึ้น รัฐบาลได้ออกมาตรการจูงใจ โดยการตราพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 639) พ.ศ.2560 กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีสิทธินำรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างผู้สูงอายุมายกเว้นภาษีเงินได้ โดยสามารถหักรายจ่ายได้ 2 เท่าในการจ้างผู้สูงอายุเข้าทำงานในสถานประกอบการของตน โดยรายจ่ายที่จะได้รับการยกเว้นภาษี ต้องเกิดจากรายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าจ้างให้แก่ผู้สูงอายุไม่เกินเดือนละ15,000 บาท

สำหรับผู้สูงอายุที่สนใจสามารถสมัครงานผ่าน 5 ช่องทางคือ

1. ศูนย์ บริการจัดหางานเพื่อคนไทย (Smart Job Center) สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด
2. สถานประกอบการ
3. เว็บไซต์ www.Smartjob.doe.go.th
4. ตู้งาน (Job Box)
5.สายด่วน 1506 เปิดรับสมัครพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้( 13 มี.ค.)เป็นต้นไป


You must be logged in to post a comment Login