วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

“ประชาธิปัตย์”ย้ำเหม็นขี้หน้าไม่ขอจับมือ”เพื่อไทย”

On March 13, 2019

ที่พรรคประชาธิปัตย์  นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า  กรณีที่มีหลายคนสงสัยหรือสับสนต่อการประกาศจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นนายกฯอีก และไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทยนั้น ถ้าทุกคนถอดอารมณ์แล้วมองด้วยสติและข้อเท็จจริง จะเห็นว่าทุกพรรคแข่งขันกันด้วยนโยบาย เพื่อให้ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่วันนี้ความมีอารมณ์ได้กลบนโยบายดีๆที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องการนำเสนอ คำถามที่ว่าเราจะไปจับมือกับพรรคใดนั้นไม่สำคัญเท่ากับการที่ประชาชนมีกินมีใช้ มีเงินเก็บเพียงพอ แต่สังคมลืมเรื่องพวกนี้ไป พรรคประชาธิปัตย์จึงอยากบอกว่าเราจะมาโฟกัสที่การแก้ปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชนมากกว่าเกมการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ย้ำอีกครั้งว่าไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยก็ชัดเจนว่าไม่จับมือกับเรา ต่างคนต่างประกาศว่าเหม็นขี้หน้ากัน อย่างไรก็ตามจึงขอให้ประชาชนเลือกว่าพรรคใดจะมาแก้ไขปัญหาของท่านได้ดีที่สุด และอย่าใช้ความสะใจ 

เมื่อถามว่าพรรคพลังประชารัฐยังยืนยันที่จะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ใช่หรือไม่ นายจุติ กล่าวว่า ตอนนี้เราตั้งใจมุ่งเน้นเรื่องนโยบายมากกว่า ส่วนเราจะจับมือกับใครนั้นต้องฟังเสียงประชาชนในวันที่ 24 มี.ค.นี้ แน่นอน  เมื่อถามต่อว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ปราศรัยว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศจุดยืนดังกล่าว แสดงว่าจะจับมือกับพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นายจุติ กล่าวว่า เราพูดเป็นครั้งที่พันแล้วว่าจะไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยยืนยันว่าไม่จับกับเรา เขาไม่เข้าใจหรืออย่างไร ประชาชนก็ฟังรู้เรื่องแล้วว่า 2 พรรคนี้เหม็นขี้หน้ากัน ไม่จำเป็นต้องให้ความเห็นอะไรอีก 

ขณะที่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า  พรรคประชาธิปัตย์แสดงจุดยืนอย่างตรงไปตรงมาและอยู่บนพื้นฐานเหตุผลหลายด้าน คือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ได้แสดงศักยภาพให้เห็นชัดเจนว่า 5 ปีที่ผ่านมาไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 2.พล.อ.ประยุทธ์ใช้อำนาจแฝงโดยมิชอบ เกินขอบเขต ปกปิดข้อมูลหลายด้านจนเกิดข้อครหาการทุจริตคอร์รัปชั่นที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ และแทรกแซงองค์กรอิสระ 3.พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่าสิ่งพรรคการเมืองทำกันขณะนี้เป็นเพราะทุกคนอยากเป็นนายกฯ ซึ่งคือการสืบทอดอำนาจทางการเมืองเช่นกัน ซึ่งถือว่าพล.อ.ประยุทธ์กำลังใช้ตรรกะที่บิดเบี้ยว 

“พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาโดยการยึดอำนาจ และอ้างว่าจะเข้ามาปฏิรูป และแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น แต่กลับทำตรงกันข้าม สิ่งเหล่านี้ถือเป็นพฤติกรรมที่เอาเปรียบนักการเมือง โดยใช้มาตรา 44 แก้ไขกฎหมายพรรคการเมืองที่ออกมาแล้ว แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้ สิ่งเหล่านี้เป็นกระบวนการของการสืบทอดอำนาจชัดเจน ซึ่งไม่ใช่วาทกรรมการเมือง พล.อ.ประยุทธ์มีทั้งพฤติกรรม และกิจกรรมที่ทำมาอย่างต่อเนื่องว่าสืบทอดอำนาจ ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ไม่สนับสนุนพฤติกรรม และกิจกรรมของพล.อ.ประยุทธ์ให้ทำเพื่อการสืบทอดอำนาจต่อไป เพราะ 5 ปีที่ผ่านมาถือว่าได้พิสูจน์ตัวเองเพียงพอแล้ว ควรเปิดโอกาสให้นักการเมืองอาชีพตามปกติในระบอบประชาธิปไตยเสนอตัวทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนเพื่อที่จะนำพาประเทศนี้เดินหน้าต่อไป” นายองอาจ กล่าว


You must be logged in to post a comment Login