วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ยิ่งใกล้ยิ่งเหนื่อย

On March 14, 2019

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 14 มี.ค. 62)

ยิ่งวันเลือกตั้งขยับเข้ามาใกล้มากเท่าไร ทีมสนับสนุน “ลุงตู่” เป็นนายกรัฐมนตรียิ่งมีแต่จะเหนื่อยมากขึ้น เพราะแต่ละวันที่ผ่านไปมีแต่ประเด็นตัดแต้มฝ่ายตัวเองเพิ่มแต้มให้ฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะประเด็นเรื่องความชอบธรรม การเอาเปรียบ ความไม่เป็นกลาง สิ่งต่างๆเหล่านี้นอกจากเป็นประเด็นให้คนกลางๆเบือนหน้าหนีแล้ว ยังขยี้ให้คนที่ไม่รักไม่ชอบอยู่แล้วพากันเฮโลออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งชนิดที่ว่าพลาดไม่ได้ ต่อให้ไปทำงานไกลแค่ไหนก็ต้องกลับบ้านไปใช้สิทธิลงคะแนน ยิ่งมีคนออกไปใช้สิทธิมากยิ่งเพิ่มระดับความยากให้ภารกิจอุ้ม “ลุงตู่” นั่งเก้าอี้นายกฯมากขึ้น

“เราตั้งเราก็ต้องคุมให้ได้”

ประโยคเด็ดจากปาก “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ตอบผู้สื่อข่าวหลังถูกถามว่าในอนาคตจะคุมสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่งตั้งได้หรือไม่

ชัดเจนแจ่มแจ๋วไม่ต้องขอคำอธิบายเพิ่มเติม เหมือนกับกรณีรายชื่อคณะกรรมการสรรหา ส.ว. และรายชื่อผู้ที่ถูกเสนอให้เป็น ส.ว. ที่จะไม่มีการเปิดเผยจนกว่าจะรู้ผลเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)

ผลการเลือกตั้ง ส.ส. กับการแต่งตั้ง ส.ว. ถูกเอามาผูกโยงเป็นคนละเรื่องเดียวกัน เพราะรู้ดีว่าหากเปิดเผยรายชื่อกรรมการสรรหา ส.ว. และผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็น ส.ว. ก่อนรู้ผลเลือกตั้งอาจกระทบต่อคะแนนเสียงของพรรคฝ่ายสนับสนุน “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกคำรบหนึ่ง

ลำพังประเด็น คสช. เป็นผู้คัดเลือก ส.ว. แล้ว ส.ว. มีอำนาจร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีก็กระทบคะแนนเสียงมากพออยู่แล้ว เรื่องอะไรจะเปิดรายชื่อ ส.ว. ให้เห็นก่อนเลือกตั้งเพื่อเพิ่มน้ำหนักการโจมตีเรื่องสืบทอดอำนาจให้มากขึ้น

แม้เรื่องแบบนี้จะไม่เปลี่ยนใจคนที่เลือกข้างไปแล้ว แต่คนกลางๆที่ยังไม่ตัดสินใจและกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งมีสิทธิเลือกตั้งเป็นครั้งแรกอาจช่วยให้ตัดสินใจลงคะแนนง่ายขึ้น โดยเฉพาะการโหวตให้พรรคที่ประกาศไม่เอา “ลุงตู่”

นอกจากเรื่องคัดเลือก ส.ว. ที่กระทบต่อผลคะแนนแล้ว เรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตีตกสอบเอาผิดโต๊ะจีนระดมทุนพรรคพลังประชารัฐก็อาจกระทบต่อผลคะแนนด้วย

แม้ผลสอบระบุออกมาว่าไม่ผิด แต่กรณีที่คนยื่นคำร้องโวยวายว่าสอบไม่ตรงประเด็นที่ยื่นก็ทำให้สังคมเกิดข้อกังขาขึ้นมา

ทางที่ดี กกต. ควรกางคำร้องของผู้ที่ยื่นให้สอบกับผลสอบเทียบเคียงกันเป็นข้อๆให้ชัดเจนว่าคำร้องมีกี่ข้อ แต่ละข้อมีผลการพิจารณาอย่างไร เพราะยิ่งปล่อยให้คลุมเครือจะยิ่งกระทบต่อพรรคพลังประชารัฐ

นอกจากเรื่องโต๊ะจีนระดมทุนแล้ว อีกเรื่องที่ กกต. จะต้องตอบคำถามให้เกิดความกระจ่างคือ เรื่องคุณสมบัติของ “ลุงตู่” ในประเด็นการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ดูเหมือนว่าตอนนี้ฝ่ายที่ร้องให้สอบจะทำให้สังคมเชื่อแล้วว่า “ลุงตู่” มีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งไม่สามารถลงสมัครชิงเก้าอี้นายกฯได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำคำสั่งศาลที่เคยวินิจฉัยคดีอื่นที่ชี้ว่า “ลุงตู่” เป็นเจ้าหน้าที่รัฐมายืนยัน ทำให้มีน้ำหนักความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นมาก

ได้ข่าวว่า กกต. จะพิจารณาเรื่องคุณสมบัติของ “ลุงตู่” ใน 1-2 วันนี้ ต้องรอดูว่า กกต. จะตัดสินอย่างไร

ถ้าบอกว่าไม่ขาดคุณสมบัติจะเอาเหตุผลอะไรมาใช้อธิบาย จะอ้างว่ารัฐธรรมนูญยกเว้นให้ก็ต้องอธิบายให้เคลียร์ว่ารัฐธรรมนูญยกเว้นให้เฉพาะข้าราชการการเมืองหรือยกเว้นการเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐด้วย หรือยกเว้นเป็นกรณีพิเศษให้เฉพาะ “ลุงตู่” เพียงรายเดียว

สิ่งต่างๆเหล่านี้นอกจากเป็นประเด็นให้คนกลางๆเบือนหน้าหนีแล้ว ยังเป็นประเด็นขยี้ให้คนที่ไม่รักไม่ชอบอยู่แล้วพากันเฮโลออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งชนิดที่ว่าพลาดไม่ได้ ต่อให้ไปทำงานไกลแค่ไหนก็ต้องกลับบ้านไปใช้สิทธิลงคะแนน

มีแต่ประเด็นตัดแต้ม ยิ่งใกล้วันลงคะแนนพรรคที่สนับสนุน “ลุงตู่” ยิ่งเหนื่อย


You must be logged in to post a comment Login