วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

“เพื่อไทย”เปิดแคมเปญโค้งสุดท้าย”พอแล้วนักการเมืองดัดจริตต่อชีวิตเผด็จการ”

On March 17, 2019

ที่พรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย และ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ผู้สมัคร ส.ส. กทม. พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงนโยบายอาทิตย์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง โดยได้มีการเปลี่ยนแคมเปญหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายเป็น “พอแล้ว! นักการเมืองดัดจริต ต่อชีวิตเผด็จการ” รวมถึงติดป้ายหาเสียงเพิ่มเติม และเปลี่ยนแบ็กดร็อปห้องแถลงข่าวเป็นชุดข้อความแคมเปญล่าสุดด้วย

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า 7 วันสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง เรามองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญ อยู่บนความคาดหวังของประชาชนมากกว่าทุกครั้ง การเลือกตั้งครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้ง เพราะมีกติกาที่ไม่เหมือนกติกาสากล เป็นกติกาที่สร้างขึ้นมาเพื่อเอื้ออำนวยการสืบทอดอำนาจของ คสช. พรรคเพื่อไทยจึงจะบอกประชาชนว่า เหลือเวลา 7 วันสุดท้าย ขอให้ประชาชนพิจารณาและไปเลือกตั้งแบบมียุทธศาสตร์ เพื่อหยุดการสืบทอดอำนาจของ คสช. และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ไม่เลือกโดยรักใครชอบใคร เพราะสุดท้ายพรรคที่ท่านชอบหรือคนที่ท่านชอบแม้ชนะแต่อาจจะไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล ประชาชนต้องรู้จุดยืนของแต่ละพรรคว่าเป็นอย่างไร ไม่สืบทอดอำนาจของ คสช. ต้องเลือกพรรคเพื่อไทยเท่านั้น และต้องเลือกอย่างถล่มทลาย เพราะ 5 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่ได้เดินหน้า มีแต่ถอยหลัง รัฐบาลพยายามบอกว่าบ้านเมืองสงบ แต่เป็นความสงบที่ไม่มีคุณภาพ ประชาชนลำบาก และเศรษฐกิจแย่ ทั้งที่ก่อนการรัฐประหารเศรษฐกิจประเทศไทยอยู่ในลำดับ 4 ของอาเซียน ลำดับคอร์รัปชันของไทยในช่วงที่ไม่มีนักการเมืองตกไปอยู่ที่ลำดับที่ 99 จากที่เคยอยู่ลำดับที่ 85

“5 ปีที่ผ่านมาล้มเหลวมาก แต่กลับมีนักการเมืองของบางพรรคการเมืองที่คิดต่อท่ออำนาจเผด็จการ การเลือกตั้งครั้งนี้มีเพียง 2 ทางเลือกคือ กลุ่มพรรคที่หนุน พล.อ.ประยุทธ์ หนุนการสืบทอดอำนาจ กับกลุ่มพรรคที่ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์และการสืบทอดอำนาจ แต่ในขณะเดียวกันก็มีกลุ่มพรรคที่ยังมีจุดยืนที่ไม่ชัดเจน กล้าพูดว่าไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ แต่ไม่กล้าพูดว่าจะไม่เอาพรรคที่ไม่สืบทอดอำนาจ แล้วสุดท้ายหลังการเลือกตั้งก็จะมีคำพูดที่เหตุผลหล่อๆที่จะไปร่วมกับพรรคสืบทอดอำนาจ นี่คือยุทธศาสตร์แรกที่เราเสนอให้ประชาชนตัดสินใจเลือก ยุทธศาสตร์ที่ 2 คือ กติกาที่ไม่เหมือนเดิม คสช. กำลังเข้ามายึดอำนาจจากประชาชนผ่านรัฐธรรมนูญลายพราง ให้ พล.อ.ประยุทธ์กลับมาสืบทอดอำนาจได้อีกครั้ง เป็นกติกาที่ประชาชนเสียเปรียบ ไม่ได้ทำตามความต้องการของประชาชนในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะมี ส.ว. 250 คนที่ พล.อ.ประยุทธ์ตั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมขึ้นมาเลือก ใช้เงินภาษีของประชาชนไปคัดสรรมา ประชาชนต้องรู้ว่าหากออกไปเลือกตั้งน้อยจะทำให้เสียงของประชาชนถูกบิดเบือนด้วย ส.ว. 250 คน ถ้าประชาชนไม่อยากยอมแพ้ให้เผด็จการ ไม่อยากใช้ชีวิตอย่างสิ้นหวัง มีทางเดียวคือเราต้องหยุดการสืบทอดอำนาจของ คสช. โดยการไปเลือกพรรคเพื่อไทย เพื่อผ่ากฎหมายลายพราง”

เมื่อถามถึงรายละเอียดของนโยบาย “หวยบำเหน็จ” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า เอาความชอบของประชาชนส่วนใหญ่มาปรับ ชวนประชาชนให้มาออมเงินโดยการซื้อหวยทุกเดือนแล้วเงินไม่หายไปไหน ได้รับรางวัลคล้ายล็อตเตอรี่ คือมีรางวัล 2 ตัว 3 ตัว จะซื้อมากหรือซื้อน้อยก็ได้ เป็นความเต็มใจนำเงินมาออม เงินจากการซื้อหวย สมมุติจำนวนแสนล้านบาทเงินก็ไม่หายไปไหน แต่จะกลายเป็นเงินออมของประชาชน มีดอกเบี้ยและเงินปันผลให้ อายุ 20 ปีเริ่มซื้อ ก็ซื้อไปจนถึงอายุ 60 ปี โดยผู้ซื้อต้องมีบัญชีซื้อหวย แต่ต่างกันที่หวยบำเหน็จสามารถเลือกซื้อเลขได้ ซึ่งหากเสียชีวิตก่อนเกษียณเงินก็จะตกเป็นของลูกหลาน โดยเบื้องต้นสลากจะขายเป็นหน่วย หน่วยละ50 บาท และประชาชนสามารถเลือกตัวเลขเพื่อลุ้นรางวัลได้

ขณะที่นายชูศักดิ์กล่าวว่า ปัจจุบันกองสลากเป็นคนจ่ายเงินให้เรา อีกประเภทคือธนาคารออมสินที่ออกมาในรูปแบบสลากออมสิน แต่หวยบำเหน็จที่เราคิดต่างจากตรงนี้คือ ซื้อเหมือนหวยปรกติ แต่เงินไม่หายไป ถ้าถูกรับเงินที่ถูกไป แต่ถ้าไม่ถูกเอาเงินที่ซื้อหวยไปเข้ากองทุนเพื่อออมไว้ แล้วเบิกได้เมื่อเกษียณอายุ ทั้งนี้ คงต้องมีการตราเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยธนาคารออมสิน ว่าด้วยสลากบำเหน็จ และปรับกองทุนการออมแห่งชาติให้มีกองทุนประเภทหนึ่งขึ้นมาเพื่อรองรับตรงส่วนนี้ เราคิดมารอบคอบแล้วว่าทำได้ และทำได้แน่


You must be logged in to post a comment Login