- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 3 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 19 มี.ค. 62)
กระแสการตื่นตัวของประชาชนที่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้ามากถึงร้อยละ 86.98 ของจำนวนผู้ลงทะเบียน 2.6 ล้านคน สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนตื่นตัวทางการเมือง และต้องยอมรับความจริงว่าการตื่นตัวนี้เกิดจากกระแสความต้องการการเปลี่ยนแปลงที่จุดติดแล้ว ทำให้เชื่อได้ว่าเลือกตั้งจริง 24 มีนาคม น่าจะมีคนออกมาใช้สิทธิมากเป็นประวัติการณ์ ยิ่งกระแสความต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงมีมากยิ่งทำให้ภารกิจผลักดัน “ลุงตู่” นั่งเก้าอี้นายกฯรอบสองมีความยากมากขึ้น เข้าตำรายิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ ยิ่งออกตัวแรงยิ่งเหนื่อย
ตัวเลขประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าร้อยละ 86.98 จากจำนวนผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิ 2.6 ล้านคน โดยมีหลายเขตเลือกตั้งที่ประชาชนใช้สิทธิเกินกว่าร้อยละ 90 แสดงให้เห็นว่าประชาชนมีความตื่นตัวกับการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นอย่างมาก
ทำให้มีโอกาสเป็นไปได้ว่าการเลือกตั้งจริงในวันที่ 24 มีนาคมนี้ น่าจะได้เห็นประชาชนออกมาใช้สิทธิกันไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ซึ่งถือว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งของไทย
ที่เป็นอย่างนี้เพราะประชาชนรู้สึกอัดอั้นต่อสภาพบ้านเมืองในช่วงที่ผ่านมาและต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ซึ่งการเลือกตั้งเป็นเพียงความหวังเดียวที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ต้องการได้
หากดูจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา คะแนนฐานของ 2 พรรคการเมืองใหญ่คือเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์รวมกันอยู่ที่ประมาณ 27 ล้านคะแนน ซึ่งเกินครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในครั้งนี้ที่มีอยู่ประมาณ 50 ล้านเสียง
ถ้าประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งร้อยละ 80 เท่ากับว่าจะมีคะแนนรวมอยู่ที่ประมาณ 40 ล้านเสียง
เมื่อ 2 พรรคใหญ่เอาไปแล้ว 27 ล้านเสียง ก็เหลือเพียงแค่ประมาณ 13 ล้านเสียง ให้พรรคการเมืองอื่นแย่งชิงกัน
หากเป็นอย่างนี้หมายความว่าพรรคอันดับ 3 ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐที่สนับสนุน “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี จะได้จำนวน ส.ส. ห่างจาก 2 พรรคใหญ่พอสมควร แม้จะเป็นแหล่งรวมอดีต ส.ส. อยู่จำนวนมากก็ตาม
ยิ่งจำนวน ส.ส. ห่างจากพรรคที่ชนะเลือกตั้งมากเท่าไร โอกาสที่จะชิงการนำจัดตั้งรัฐบาลยิ่งเป็นเรื่องยาก โอกาสที่ “ลุงตู่” จะได้นั่งเก้าอี้นายกฯรอบสองก็เป็นเรื่องยาก
หากการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม ประชาชนออกมาใช้สิทธิเกินกว่าร้อยละ 80 จริง ยิ่งทำให้โอกาสที่ “ลุงตู่” จะเข้าใกล้เก้าอี้นายกฯยิ่งน้อยลง เพราะต้องไม่ลืมว่าในจำนวนประมาณ 13 ล้านเสียงที่เหลือให้พรรคอื่นช่วงชิงกันนั้น มีเสียงของคนกลางๆที่ยังไม่ได้ตัดสินใจรวมอยู่ด้วยจำนวนมาก อาจจะถึงประมาณ 1 ใน 3 หรือคิดเป็นตัวเลขกลมๆประมาณ 4 ล้านเสียง
ยิ่งใกล้เลือกตั้งเชื่อว่าคนกลุ่มนี้จะตัดสินใจได้เด็ดขาดว่าจะกาให้พรรคการเมืองใด ไม่มีลังเลหรือโหวตโน ซึ่งถ้าดูจากกระแสประชาชนที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงที่จุดติดขึ้นแล้วในตอนนี้ คะแนนเหล่านี้ก็จะเทไปข้างไม่เอา “ลุงตู่” ค่อนข้างแน่
เข้าตำรายิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ
ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งเก้าอี้นายกฯยิ่งลอยห่างออกไปเรื่อยๆ
แม้จะมีเสียง ส.ว. ตุนอยู่แล้ว 250 เสียง แต่เมื่อผลเลือกตั้งออกมา ส.ว. อาจไม่มีโอกาสได้ยกมือ เพราะเสียง ส.ส. เมื่อรวมกันแล้วมากพอที่จะโหวตเลือกนายกฯได้ด้วยตัวเอง
You must be logged in to post a comment Login