วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ของย้อนเข้าตัว

On March 20, 2019

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 20 มี.ค. 62)

การกรีธาทัพของฝ่ายสนับสนุน “ลุงตู่” ที่ต้องการเร่งเครื่องเพื่อชิงคะแนนโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งที่เปรียบเสมือนการปล่อยของทุกอย่างที่มีเพื่อชิงคะแนนเสียงควบคู่การตัดแต้มพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม ทำไปทำมาดูเหมือนว่าของจะย้อนเข้าตัว ไม่ได้ทำลายคะแนนฝ่ายตรงข้ามแต่กลับตัดแต้มฝ่ายตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของ “ลุงกำนัน” ที่แสดงออกหลัง “อภิสิทธิ์” ประกาศเท “ลุงตู่” ที่ดูเหมือนว่ายิ่งพูดยิ่งสาวไส้ฝ่ายเดียวกันเองมากกว่าทิ่มแทงศัตรู

อีก 3 วันจะถึงวันเลือกตั้ง

ถึงตอนนี้เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ตัดสินใจเรียบร้อยแล้วว่าหนึ่งคะแนนในมือจะมอบให้พรรคการเมืองใด จะไว้ใจใครให้เข้ามาบริหารประเทศเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับคนไทยทุกคน

การหาเสียงที่เข้มข้นรุนแรงขึ้นตอนนี้แทบไม่มีความหมาย คงไม่อาจเปลี่ยนใจประชาชนที่ตัดสินใจไปแล้วได้

ที่เป็นอย่างนี้เพราะนักการเมืองส่วนใหญ่ (แทบจะทั้งหมดเลยก็ว่าได้) ได้แก้ผ้ายืนกลางสี่แยกให้ประชาชนเห็นหมดแล้วว่าใครเป็นอย่างไร มีแนวคิด มีอุดมการณ์อย่างไร ใครเคยร่วมกันทำอะไรมาบ้างในเกมชิงอำนาจช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

เมื่อแก้ผ้าล่อนจ้อนจนประชาชนรู้เช่นเห็นชาติ ไม่ว่าจะตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ หรือจีบปากจีบคอเสแสร้งแสดงอย่างไร ประชาชนก็ไม่เชื่ออีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุนี้เองประชาชนจึงสามารถตัดสินใจได้ทันทีว่าจะเลือกใคร

ที่น่าสนใจที่สุดคือความล่อนจ้อนที่ออกจากปากของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย และเป็นความล่อนจ้อนที่อาจส่งผลมุมกลับต่อฝ่ายที่กำลังพยายามช่วยกันทำภารกิจอุ้ม “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง

ไม่ว่าจะเป็นการแฉเบื้องหลังการทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แม้จะเล่าไม่หมด แต่แค่ที่พูดออกมาประชาชนก็พอปะติดปะต่อเรื่องราวในอดีตได้

ไม่ว่าจะเป็นการพูดย้ำแล้วย้ำอีกถึงกรณีที่ “ลุงตู่” มี 250 เสียงจาก ส.ว. ที่แต่งตั้งเองกับมือตุนในกระเป๋าแล้ว ขอ ส.ส. อีก 126 เสียง ภารกิจนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีรอบสอบก็จะสำเร็จตามเป้าหมาย

ถือเป็นคำพูดที่ตอกย้ำให้ประชาชนเห็นว่ารัฐธรรมนูญที่เขียนมานั้นมีเป้าหมายเพื่ออะไร ทำให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบหรือเอื้อให้ได้เปรียบพรรคการเมืองอื่นหรือไม่ ที่พยายามสร้างภาพบอกว่าเป็นกติกาเพื่อการปฏิรูปการเมืองนั้นสิ้นความน่าเชื่อถือลงทันทีเมื่อพูดย้ำบ่อยๆว่ามีตุนตั้งแต่ยังไม่เลือกตั้งรออยู่แล้ว 250 เสียง

ยิ่งคำพูดที่ว่าร่วมต่อสู้กันมาอย่างไรในช่วงเหตุการณ์การเมืองปี 2552-2553 และ 2556-2557 ก่อนจบด้วยการทำรัฐประหาร ยิ่งทำให้ทุกอย่างชัดเจนแจ่มแจ๋วจนทำให้คนไทยตาสว่างเพิ่มอีกหลายคน

นี่ยังไม่รวมค่าแรงขั้นต่ำวันละ 425 บาทของพรรคพลังประชารัฐที่เรียกเสียงยี้จากนักลงทุน

การกรีธาทัพของนายสุเทพและผองเพื่อนในช่วงโค้งสุดท้ายโดยหมายมั่นว่าจะวิ่งเข้าเส้นชัยให้ได้ก่อนพรรคการเมืองอื่นหรือที่เรียกว่าปล่อยของอาจไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เพราะแทนที่จะปล่อยของใส่คู่แข่ง แต่กลับปล่อยของใส่พวกเดียวกันเอง เหมือนของที่ปล่อยย้อนเข้าตัว

จากเดิมที่แพ้แน่นอนอยู่แล้ว มีความเป็นไปได้ว่าจะยิ่งแพ้ห่างมากขึ้น


You must be logged in to post a comment Login