- อย่าไปอินPosted 11 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 1 day ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ปฏิกิริยาหลังสังหารหมู่ที่ไครสต์เชิร์ช
คอลัมน์ สันติธรรม
ปฏิกิริยาหลังสังหารหมู่ที่ไครสต์เชิร์ช
โดย บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้วันสุข วันที่ 22-29 มีนาคม 2562)
การกราดยิงมุสลิมอย่างเลือดเย็นในขณะกำลังละหมาดที่มัสยิดอัลนูรฺในเมืองไครสต์เชิร์ช นิวซีแลนด์ เมื่อวันศุกร์ที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 49 คน และบาดเจ็บอีกหลายสิบคนเท่านั้น แต่ยังสร้างความสะพรึงกลัวและความสะเทือนใจไปทั่วโลกจากระบบการสื่อสารที่ฉับไว
หลังจากภาพเหตุการณ์กราดยิงถูกแพร่ออกไปได้ 2 วัน ก็ได้รับการขอร้องหรือไม่ก็ถูกสั่งให้ลบออกไปจากสื่อออนไลน์ นับเป็นเรื่องดีที่คิดได้เช่นนั้น เพื่อเป็นการป้องกันความรู้สึกไม่ดีของผู้คน
เมื่อเกิดเหตุการณ์ 911 ในวันที่ 11 กันยายน 2001 ภาพเครื่องบินถล่มตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ถูกแช่ไว้บนสื่อกระแสหลักของโลกอยู่นานนับเป็นสัปดาห์พร้อมกับวาทกรรม “ลัทธิก่อการร้าย” ซึ่งต่อมาถูกใช้เป็นนัยถึงอิสลาม และผู้นับถืออิสลามถูกมองเป็นผู้ก่อการร้าย นับตั้งแต่นั้นมาโรคอิสมาโฟเบียหรือโรคหวาดกลัวอิสลามก็ระบาดไปทั่วโลก
หลังการกราดยิงในไครสต์เชิร์ช ฆาตกรถูกจับได้ สื่อของโลกมุสลิมและสื่อกระแสหลักของโลกไม่มีการอ้างอิงถึงศาสนาของคนที่เป็นฆาตกร
ในอิสลามมีคำสอนของนบีมุฮัมมัดกล่าวว่า “ผู้ศรัทธาในพระเจ้าเป็นพี่น้องกัน” และ “มุสลิมเปรียบเหมือนเรือนร่างเดียวกัน เมื่อส่วนหนึ่งส่วนใดเจ็บปวด ส่วนอื่นๆก็เจ็บปวดด้วย” ดังนั้น มุสลิมในส่วนต่างๆของโลกจึงแสดงการมีส่วนร่วมในความเจ็บปวดที่แตกต่างกันออกไป
ที่ประเทศตุรกี ก่อนการแข่งขันฟุตบอลนัดหลังเกิดโศกนาฏกรรมที่นิวซีแลนด์ นักฟุตบอล 2 ทีมที่ลงสนามแข่งขันได้ยืนไว้อาลัย และผู้ชมรอบสนามร่วมกันส่งเสียงประกาศความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าแทนการร้องเพลงเชียร์ทีมของตน เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจร่วมกับญาติของผู้สูญเสียในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย
เมื่อเชค อบูฮัมซะฮ์ ชาวเยอรมันที่หันมาเข้ารับอิสลาม ถูกถามเรื่อง “มุสลิมก่อการร้าย” เขาตอบเป็นคำถามกลับว่า ใครเป็นผู้ก่อสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2? ใครเป็นคนทิ้งระเบิดที่ฮิโรชิมาและนางาซากิ? ใครฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอินเดียนเเดงในทวีปอเมริกา? ใครฆ่าชาวพื้นเมืองเผ่าอะบอริจินในออสเตรเลีย? ใครฆ่าประชาชนชาวเวียดนามนับล้านคนในสงครามเวียดนาม?
หลังการกราดยิงที่นิวซีแลนด์ นายเฟรเซอร์ แอนนิ่ง วุฒิสมาชิกรัฐควีนส์แลนด์ของออสเตรเลีย ได้ออกแถลงการณ์ของเขาตอนหนึ่งว่า
“สาเหตุที่แท้จริงของการนองเลือดบนถนนในนิวซีแลนด์คือแผนการอพยพที่ยอมให้พวกหัวรุนแรงมุสลิมเข้ามาในนิวซีแลนด์เป็นเบื้องแรก ขอให้เรามีความชัดเจนก่อนว่า ในขณะที่มุสลิมตกเป็นเหยื่อในทุกวันนี้ โดยปรกติแล้วพวกเขาเป็นผู้กระทำความผิด มุสลิมทั่วโลกกำลังฆ่าคนในนามของความศรัทธาของพวกเขาในระดับอุตสาหกรรม”
เขากล่าวต่อไปว่า “ศาสนาทั้งหมดของอิสลามเป็นเพียงอุดมการณ์รุนแรงของเผด็จการศตวรรษที่ 6 ที่ปลอมแปลงตัวเป็นผู้นำศาสนาที่หาเหตุผลสนับสนุนการทำสงครามอย่างไม่สิ้นสุดต่อใครก็ตามที่ต่อต้านอุดมการณ์และเรียกร้องให้มีการฆ่าผู้ไม่ศรัทธาและคนที่ออกจากศาสนา ความจริงแล้วอิสลามไม่เหมือนกับศาสนาอื่นๆ มันเป็นเหมือนกับลัทธิฟาสซิสต์ และเพียงเพราะสาวกของความเชื่ออันเหี้ยมโหดนี้มิได้เป็นผู้สังหารในเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้ทำให้พวกเขาปลอดจากการถูกตำหนิ”
หลังจากนั้นเมื่อเขาออกมาให้สัมภาษณ์แสดงจุดยืนของเขา เด็กหนุ่มชาวออสเตรเลียวัย 17 ปีคนหนึ่ง ได้เอาไข่ไก่สดฟาดลงไปบนหัวของเขาเพื่อเป็นการแสดงออกว่าความคิดของเขาแม้แต่เด็กก็ไม่อาจยอมรับได้
สำหรับผมเมื่อได้รับข่าวอันเศร้าสลดนี้จากเพื่อน สิ่งที่ผมทำได้คือการวิงวอนต่อพระเจ้าว่า “ขอพระองค์ได้โปรดทำให้เลือดของผู้เสียชีวิตในครั้งนี้เป็นดั่งน้ำฝนที่รดต้นไม้แห่งอิสลามให้เติบโตและแพร่ขยายออกไปทั่วโลก”
You must be logged in to post a comment Login