วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ไม่ไกลเกินเอื้อม

On March 29, 2019

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 29 มี.ค. 62)

การแถลงผลคะแนนรวมเลือกตั้งทั่วประเทศ 100% เต็มของ กกต. ทำให้พรรคพลังประชารัฐขยับเข้าใกล้การจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาอีกขั้น แม้ตัวเลขว่าที่ ส.ส. ยังน้อยกว่า แต่คะแนนดิบก็พุ่งทะยานทิ้งห่างพรรคเพื่อไทยไปถึง 512,499 คะแนน ซึ่งจะส่งผลให้ได้เก้าอี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มขึ้น แถมยังมีพรรคเล็กพรรคน้อยที่น่าจะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพิ่มอีกกว่า 10 ที่นั่ง ขณะที่พรรคอนาคตใหม่เก้าอี้ ส.ส. จะหายไปพอสมควร

แทรกคิวด่วนแถลงก่อนนัดหมายหนึ่งวัน

คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งโต๊ะแถลงผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ 100% ทั่วประเทศ จำนวนผู้มีสิทธิ 51,239,628 คน มาใช้สิทธิ 38,268,375 คน คิดเป็น 74.69% ไม่มาใช้สิทธิ 12,971,263 คน คิดเป็น 25.31% จำนวนบัตรเลือกตั้ง 38,268,366 บัตร เป็นบัตรดี 35,532,645 บัตร คิดเป็น 92.85% บัตรเสีย 3,120,307 บัตร คิดเป็น 5.57% บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 605,392 บัตร คิดเป็น 1.58%

พรรคที่ได้รับคะแนนมากที่สุดคือ พรรคพลังประชารัฐ 8,433,060 คะแนน พรรคเพื่อไทย 7,920,561 คะแนน พรรคอนาคตใหม่ 6,265.918 คะแนน พรรคประชาธิปัตย์ 3,947,702 คะแนน พรรคภูมิใจไทย 3,732,940 คะแนน

อย่างไรก็ตาม เป็นแค่การแถลงผลคะแนนรวม ยังไม่ได้แถลงรายเขตว่าผู้สมัครแต่ละพรรคได้คะแนนเท่าไร และผู้สมัครพรรคไหนชนะเลือกตั้งในเขตใดบ้าง ซึ่งตัวแทน กกต. ที่มานั่งแถลงก็ไม่ได้ให้เหตุผลว่าทำไมจึงไม่สามารถบอกได้ว่าพรรคไหนชนะเลือกตั้งในเขตไหนบ้าง พรรคไหนได้ว่าที่ ส.ส. กี่คน

หากจะให้ความเป็นธรรมก็คงเป็นเพราะยังมีเรื่องร้องเรียนการเลือกตั้งที่ต้องพิจารณาจึงยังไม่สามารถประกาศผู้ชนะรายเขตได้ ประมาณว่าถ้าประกาศไปแล้วผู้ชนะเขตนั้นได้ใบเหลืองใบแดงใบส้มขึ้นมาก็ต้องมากดเครื่องคิดเลขบวกลบกันใหม่

แต่หากพูดกันในแง่ความน่าจะเป็น ในเมื่อประกาศตัวเลขคะแนนของแต่ละพรรคออกมาแล้วก็น่าจะประกาศจำนวนว่าที่ ส.ส. ของแต่ละพรรคพร้อมกันเหมือนที่เคยปฏิบัติมา ไม่ต้องให้ตามไปดูข้อมูลตัวเลขของแต่ละพรรคในเว็บไซต์

การแถลงของ กกต. ครั้งนี้มีความน่าสนใจ 2 ประเด็น

ประเด็นแรกคือ การประกาศเฉพาะคะแนนรวมที่โชว์ให้เห็นว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคที่ได้คะแนนโหวตมากที่สุด ชนะพรรคเพื่อไทยที่ตามมาอันดับสองถึง 512,499 คะแนน ถือว่าชนะโหวต ทำให้ไปเพิ่มน้ำหนักเรื่องความชอบธรรมในการชิงจัดตั้งรัฐบาลที่พรรคพลังประชารัฐกอดผลคะแนนร่วมเถียงกับฝ่ายเพื่อไทยที่ได้จำนวนว่าที่ ส.ส. มากกว่า

นอกจากนี้จากจำนวนเสียงที่ชนะพรรคเพื่อไทยจะทำให้พรรคพลังประชารัฐได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ขณะที่พรรคอนาคตใหม่จะถูกหั่นเก้าอี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อลง และมีพรรคเล็กพรรคน้อยที่ไม่ได้เก้าอี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อก่อนหน้านี้ได้เก้าอี้รวมๆกันแล้วกว่า 10 ที่นั่ง

ประเด็นที่สองคือ เรื่องร้องเรียนที่ตอนนี้มีเข้ามาแล้วถึง 186 เรื่อง และยังมีทยอยเข้ามาอีกเรื่อยๆ ในจำนวนนี้เป็นเรื่องที่มีหลักฐานแล้วประมาณ 40 เรื่อง ส่วนเรื่องที่มีแต่คำร้องต้องรอการแสวงหาหลักฐานต่อไป

ไม่ต้องพูดถึง 186 เรื่อง หรือเรื่องที่จะร้องเรียนเพิ่มเติม เอาแค่ 40 เรื่องที่มีเค้ารางแล้วก็สามารถเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ทั้งในส่วนของจำนวน ส.ส.เขตและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

ตามกติกาใหม่ที่ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว หากผู้สมัครถูกตัดสินว่ามีความผิด แม้จะไม่ได้เป็นผู้ชนะเลือกตั้งในเขตนั้น แต่คะแนนที่ได้ไม่ว่าจะกี่คะแนนจะถูกตัดทิ้ง ไม่นำมานับเพื่อคิดคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

ก่อนที่จะออกใบรับรองการเป็น ส.ส. อย่างเป็นทางการในวันที่ 9 พฤษภาคม อะไรก็เกิดขึ้นได้ ฝ่ายที่อ้างว่ารวมเสียงกันแล้วได้เกินครึ่งของสภาผู้แทนราษฎรอาจพลิกเป็นเสียงข้างน้อยก็ได้ใครจะรู้

เมื่อตัวเลขยังไม่นิ่ง อะไรก็จึงยังไม่แน่


You must be logged in to post a comment Login