ฮีโร่แต่งตั้ง

On March 29, 2019

คอลัมน์ : ร้ายสาระ

ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 29 มีนาคม – 5 เมษายน 2562)

เกิดเหตุเพลิงลุกไหม้ภายในอุโมงค์ลอดใต้ภูเขามงต์บลองค์ ควันไฟหนาทึบทำให้ผู้ที่ติดอยู่ในรถขาดอากาศหายใจสลบหมดสตินอนรอความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ จนกระทั่งมีผู้กล้าหาญขี่มอเตอร์ไซค์ฝ่าควันไฟบุกเข้าไปช่วยเหลือถึง 5 ครั้ง ช่วยได้กว่าสิบชีวิต แต่สุดท้ายเขาก็ต้องพลีชีพในกองเพลิง ทำให้เขาได้รับการยกย่องเป็น “ฮีโร่”

อุโมงค์ทางหลวงมงต์บลองค์เป็นอุโมงค์ลอดใต้ภูเขามงต์บลองค์เชื่อมต่อระหว่างอิตาลีและฝรั่งเศส ก่อสร้างโดยบริษัทสัญชาติอิตาเลียนและบริษัทสัญชาติฝรั่งเศสรับผิดชอบกันคนละครึ่งทาง มีความยาว 11.6 กิโลเมตร เปิดใช้งานเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1965 ซึ่งนับว่าเป็นอุโมงค์ทางหลวงที่ยาวและลึกที่สุดในโลกในสมัยนั้น

วันที่ 24 มีนาคม 1999 กิลเบิร์ต ดีกราฟ สัญชาติเบลเยียม ขับรถบรรทุกแป้งหนัก 12 ตัน และเนยเทียมหนัก 9 ตัน จ่ายเงินค่าผ่านทางที่ด่านฝั่งฝรั่งเศสมุ่งหน้าไปส่งของที่อิตาลี หลังจากขับรถบรรทุกผ่านเข้าไปในอุโมงค์ได้เพียงไม่กี่นาทีก็รู้สึกแปลกใจที่รถยนต์ฝั่งที่วิ่งสวนมากะพริบไฟหน้ารถ เขาจึงมองดูที่กระจกมองหลังเห็นควันลอยขึ้นมาจากตู้บรรทุกสินค้า

กิลเบิร์ตจอดรถที่กึ่งกลางอุโมงค์พยายามดับเพลิงที่ลุกไหม้แต่ไม่สำเร็จ ในวันนั้นมีกระแสลมแรงพัดจากฝั่งอิตาลีเข้ามาในอุโมงค์ทำให้กลุ่มควันลอยพุ่งไปทางฝรั่งเศส รถยนต์ที่ขับตามหลังรถบรรทุกมาจากฝรั่งเศสต่างก็กลับรถเพื่อหนีกลับออกไปทางเดิมที่เพิ่งวิ่งเข้ามา

คนมาช่วยยังไม่รอด

เพียงไม่กี่นาทีหลังเกิดเพลิงไหม้ ควันก่อตัวหนาทึบภายในอุโมงค์จนมองอะไรไม่เห็น รถบรรทุกที่มาจากฝั่งฝรั่งเศสไม่สามารถกลับลำได้ ประกอบกับมีรถยนต์ที่ขับตามกันเข้ามา จะถอยหลังก็ถอยไม่ได้ หลายคนสำลักควันไฟนั่งหมดสติอยู่ภายในรถ คนที่ยังพอมีสติเปิดประตูทิ้งรถพยายามวิ่งหนีไปยังปากอุโมงค์ แต่ควันที่หนาทึบทำให้ภายในอุโมงค์ขาดอากาศหายใจ พวกเขาล้มลงหมดสติบนพื้นถนน

รถดับเพลิง 2 คันจากสถานีสกีรีสอร์ตเมืองชาโมนิกซ์ของฝรั่งเศสนำนักดับเพลิง 15 นายมุ่งหน้าตรงมาที่อุโมงค์ เมื่อพวกเขามาถึงภายในอุโมงค์มืดสนิทเพราะความร้อนจากเปลวเพลิงทำให้สายไฟฟ้าในอุโมงค์หลอมละลาย แทนที่นักดับเพลิงจะมาช่วยผู้ประสบภัย กลับกลายเป็นว่าพวกเขากลายผู้ประสบภัยเสียเอง

ความร้อนจากเปลวเพลิงทำให้ถังน้ำมันรถบรรทุกระเบิด เปลวเพลิงโหมรุนแรงมากยิ่งขึ้น ประกอบกับเนยเทียมและแป้งที่บรรทุกมาเป็นเชื้อเพลิงที่ดี นักดับเพลิงต้องทิ้งรถวิ่งกรูกันไปหลบภัยในห้องระบายอากาศที่มีอยู่ 2 ห้องบนผนังอุโมงค์ พวกเขาได้รับการช่วยเหลือจากทีมนักดับเพลิงชุดที่ 3 ในอีก 5 ชั่วโมงต่อมา แต่ถึงกระนั้นหัวหน้าชุดดับเพลิงก็เสียชีวิตจากการสำลักควันไฟ

กำเนิดฮีโร่

ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง เพียร์ลูซิโอ ทินาซซี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอุโมงค์มงต์บลองค์ชาวอิตาเลียน ทำหน้าที่ลาดตระเวนดูความเรียบร้อยภายในอุโมงค์ ขี่มอเตอร์ไซค์ฝ่าควันไฟเข้ามาช่วยเหลือผู้ประสบภัยพาออกไปยังปากอุโมงค์ถึง 4 รอบ สามารถช่วยชีวิตผู้ประสบภัยได้กว่า 10 คน

เมื่อเพียร์ลูซิโอกลับเข้าไปในอุโมงค์เป็นรอบที่ 5 เขาพบมัวริซ ลีบราส์ คนขับรถบรรทุกชาวฝรั่งเศส หมดสติอยู่ภายในรถ เพียร์ลูซิโอดึงตัวมัวริซออกจากรถแต่ไม่สามารถนำตัวซ้อนท้ายมอร์เตอร์ไซค์ได้เพราะหมดสติอยู่ เพียร์ลูซิโอตัดสินใจประคองร่างของมัวริซเข้าไปในห้องหลบภัยซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก

ห้องหลบภัยสร้างขึ้นเพื่อใช้ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน มันป้องกันไฟได้นาน 2 ชั่วโมง แต่เหตุการณ์ครั้งนี้เพลิงลุกไหม้นานถึง 56 ชั่วโมง กว่าอุณหภูมิภายในอุโมงค์จะลดลงจนปลอดภัยต่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็กินเวลาหนึ่งสัปดาห์ ประเมินว่าเนยเทียมและแป้งที่บรรทุกมาเป็นเชื้อเพลิงเทียบเท่าน้ำมัน 23,000 ลิตร อุณหภูมิขณะเกิดเพลิงไหม้สูงถึง 1,000 องศาเซลเซียส

พบร่างผู้เสียชีวิตคายานพาหนะ 27 คน และเสียชีวิตขณะทิ้งรถวิ่งหนี 10 คน รวมถึงเพียร์ลูซิโอและมัวริซ ร่างของพวกเขาทุกคนมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน หนังสือพิมพ์อิตาเลียนประโคมข่าวสดุดีวีรกรรมของเพียร์ลูซิโอที่เสียสละฝ่าอันตรายช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยไม่คำนึงถึงตัวเอง

ขวัญใจชาวแว้น

เพียร์ลูซิโอหลงรักการขี่มอเตอร์ไซค์เป็นชีวิตจิตใจ เขาสมัครเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในอุโมงค์มงต์บลองค์เพราะเขาสามารถขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจได้ทั้งวัน จากวีรกรรมช่วยชีวิตผู้ประสบภัยกว่า 10 คนจนตัวเองต้องตายเสียเองทำให้รัฐบาลอิตาเลียนมอบเหรียญกล้าหาญชั้นสูงสุดให้กับครอบครัวเขา

สหพันธ์จักรยานยนต์ระหว่างประเทศ (FIM) มอบเหรียญทองคำสดุดีวีรกรรม ทำให้นักบิดทั่วโลกรู้จักชื่อเพียร์ลูซิโอ รวมถึงมาร์ค การ์ดิเนอร์ นักเขียนคอลัมน์นิตยสารมอเตอร์ไซค์ชาวอเมริกัน รู้สึกประทับใจเขียนบทความเป็นภาษาอังกฤษจากข้อมูลที่ได้จากหนังสือพิมพ์อิตาเลียน หลังจากนั้นก็มีนิตยสารมอเตอร์ไซค์หลายฉบับทั้งอังกฤษและแคนาดานำบทความของมาร์คไปพิมพ์ซ้ำ ยิ่งทำให้มีคนรู้จักเพียร์ลูซิโอมากยิ่งขึ้นไปอีก

วันครบรอบเหตุการณ์ของทุกปีจะมีนักบิดจำนวนมากไปรวมตัวกันที่อุโมงค์มงต์บลองค์เพื่อสดุดีและไว้อาลัยให้กับเพียร์ลูซิโอ และปีนี้เป็นวาระครบรอบ 20 ปี มาร์คได้รับมอบหมายจากนิตยสารนิวยอร์กไทม์ให้เขียนบทความเจาะลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนั้น

มาร์คค้นคว้าหาข้อมูลอยู่นานแต่กลับไม่มีใครสามารถให้ข้อมูลได้มากไปกว่าที่เคยปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์อิตาเลียนเมื่อ 20 ปีก่อน ทำให้มาร์คเริ่มสงสัยและยิ่งขุดลึกลงไปอีก จนกระทั่งไปได้ข้อมูลในวันเกิดเหตุแบบนาทีต่อนาที และคำให้การของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จากตำรวจฝรั่งเศส

โป๊ะแตก

จากข้อมูลใหม่ที่ได้มาสรุปได้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่เพียร์ลูซิโอจะขี่มอเตอร์ไซค์ช่วยชีวิตผู้ประสบภัยได้มากถึงกว่าสิบคน เพราะเขาขี่มอเตอร์ไซค์มาจากปากอุโมงค์ฝั่งฝรั่งเศส เขาไม่สามารถฝ่าควันที่หนาทึบครั้งแล้วครั้งเล่าได้ และตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ไม่มีผู้รอดชีวิตจากการช่วยเหลือของเพียร์ลูซิโอปรากฏตัวเลยแม้แต่คนเดียว ซึ่งผิดปรกติมาก

นักผจญเพลิงมืออาชีพ 15 คน ใช้รถดับเพลิง 2 คัน ยังไม่สามารถฝ่าควันไฟเข้าไปได้ อีกทั้งพวกเขายังแทบเอาตัวไม่รอด นับประสาอะไรกับคนเพียงคนเดียวและรถมอเตอร์ไซค์ 1 คันจะช่วยชีวิตคนนับสิบคนได้

ความเป็นไปได้ก็คือ ขณะเกิดเหตุเพียร์ลูซิโอกำลังขี่มอเตอร์ไซค์ตรวจความเรียบร้อยภายในอุโมงค์ หลังจากไปถึงปากอุโมงค์ฝั่งฝรั่งเศสเขาก็ย้อนรถกลับ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เกิดเพลิงไหม้กลางอุโมงค์ เพียร์ลูซิโอหยุดรถมอเตอร์ไซค์ลงไปช่วยมัวริซและพาตัวไปหลบเปลวเพลิงในห้องหลบภัย มัวริซเป็นผู้ประสบภัยเพียงคนเดียวที่เพียร์ลูซิโอพยายามช่วยแต่ก็ไม่สำเร็จ

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอุโมงค์มงต์บลองค์ที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยกว่าสิบคนตัวจริงเป็นชาวฝรั่งเศสชื่อ แพทริก เดอวัวซู เขามีหน้าที่ขี่มอเตอร์ไซค์ตรวจดูความเรียบร้อยภายในอุโมงค์เหมือนกับเพียร์ลูซิโอ แต่ในวันเกิดเหตุเขากำลังขับรถแวนมาจากฝั่งอิตาลี ไม่จำเป็นต้องฝ่าควันไฟเพราะกระแสลมพัดควันไฟไปทางฝรั่งเศส อีกทั้งเขาขับรถแวนสามารถช่วยเหลือคนจำนวนมากได้

หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นสับสนข้อมูลระหว่างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอุโมงค์มงต์บลองค์ 2 คน รีบตีพิมพ์ข่าวโดยไม่ทันได้ตรวจสอบความถูกต้อง และหลังจากที่มีกระแสชื่นชมวีรกรรมวีรบุรุษแต่งตั้งจนโด่งดังไปทั่วโลก พวกเขาจึงเลือกที่จะไม่กล่าวถึงเรื่องนี้อีก ปล่อยให้เลยตามเลยไป

ทางด้านสื่อฝรั่งเศสเองก็ไม่คิดที่จะทำลายศรัทธาความเชื่อของคนอิตาเลียน ขณะที่แพทริกไม่ต้องการเป็นคนมีชื่อเสียง เขาทำในสิ่งที่ควรจะทำเพียงเท่านั้น แพทริกได้รับการสดุดีจากนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสและอิตาลีเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 1999 ขณะที่มาร์ครู้สึกเสียใจที่เป็นต้นเหตุทำให้เรื่องราวนี้โด่งดังไปทั่วโลก แต่ก็โล่งใจที่ในที่สุดแล้วเขาก็ได้แก้ไขข้อผิดพลาดนี้โดยนำความจริงมาตีแผ่ แต่วีรกรรมของเพียร์ลูซิโอยังคงฝังอยู่ในจิตใจของคนอิตาเลียนไปอีกนานเท่านาน