- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 3 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ออกจากวิกฤต
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 2 เม.ย. 62)
การเมืองในสถานการณ์ที่ยังยันกันอยู่ทั้งสองฝ่ายจนดูเหมือนว่าจะเป็นเดดล็อก แต่การเลือกตั้งซ่อมจากการให้ใบเหลือง ใบส้มของ กกต. ที่มีกระแสข่าวว่าจะมีกว่า 100 เขต ถือเป็นแสงสว่างอย่างหนึ่ง เพราะผลเลือกตั้งซ่อมจะทำให้คะแนนรวมของการเมืองทั้งสองขั้วแตกต่างไปจากเดิมทั้งจำนวน ส.ส.เขตและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โอกาสมาแล้ว รักฝ่ายไหน เชียร์ฝ่ายใด ไปทุ่มคะแนนให้เต็มที่ แม้ผลที่ออกมาอาจแก้เรื่องโหวตเลือกนายกฯไม่ได้ แต่จะให้คำตอบที่ชัดเจนได้ว่าจะได้รัฐบาลเสียงข้างมากหรือรัฐบาลเสียงข้างน้อยบริหารประเทศ
การเจรจาจัดตั้งรัฐบาลที่กระแสข่าวเริ่มเบาลงตามหน้าสื่อไม่ได้หมายความว่าการเจรจาต่อรองจะเบาบางลงตามกระแสข่าวไปด้วย เบื้องหลังการเจรจากลับทวีความเข้มข้นกว่าที่เป็นข่าวหลายเท่าตัวตามประสาคนอยากได้อำนาจกับคนที่กำลังต่อรอง
อย่างไรก็ตาม การเจรจาไม่ว่าจะมีความคืบหน้าไปกี่มากน้อย แต่ทุกอย่างยังไม่ถือว่าเป็นข้อตกลงสุดท้าย เพราะยังมีตัวแปรสำคัญที่จะเปลี่ยนผลการเจรจาได้อีก นั่นคือการแจกใบเหลือง ใบส้ม ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
ข่าวล่าสุดที่ออกมาระบุว่า กกต. เตรียมพิจารณาแจกใบเหลือง ใบส้ม กับผู้สมัคร ส.ส. ที่ถูกร้องคัดค้านผลการเลือกตั้ง หรือถูกร้องทุจริตเลือกตั้ง ซึ่งมีเรื่องที่ถูกร้องให้พิจารณากว่า 200 เรื่อง แต่ที่น่าจับตามองมีอยู่ประมาณ 117 เรื่อง
ตามเดดไลน์ กกต. มีเวลาที่ต้องประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 95% ภายในวันที่ 9 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ เท่ากับว่า กกต. มีเวลาอีกประมาณเดือนนิดๆที่จะต้องประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง
ดังนั้น การให้ใบเหลือง ใบส้ม กับผู้สมัคร ส.ส. และการจัดเลือกตั้งใหม่จะต้องทำให้สะเด็ดน้ำภายในเดือนเมษายนนี้
ตามข่าวระบุว่า กกต. เล็งจัดเลือกตั้งซ่อมภายในไม่เกินวันที่ 28 เมษายน ส่วนจะมีการเลือกตั้งซ่อมที่ไหนบ้าง มีรายงานข่าวออกมาว่ามีกระจายทั่วทั้งประเทศ จังหวัดที่ต้องจับตาดู เช่น กรุงเทพฯ 6 เขต, กาญจนบุรี 1 เขต, กาฬสินธุ์ 3 เขต, กำแพงเพชร 2 เขต, ขอนแก่น 1 เขต, ตรัง 1 เขต, ฉะเชิงเทรา 2 เขต, ชลบุรี 2 เขต, ชุมพร 1 เขต, เชียงราย 2 เขต, เชียงใหม่ 1 เขต, นครปฐม 2 เขต, นครสวรรค์ 4 เขต, นครราชสีมา 7 เขต, นครศรีธรรมราช 1 เขต, นนทบุรี 2 เขต, พะเยา 1 เขต, เพชรบูรณ์ 3 เขต, พิจิตร 2 เขต, พิษณุโลก 4 เขต, พัทลุง 1 เขต, ปทุมธานี 1 เขต, มหาสารคาม 2 เขต, ยโสธร 4 เขต, ร้อยเอ็ด 5 เขต, ระนอง 1 เขต, ราชบุรี 5 เขต, ลำปาง 3 เขต, เลย 2 เขต, สมุทรสาคร 2 เขต, สิงห์บุรี 1 เขต, สุโขทัย 1 เขต, สุราษฎร์ธานี 1 เขต, อุดรธานี 1 เขต, อุบลราชธานี 7 เขต
หากต้องจัดเลือกตั้งใหม่ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ย่อมส่งผลกระทบต่อคะแนนรวมของพรรคการเมืองทั้งสองขั้วอย่างแน่นอน ทั้งในระบบ ส.ส.แบ่งเขตและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
หากผู้สมัครเดิมได้ใบส้มก็จะถูกระงับสิทธิการลงสมัคร การเปลี่ยนผู้สมัครย่อมกระทบต่อคะแนนเสียง เพราะในการเลือกตั้งซ่อมนั้นผู้สมัครที่มีคะแนนจัดตั้งย่อมได้เปรียบกว่าผู้สมัครที่ใช้กระแสพรรคเรียกคะแนน เพราะการเลือกตั้งซ่อมผู้ใช้สิทธิจะน้อยลงอย่างมาก พูดง่ายๆคือจะมากันเฉพาะแฟนพันธุ์แท้ของผู้สมัครเท่านั้น แต่หากได้แค่ใบเหลืองผู้สมัครคนเดิมยังมีโอกาสแก้ตัว
หากต้องมีการเลือกตั้งใหม่ทั้ง 117 เขตที่เป็นข่าวจริงก็ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่ประชาชนจะร่วมกันพาประเทศออกจากเดดล็อกทางการเมืองที่เกิดขึ้นในตอนนี้ด้วยการพร้อมใจกันออกไปเทคะแนนให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพื่อให้เสียงของฝ่ายนั้นมากกว่าเสียงของอีกฝ่ายอย่างมีนัยสำคัญทางการเมือง
แม้จะไม่สามารถเลือกให้จำนวน ส.ส. ของฝ่ายที่สนับสนุนรวมกันแล้วได้เกินครึ่งของรัฐสภา (ส.ส.+ส.ว.) แต่หากรวมกันเฉพาะ ส.ส. แล้วได้เกินหรือใกล้เคียง 300 เสียง จะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลที่มีปัญหาอยู่ในตอนนี้ทำได้ง่ายขึ้น
ไม่ว่าจะรักฝ่ายไหน เชียร์ฝ่ายใด การเลือกตั้งซ่อมยิ่งมากยิ่งเป็นโอกาสที่ประชาชนจะร่วมกันแสดงออกเพื่อปลดล็อกทางการเมือง เพราะผลการเลือกตั้งซ่อมจะทำให้ผลคะแนนรวมของการเมืองทั้งสองขั้วแตกต่างไปจากเดิมทั้งจำนวน ส.ส.เขตและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
เลือกตั้งซ่อมคือทางออกจากวิกฤตอย่างสันติทางหนึ่งที่ประชาชนควรพิจารณา
You must be logged in to post a comment Login